ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินที่ ธปท.ฝกช.(22)ว.1006/2550 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2550 แจ้งการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มเติมจากระเบียบเดิมที่เคยให้ความช่วยเหลือไปแล้วตั้งแต่ปี 2548 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เพิ่มวงเงินให้ความช่วยเหลือจากเดิมที่เคยกำหนดไว้ 20,736 ล้านบาท อีกจำนวน 5,000 ล้านบาท เป็นวงเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น 25,736 ล้านบาท
2. ขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือไปอีก 2 ปีจากเดิมที่จะครบกำหนดในปี 2551 เป็นครบกำหนดในปี 2553 เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจ และสามารถวางแผนการลงทุนและการประกอบธุรกิจระยะยาวได้
3. เพิ่มขอบเขตการให้ความช่วยเหลือให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการทั่วไปที่ประสงค์จะลงทุนใหม่ หรือลงทุนเพิ่มเติมในพื้นที่ให้อยู่ในข่ายได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากโครงการนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้น ให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ และการจ้างงานเพิ่มขึ้นใน 3 จังหวัด
การให้ความช่วยเหลือดังกล่าว นอกจากจะช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของผู้ประกอบการใน 3 จังหวัดแล้ว ยังคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการจ้างงาน เพราะจะกระตุ้นให้มีการลงทุนในพื้นที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะขอความช่วยเหลือทางการเงินตามโครงการนี้ ให้ยื่นขอต่อ สถาบันการเงินโดยตรง เมื่อสถาบันการเงินพิจารณาแล้วเห็นควรก็จะส่งเรื่องให้ ธปท. พิจารณาเห็นชอบ อีกครั้งโดยสามารถยื่นขอความช่วยเหลือได้ทุกเดือนจนกว่าวงเงิน 5,000 ล้านบาท จะถูกจัดสรรหมด แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินเดือนธันวาคม 2550
สำหรับผู้ประกอบการที่เคยได้รับความช่วยเหลืออยู่เดิมยังคงได้รับความช่วยเหลือต่อไป โดยไม่ต้องยื่นขอใหม่อีก
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. เพิ่มวงเงินให้ความช่วยเหลือจากเดิมที่เคยกำหนดไว้ 20,736 ล้านบาท อีกจำนวน 5,000 ล้านบาท เป็นวงเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น 25,736 ล้านบาท
2. ขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือไปอีก 2 ปีจากเดิมที่จะครบกำหนดในปี 2551 เป็นครบกำหนดในปี 2553 เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจ และสามารถวางแผนการลงทุนและการประกอบธุรกิจระยะยาวได้
3. เพิ่มขอบเขตการให้ความช่วยเหลือให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการทั่วไปที่ประสงค์จะลงทุนใหม่ หรือลงทุนเพิ่มเติมในพื้นที่ให้อยู่ในข่ายได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากโครงการนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้น ให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ และการจ้างงานเพิ่มขึ้นใน 3 จังหวัด
การให้ความช่วยเหลือดังกล่าว นอกจากจะช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของผู้ประกอบการใน 3 จังหวัดแล้ว ยังคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการจ้างงาน เพราะจะกระตุ้นให้มีการลงทุนในพื้นที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะขอความช่วยเหลือทางการเงินตามโครงการนี้ ให้ยื่นขอต่อ สถาบันการเงินโดยตรง เมื่อสถาบันการเงินพิจารณาแล้วเห็นควรก็จะส่งเรื่องให้ ธปท. พิจารณาเห็นชอบ อีกครั้งโดยสามารถยื่นขอความช่วยเหลือได้ทุกเดือนจนกว่าวงเงิน 5,000 ล้านบาท จะถูกจัดสรรหมด แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินเดือนธันวาคม 2550
สำหรับผู้ประกอบการที่เคยได้รับความช่วยเหลืออยู่เดิมยังคงได้รับความช่วยเหลือต่อไป โดยไม่ต้องยื่นขอใหม่อีก
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--