นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ แถลงว่า วันนี้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้จัดการประชุม PDMO-Market Dialogue กับผู้ร่วมตลาดตราสารหนี้ ซึ่งประกอบด้วย ผู้ค้าตราสารหนี้และนักลงทุนสถาบัน ได้แก่ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนประกันสังคม บริษัทประกันชีวิต และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้ร่วมตลาดเกี่ยวกับแนวทางการออกพันธบัตร ในปีงบประมาณ 2551
ที่ประชุมได้เห็นพ้องต้องกันในแนวทางการออกพันธบัตรประจำปีงบประมาณ 2551 เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและปรับโครงสร้างหนี้ ดังนี้
1) ปรับเปลี่ยนรุ่นอายุของพันธบัตร Benchmark ที่จะออกในปีงบประมาณ 2551 จากรุ่นอายุ 7 ปี และ 10 ปี เป็นรุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี
2) ปรับเพิ่มวงเงินของพันธบัตร Benchmark ทั้งสองรุ่นที่กล่าวในข้อ 1 เป็นประมาณ 60,000 - 80,000 ล้านบาทสำหรับรุ่นอายุ 5 ปี และประมาณ 60,000 ล้านบาทสำหรับรุ่นอายุ 10 ปี
3) ลดความถี่ในการประมูลพันธบัตร Benchmark ลงเหลือเดือนละครั้ง โดยพันธบัตรรุ่นอายุ 5 ปี จะประมูลทุกเดือนเลขคู่ และพันธบัตรรุ่นอายุ 10 ปี จะประมูลทุกเดือนเลขคี่
4) ออกพันธบัตรระยะยาว อายุ 15 ปี และ 20 ปี จำนวนรุ่นละประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนประเภทสถาบันที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว
5) Primary Dealers ทั้ง 9 ราย รับที่จะทำหน้าที่ Quote firm bid-offer อย่างน้อยวันละครั้ง สำหรับพันธบัตร Benchmark รุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี ผ่านระบบ FIRST วงเงินขั้นต่ำ 30 ล้านบาทต่อรุ่น โดยมี Bid-Offer Spread ไม่เกิน 5 Basis Points (bps)
6) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจะประกาศตารางการออกพันธบัตรล่วงหน้าทั้งปี และเป็นรายไตรมาสดังเช่นที่เคยปฏิบัติในปีที่ผ่านมา
แนวทางการออกพันธบัตรข้างต้น เป็นก้าวใหม่ตามแผนพัฒนาตลาดตราสารหนี้ระยะที่ 2 ที่มุ่งเน้นให้ตลาดตราสารหนี้มีขนาดใหญ่ขึ้น ตลาดรองมีสภาพคล่อง มีความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อันจะช่วยให้เกิดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่มีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการกู้เงินในระยะยาว
ร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะฉบับใหม่ ซึ่งกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะและประกันความสม่ำเสมอของอุปทานพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว
กรรมการผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ (BEX) ยืนยันว่าระบบ FIRST ซึ่งเป็นระบบซื้อขายตราสารหนี้อิเล็กทรอนิกส์ มีสมรรถภาพและความพร้อมที่จะรองรับการซื้อขายพันธบัตรดังกล่าว
อนึ่ง สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจะนำข้อสรุปที่ได้จากการหารือในวันนี้ เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2550 เป็นต้นไป
ส่วนพัฒนาตลาดแรกและเครื่องมือทางการเงิน
สำนักพัฒนาตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทรศัพท์ 0-2265-8050 ต่อ 5222
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 75/2550 21 สิงหาคม 50--
ที่ประชุมได้เห็นพ้องต้องกันในแนวทางการออกพันธบัตรประจำปีงบประมาณ 2551 เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและปรับโครงสร้างหนี้ ดังนี้
1) ปรับเปลี่ยนรุ่นอายุของพันธบัตร Benchmark ที่จะออกในปีงบประมาณ 2551 จากรุ่นอายุ 7 ปี และ 10 ปี เป็นรุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี
2) ปรับเพิ่มวงเงินของพันธบัตร Benchmark ทั้งสองรุ่นที่กล่าวในข้อ 1 เป็นประมาณ 60,000 - 80,000 ล้านบาทสำหรับรุ่นอายุ 5 ปี และประมาณ 60,000 ล้านบาทสำหรับรุ่นอายุ 10 ปี
3) ลดความถี่ในการประมูลพันธบัตร Benchmark ลงเหลือเดือนละครั้ง โดยพันธบัตรรุ่นอายุ 5 ปี จะประมูลทุกเดือนเลขคู่ และพันธบัตรรุ่นอายุ 10 ปี จะประมูลทุกเดือนเลขคี่
4) ออกพันธบัตรระยะยาว อายุ 15 ปี และ 20 ปี จำนวนรุ่นละประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนประเภทสถาบันที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว
5) Primary Dealers ทั้ง 9 ราย รับที่จะทำหน้าที่ Quote firm bid-offer อย่างน้อยวันละครั้ง สำหรับพันธบัตร Benchmark รุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี ผ่านระบบ FIRST วงเงินขั้นต่ำ 30 ล้านบาทต่อรุ่น โดยมี Bid-Offer Spread ไม่เกิน 5 Basis Points (bps)
6) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจะประกาศตารางการออกพันธบัตรล่วงหน้าทั้งปี และเป็นรายไตรมาสดังเช่นที่เคยปฏิบัติในปีที่ผ่านมา
แนวทางการออกพันธบัตรข้างต้น เป็นก้าวใหม่ตามแผนพัฒนาตลาดตราสารหนี้ระยะที่ 2 ที่มุ่งเน้นให้ตลาดตราสารหนี้มีขนาดใหญ่ขึ้น ตลาดรองมีสภาพคล่อง มีความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อันจะช่วยให้เกิดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่มีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการกู้เงินในระยะยาว
ร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะฉบับใหม่ ซึ่งกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะและประกันความสม่ำเสมอของอุปทานพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว
กรรมการผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ (BEX) ยืนยันว่าระบบ FIRST ซึ่งเป็นระบบซื้อขายตราสารหนี้อิเล็กทรอนิกส์ มีสมรรถภาพและความพร้อมที่จะรองรับการซื้อขายพันธบัตรดังกล่าว
อนึ่ง สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจะนำข้อสรุปที่ได้จากการหารือในวันนี้ เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2550 เป็นต้นไป
ส่วนพัฒนาตลาดแรกและเครื่องมือทางการเงิน
สำนักพัฒนาตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทรศัพท์ 0-2265-8050 ต่อ 5222
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 75/2550 21 สิงหาคม 50--