ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ศาลแพ่งพิพากษาให้นายเริงชัย มะระกานนท์ ชดใช้ความเสียหายให้กับ ธปท. 1.86 แสนล้าน
บาท เมื่อวานนี้ (31 พ.ค.48) ศาลแพ่งได้พิพากษาคดีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะโจทก์ที่ 1
และทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยน ในฐานะโจทก์ที่ 2 ได้ฟ้องนายเริงชัย มะระกานนท์ อดีตผู้ว่าการ ธปท.เป็น
จำเลย โดยคดีดังกล่าวอัยการยื่นฟ้องเมื่อ 12 ธ.ค.44 ตามฟ้อง สรุปว่า นายเริงชัยเป็นผู้ว่าการ ธปท. และ
กรรมการกองทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในปี 39-40 ได้อนุมัติให้นำเงินทุนสำรองทางการ
แทรกแซงในตลาดเงินตรา เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท ทำให้ ธปท.ต้องรับภาระส่งมอบเงินดอลลาร์จาก
การทำธุรกรรมขายดอลลาร์ในตลาดเงินตรา คิดเป็นเงินบาทถึง 193,812.59 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก
การทำสวอปในช่วง 1 พ.ย.39-30 มิ.ย.40 มีผลกำไร 7,298.771 ล้านบาท หักออกจากความเสียหายทั้งหมด
แล้ว จำเลยต้องรับผิดชดใช้ในส่วนขาดทุนในการทำธุรกรรมดังกล่าวให้โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 185,953,740,000
บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน นับแต่วันทำละเมิด (24 มิ.ย.41) เป็นต้นไปจนกว่า
ชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยให้นับถึงวันฟ้อง แต่ต้องไม่เกิน 62,090,420 บาท ดังนั้น รวมเป็นทุนทรัพย์ที่ฟ้องทั้งสิ้น
186,015,830,720 บาท และขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษา นอกจากนี้แล้วให้นายเริงชัย
ชำระค่าฤชาธรรมเนียมหรือค่าทนายความแทน ธปท.ด้วยอีก 500,000 บาท (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, บ้านเมือง, สยามรัฐ, แนวหน้า, ฐานเศรษฐกิจ)
2. ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน เม.ย.1,609 ล้านดอลลาร์ สรอ. สูงสุดในรอบ 9 ปี ผอส.ฝ่าย
เศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจในเดือน เม.ย.ว่า มีการขาดดุล
บัญชีเดินสะพัดจำนวน 1,609 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเป็นผลมาจากการขาดดุลการค้าที่สูงถึง 1,763 ล้าน
ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ดุลบริการเกินดุลเพียง 154 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน
เม.ย.นี้ เป็นการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงสุดในรอบ 9 ปี นับจากการขาดดุลจำนวน 1,907 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ในเดือน เม.ย.ปี 39 การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน เม.ย.ปีนี้ เป็นการขาดดุลอย่างต่อเนื่องจากเดือน มี.ค.
ที่มีการขาดดุลจำนวน 663 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมีสาเหตุหลักมาจากการขาดดุลการค้าจำนวน 1,763 ล้าน
ดอลลาร์ สรอ. จากการเร่งตัวของการนำเข้าที่สูงถึงร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น
มูลค่าการนำเข้าจำนวน 9,919 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ หากเทียบการนำเข้าในเดือน เม.ย.ปีนี้กับช่วงเดียวกัน
ของปีก่อนพบว่า มีการนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 มูลค่าการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.8
สินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 มูลค่าการนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 61 และมูลค่าการนำเข้ารถยนต์และชิ้น
ส่วนรถยนต์เพิ่มร้อยละ 24.6 ขณะที่การส่งออกเดือน เม.ย.มีมูลค่า 8,156 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วง
เดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.8 แต่ชะลอลงจากเดือน มี.ค.ที่มีอัตราขยายตัวร้อยละ 19.1 (กรุงเทพธุรกิจ, โลก
วันนี้, บ้านเมือง, แนวหน้า, ฐานเศรษฐกิจ, เดลินิวส์)
3. ครม.อนุมัติมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการลอยตัวน้ำมันดีเซลแบบบริหารจัดการ รมว.
พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการลอยตัวน้ำมันดีเซลแบบบริหาร
จัดการ (managed float) โดยปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อลดภาระการชดเชยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ชะลอการปรับเพิ่มราคาขายปลีกได้ 1 บาทต่อลิตร ปัจจุบันกองทุนชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 2.86 บาท
เมื่อใช้ระบบการลอยตัวแบบบริหารจัดการ การชดเชยจะลดเหลือ 1.76 บาทต่อลิตร โดยรัฐบาลจะลดภาษีสรรพ
สามิตน้ำมันดีเซลเป็นเวลา 10 เดือน ซึ่ง 6 เดือนแรกลดลง 1 บาทต่อลิตร จากอัตรา 2.3050 บาทต่อลิตร
เหลือ 1.3050 บาทต่อลิตร ทำให้กองทุนน้ำมันจ่ายเงินชดเชยลดลง 1.10 บาท และอีก 4 เดือนลดลงอีก 0.50
บาทต่อลิตร โดยรัฐบาลจะเสียรายได้ประมาณ 14,000 ล้านบาท และจะไม่มีการขึ้นราคาน้ำมันในทันที แต่จะทยอย
ปรับลดการชดเชยที่มีอยู่ 1.76 บาทต่อลิตรเป็นช่วง ๆ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันนี้ (1 มิ.ย.48)
เป็นต้นไป (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, สยามรัฐ, แนวหน้า)
4. ครม.อนุมัติกรมธนารักษ์ผลิตเหรียญ 2 บาทใช้หมุนเวียนในตลาด 400 ล้านเหรียญ นายไชยยศ
สะสมทรัพย์ รมช.ก.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้จัดทำและนำออกใช้เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา
2 บาท โดยคลังจะเปิดประมูลให้ผู้ผลิตเหรียญจากต่างประเทศ ซึ่งมี 10 กว่าราย เข้าร่วมประมูล โดยจะใช้การ
เปิดประมูลอี-ออคชั่น ทั้งนี้ จำนวนเหรียญ 2 บาทที่จะผลิตทั้งหมด 400 ล้านเหรียญ จะเริ่มผลิตระยะแรกประมาณ
20-30 ล้านเหรียญ และเริ่มนำออกใช้หมุนเวียนในตลาดเดือน ก.ย.นี้ สำหรับสาเหตุที่กรมธนารักษ์ต้องผลิต
เหรียญ 2 บาท เพื่อให้โครงสร้างของเหรียญที่ใช้ในปัจจุบันสมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะระหว่างเหรียญ 1 บาทกับ 5
บาท ซึ่งยังมีช่องว่างของราคาเหรียญที่ใช้ ทำให้จำนวนเหรียญบาทถูกใช้มากถึงร้อยละ 57.17 ของจำนวนเหรียญ
ทั้งหมด ส่งผลให้เหรียญเสื่อมสภาพเร็ว ขาดความสวยงาม และมีความเสี่ยงในการบริหารการผลิต ทำให้ต้นทุนสูง
(กรุงเทพธุรกิจ, สยามรัฐ, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่า ธ.กลางยุโรปหรือ ECB จะปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจ
ยุโรปหรือ Euro zone ในปีนี้ลงเหลือระหว่างร้อยละ 1.2 ถึง 1.4 ต่อปี รายงานจากแฟรงค์เฟริท์ เมื่อ 31 พ.
ค.48 นักวิเคราะห์จากธนาคารเพื่อการลงทุนหลายแห่งคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ของ Euro zone ในปีนี้ลงเหลือระหว่างร้อยละ 1.2 ถึง 1.4 ต่อปี ในการประชุมในวันที่ 2 มิ.ย.48 นี้ หลัง
จากในเดือน มี.ค.48 ECB คาดไว้ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 1.6 และขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ
2.1 ในปีหน้า โดยมีอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 1.9 และ 1.6 ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ ทั้งนี้เป็นผลจากความเชื่อมั่น
ของทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคใน 3 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดใน Euro zone คือ เยอรมนี, ฝรั่งเศสและ
อิตาลีลดลงจากอัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูง ผลการลงประชามติในฝรั่งเศสไม่ยอมรับกฎหมายของสหภาพยุโรป
ความไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนี และคาดว่าเศรษฐกิจของอิตาลีซึ่งใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของ Euro zone
จะขยายตัวร้อยละ 0 ในปีนี้หลังจากในไตรมาสแรกปีนี้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะถดถอย โดยคาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนี
จะขยายตัวร้อยละ 1.0 และฝรั่งเศสร้อยละ 2.0 — 2.5 ในปีนี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและไม่สมดุลของการ
ค้าโลกล้วนส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะยังไม่ลดอัตรา
ดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่มีหลายฝ่ายเรียกร้อง โดยจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 2.0 ต่อปีซึ่งใช้มา
เป็นเวลา 2 ปีแล้วต่อไปเพื่อรักษาระดับราคาให้มีเสถียรภาพซึ่งจะช่วยให้ตลาดการเงิน การขยายตัวทางเศรษฐกิจ
และการจ้างงานใน Euro zone สามารถขยายตัวต่อไปอย่างมีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
2. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ. ในสัปดาห์สิ้นสุด 29 พ.ค. ปรับตัวดีขึ้น รายงานจากกรุง
นิวยอร์ค ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 31 พ.ค.48 สำนักข่าว ABC และ นสพ.วอชิงตันโพสต์ เปิดเผยผลการ
สำรวจความคิดเห็นว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 พ.ค.48 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ —13
จากระดับ —15 เมื่อสัปดาห์ก่อน และเกือบเท่ากับค่าเฉลี่ย —12 ของปีนี้ โดยมีสาเหตุจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลด
ลงอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ทั้งนี้ ชาวอเมริกันที่มีมุมมองที่ดีต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ
37 จากร้อยละ 35 ในสัปดาห์ก่อน ส่วนจำนวนผู้บริโภคที่คาดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีของการบริโภคเพิ่มขึ้นเป็นร้อย
ละ 35 จากร้อยละ 34 ส่วนประชาชนที่คิดว่าการเงินส่วนตัวอยู่ในระดับดีเยี่ยมหรือดีไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ระดับร้อย
ละ 59 ในขณะที่มีรายงานอีกชุดหนึ่งเปิดเผยว่า บรรยากาศการบริโภคในเดือน พ.ค.48 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ
102.2 จากตัวเลขที่ปรับแล้ว 97.5 ในเดือน เม.ย.48 อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ให้ความเห็นว่า ไม่
เสมอไปที่ผู้บริโภคจะทำตามข้อมูลที่กรอกในแบบสอบถาม (รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษในเดือนพ.ค.ลดลง รายงานจากลอนดอน เมื่อ
วันที่ 31 พ.ค. 48 กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือนพ.ค.ลด
ลงอีกครั้งแต่น้อยกว่าที่เคยลดลงเมื่อเดือนที่แล้ว และคาดว่าในเดือนมิ.ย. ยอดค้าปลีกจะลดลงอีก และจะลดลงมาก
ที่สุดในรอบเกือบ 13 ปี นอกจากนั้นผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก Gfk Martin Hamblin แสดงถึง
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษลดลงอย่างมากในเดือนพ.ค. สร้างความวิตกกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการใช้
จ่ายภาคครัวเรือน ส่วนราคาพันธบัตรรัฐบาลของอังกฤษลดลงหลังจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวซึ่งก่อน
หน้านั้นในช่วงเดือนพ.ย. 46 และส.ค. 47 ธ.กลางอังกฤษได้เคยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 5 ครั้งเพื่อ
ลดความร้อนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ นักวิเคราะห์เห็นว่าตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวแสดงถึงการชะลอตัวของการ
ใช้จ่ายผู้บริโภคจึงเป็นการยากที่เศรษฐกิจจะขยายตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งคาดว่าธ.กลางอังกฤษมีความจำเป็นที่
จะต้องพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังปี 48 ลงเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ (รอยเตอร์)
4. ความเชื่อมั่นของธุรกิจภาคการผลิตของเกาหลีใต้ลดลงในเดือน มิ.ย.48 ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค
ในเดือน พ.ค.48 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน รายงานจากโซลเมื่อ 1 มิ.ย.48 ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยผล
การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจภาคการผลิตของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 ว่า ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ
5 เดือนมาอยู่ที่ระดับ 84 จากระดับ 91 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน โดยการที่ดัชนีอยู่
ต่ำกว่า 100 บ่งชี้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่มีมุมมองต่อภาวะธุรกิจในด้านไม่ดีมากกว่าในด้านดี และก่อให้เกิดความกังวลเพิ่ม
มากขึ้นว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้อาจจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดหมายไว้ อนึ่ง ดัชนีฯ เคยอยู่เหนือระดับ 100 มาแล้วเมื่อ
ไตรมาสที่ 4 ปี 45 ขณะที่ National Statistical Office เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ใน
เดือน พ.ค.48 อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.1 ไม่เปลี่ยนแปลงจาก 2 เดือนก่อนหน้า และเป็นไปตามการคาดการณ์ของนัก
เศรษฐศาสตร์ โดยมีสาเหตุจากการแข็งค่าของเงินวอนเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่งผลให้สินค้านำเข้าราคาถูกลง
แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงสูงอยู่ก็ตาม นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาน้ำมันและ
สินค้าเกษตร ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีที่ระดับร้อยละ 2.5 จากระดับร้อยละ 2.7 ในเดือนก่อนหน้า ท่ามกลาง
สถานการณ์ความต้องการในประเทศที่ชะลอตัว ทั้งนี้ รมว.คลังเกาหลีใต้กล่าวว่า เกาหลีใต้อาจต้องปรับลดเป้า
หมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 48 ลงจากเดิมที่กำหนดไว้ร้อยละ 5 ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเป้าหมายของ ธ.
กลางเกาหลีใต้ซึ่งคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 4 อนึ่ง เศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปี 47 ขยายตัวที่
ระดับร้อยละ 4.6 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 1มิ.ย. 48 31 พ.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.512 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.3319/40.6076 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.34375 — 2.35 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 667.55/12.79 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,000/8,100 7,950/8,050 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 46.93 46.09 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.14*/18.19** 22.14*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 17 พ.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ศาลแพ่งพิพากษาให้นายเริงชัย มะระกานนท์ ชดใช้ความเสียหายให้กับ ธปท. 1.86 แสนล้าน
บาท เมื่อวานนี้ (31 พ.ค.48) ศาลแพ่งได้พิพากษาคดีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะโจทก์ที่ 1
และทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยน ในฐานะโจทก์ที่ 2 ได้ฟ้องนายเริงชัย มะระกานนท์ อดีตผู้ว่าการ ธปท.เป็น
จำเลย โดยคดีดังกล่าวอัยการยื่นฟ้องเมื่อ 12 ธ.ค.44 ตามฟ้อง สรุปว่า นายเริงชัยเป็นผู้ว่าการ ธปท. และ
กรรมการกองทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในปี 39-40 ได้อนุมัติให้นำเงินทุนสำรองทางการ
แทรกแซงในตลาดเงินตรา เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท ทำให้ ธปท.ต้องรับภาระส่งมอบเงินดอลลาร์จาก
การทำธุรกรรมขายดอลลาร์ในตลาดเงินตรา คิดเป็นเงินบาทถึง 193,812.59 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก
การทำสวอปในช่วง 1 พ.ย.39-30 มิ.ย.40 มีผลกำไร 7,298.771 ล้านบาท หักออกจากความเสียหายทั้งหมด
แล้ว จำเลยต้องรับผิดชดใช้ในส่วนขาดทุนในการทำธุรกรรมดังกล่าวให้โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 185,953,740,000
บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน นับแต่วันทำละเมิด (24 มิ.ย.41) เป็นต้นไปจนกว่า
ชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยให้นับถึงวันฟ้อง แต่ต้องไม่เกิน 62,090,420 บาท ดังนั้น รวมเป็นทุนทรัพย์ที่ฟ้องทั้งสิ้น
186,015,830,720 บาท และขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษา นอกจากนี้แล้วให้นายเริงชัย
ชำระค่าฤชาธรรมเนียมหรือค่าทนายความแทน ธปท.ด้วยอีก 500,000 บาท (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, บ้านเมือง, สยามรัฐ, แนวหน้า, ฐานเศรษฐกิจ)
2. ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน เม.ย.1,609 ล้านดอลลาร์ สรอ. สูงสุดในรอบ 9 ปี ผอส.ฝ่าย
เศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจในเดือน เม.ย.ว่า มีการขาดดุล
บัญชีเดินสะพัดจำนวน 1,609 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเป็นผลมาจากการขาดดุลการค้าที่สูงถึง 1,763 ล้าน
ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ดุลบริการเกินดุลเพียง 154 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน
เม.ย.นี้ เป็นการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงสุดในรอบ 9 ปี นับจากการขาดดุลจำนวน 1,907 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ในเดือน เม.ย.ปี 39 การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน เม.ย.ปีนี้ เป็นการขาดดุลอย่างต่อเนื่องจากเดือน มี.ค.
ที่มีการขาดดุลจำนวน 663 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมีสาเหตุหลักมาจากการขาดดุลการค้าจำนวน 1,763 ล้าน
ดอลลาร์ สรอ. จากการเร่งตัวของการนำเข้าที่สูงถึงร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น
มูลค่าการนำเข้าจำนวน 9,919 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ หากเทียบการนำเข้าในเดือน เม.ย.ปีนี้กับช่วงเดียวกัน
ของปีก่อนพบว่า มีการนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 มูลค่าการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.8
สินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 มูลค่าการนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 61 และมูลค่าการนำเข้ารถยนต์และชิ้น
ส่วนรถยนต์เพิ่มร้อยละ 24.6 ขณะที่การส่งออกเดือน เม.ย.มีมูลค่า 8,156 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วง
เดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.8 แต่ชะลอลงจากเดือน มี.ค.ที่มีอัตราขยายตัวร้อยละ 19.1 (กรุงเทพธุรกิจ, โลก
วันนี้, บ้านเมือง, แนวหน้า, ฐานเศรษฐกิจ, เดลินิวส์)
3. ครม.อนุมัติมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการลอยตัวน้ำมันดีเซลแบบบริหารจัดการ รมว.
พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการลอยตัวน้ำมันดีเซลแบบบริหาร
จัดการ (managed float) โดยปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อลดภาระการชดเชยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ชะลอการปรับเพิ่มราคาขายปลีกได้ 1 บาทต่อลิตร ปัจจุบันกองทุนชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 2.86 บาท
เมื่อใช้ระบบการลอยตัวแบบบริหารจัดการ การชดเชยจะลดเหลือ 1.76 บาทต่อลิตร โดยรัฐบาลจะลดภาษีสรรพ
สามิตน้ำมันดีเซลเป็นเวลา 10 เดือน ซึ่ง 6 เดือนแรกลดลง 1 บาทต่อลิตร จากอัตรา 2.3050 บาทต่อลิตร
เหลือ 1.3050 บาทต่อลิตร ทำให้กองทุนน้ำมันจ่ายเงินชดเชยลดลง 1.10 บาท และอีก 4 เดือนลดลงอีก 0.50
บาทต่อลิตร โดยรัฐบาลจะเสียรายได้ประมาณ 14,000 ล้านบาท และจะไม่มีการขึ้นราคาน้ำมันในทันที แต่จะทยอย
ปรับลดการชดเชยที่มีอยู่ 1.76 บาทต่อลิตรเป็นช่วง ๆ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันนี้ (1 มิ.ย.48)
เป็นต้นไป (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, สยามรัฐ, แนวหน้า)
4. ครม.อนุมัติกรมธนารักษ์ผลิตเหรียญ 2 บาทใช้หมุนเวียนในตลาด 400 ล้านเหรียญ นายไชยยศ
สะสมทรัพย์ รมช.ก.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้จัดทำและนำออกใช้เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา
2 บาท โดยคลังจะเปิดประมูลให้ผู้ผลิตเหรียญจากต่างประเทศ ซึ่งมี 10 กว่าราย เข้าร่วมประมูล โดยจะใช้การ
เปิดประมูลอี-ออคชั่น ทั้งนี้ จำนวนเหรียญ 2 บาทที่จะผลิตทั้งหมด 400 ล้านเหรียญ จะเริ่มผลิตระยะแรกประมาณ
20-30 ล้านเหรียญ และเริ่มนำออกใช้หมุนเวียนในตลาดเดือน ก.ย.นี้ สำหรับสาเหตุที่กรมธนารักษ์ต้องผลิต
เหรียญ 2 บาท เพื่อให้โครงสร้างของเหรียญที่ใช้ในปัจจุบันสมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะระหว่างเหรียญ 1 บาทกับ 5
บาท ซึ่งยังมีช่องว่างของราคาเหรียญที่ใช้ ทำให้จำนวนเหรียญบาทถูกใช้มากถึงร้อยละ 57.17 ของจำนวนเหรียญ
ทั้งหมด ส่งผลให้เหรียญเสื่อมสภาพเร็ว ขาดความสวยงาม และมีความเสี่ยงในการบริหารการผลิต ทำให้ต้นทุนสูง
(กรุงเทพธุรกิจ, สยามรัฐ, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่า ธ.กลางยุโรปหรือ ECB จะปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจ
ยุโรปหรือ Euro zone ในปีนี้ลงเหลือระหว่างร้อยละ 1.2 ถึง 1.4 ต่อปี รายงานจากแฟรงค์เฟริท์ เมื่อ 31 พ.
ค.48 นักวิเคราะห์จากธนาคารเพื่อการลงทุนหลายแห่งคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ของ Euro zone ในปีนี้ลงเหลือระหว่างร้อยละ 1.2 ถึง 1.4 ต่อปี ในการประชุมในวันที่ 2 มิ.ย.48 นี้ หลัง
จากในเดือน มี.ค.48 ECB คาดไว้ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 1.6 และขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ
2.1 ในปีหน้า โดยมีอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 1.9 และ 1.6 ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ ทั้งนี้เป็นผลจากความเชื่อมั่น
ของทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคใน 3 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดใน Euro zone คือ เยอรมนี, ฝรั่งเศสและ
อิตาลีลดลงจากอัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูง ผลการลงประชามติในฝรั่งเศสไม่ยอมรับกฎหมายของสหภาพยุโรป
ความไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนี และคาดว่าเศรษฐกิจของอิตาลีซึ่งใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของ Euro zone
จะขยายตัวร้อยละ 0 ในปีนี้หลังจากในไตรมาสแรกปีนี้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะถดถอย โดยคาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนี
จะขยายตัวร้อยละ 1.0 และฝรั่งเศสร้อยละ 2.0 — 2.5 ในปีนี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและไม่สมดุลของการ
ค้าโลกล้วนส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะยังไม่ลดอัตรา
ดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่มีหลายฝ่ายเรียกร้อง โดยจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 2.0 ต่อปีซึ่งใช้มา
เป็นเวลา 2 ปีแล้วต่อไปเพื่อรักษาระดับราคาให้มีเสถียรภาพซึ่งจะช่วยให้ตลาดการเงิน การขยายตัวทางเศรษฐกิจ
และการจ้างงานใน Euro zone สามารถขยายตัวต่อไปอย่างมีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
2. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ. ในสัปดาห์สิ้นสุด 29 พ.ค. ปรับตัวดีขึ้น รายงานจากกรุง
นิวยอร์ค ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 31 พ.ค.48 สำนักข่าว ABC และ นสพ.วอชิงตันโพสต์ เปิดเผยผลการ
สำรวจความคิดเห็นว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 พ.ค.48 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ —13
จากระดับ —15 เมื่อสัปดาห์ก่อน และเกือบเท่ากับค่าเฉลี่ย —12 ของปีนี้ โดยมีสาเหตุจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลด
ลงอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ทั้งนี้ ชาวอเมริกันที่มีมุมมองที่ดีต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ
37 จากร้อยละ 35 ในสัปดาห์ก่อน ส่วนจำนวนผู้บริโภคที่คาดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีของการบริโภคเพิ่มขึ้นเป็นร้อย
ละ 35 จากร้อยละ 34 ส่วนประชาชนที่คิดว่าการเงินส่วนตัวอยู่ในระดับดีเยี่ยมหรือดีไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ระดับร้อย
ละ 59 ในขณะที่มีรายงานอีกชุดหนึ่งเปิดเผยว่า บรรยากาศการบริโภคในเดือน พ.ค.48 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ
102.2 จากตัวเลขที่ปรับแล้ว 97.5 ในเดือน เม.ย.48 อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ให้ความเห็นว่า ไม่
เสมอไปที่ผู้บริโภคจะทำตามข้อมูลที่กรอกในแบบสอบถาม (รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษในเดือนพ.ค.ลดลง รายงานจากลอนดอน เมื่อ
วันที่ 31 พ.ค. 48 กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือนพ.ค.ลด
ลงอีกครั้งแต่น้อยกว่าที่เคยลดลงเมื่อเดือนที่แล้ว และคาดว่าในเดือนมิ.ย. ยอดค้าปลีกจะลดลงอีก และจะลดลงมาก
ที่สุดในรอบเกือบ 13 ปี นอกจากนั้นผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก Gfk Martin Hamblin แสดงถึง
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษลดลงอย่างมากในเดือนพ.ค. สร้างความวิตกกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการใช้
จ่ายภาคครัวเรือน ส่วนราคาพันธบัตรรัฐบาลของอังกฤษลดลงหลังจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวซึ่งก่อน
หน้านั้นในช่วงเดือนพ.ย. 46 และส.ค. 47 ธ.กลางอังกฤษได้เคยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 5 ครั้งเพื่อ
ลดความร้อนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ นักวิเคราะห์เห็นว่าตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวแสดงถึงการชะลอตัวของการ
ใช้จ่ายผู้บริโภคจึงเป็นการยากที่เศรษฐกิจจะขยายตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งคาดว่าธ.กลางอังกฤษมีความจำเป็นที่
จะต้องพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังปี 48 ลงเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ (รอยเตอร์)
4. ความเชื่อมั่นของธุรกิจภาคการผลิตของเกาหลีใต้ลดลงในเดือน มิ.ย.48 ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค
ในเดือน พ.ค.48 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน รายงานจากโซลเมื่อ 1 มิ.ย.48 ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยผล
การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจภาคการผลิตของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 ว่า ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ
5 เดือนมาอยู่ที่ระดับ 84 จากระดับ 91 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน โดยการที่ดัชนีอยู่
ต่ำกว่า 100 บ่งชี้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่มีมุมมองต่อภาวะธุรกิจในด้านไม่ดีมากกว่าในด้านดี และก่อให้เกิดความกังวลเพิ่ม
มากขึ้นว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้อาจจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดหมายไว้ อนึ่ง ดัชนีฯ เคยอยู่เหนือระดับ 100 มาแล้วเมื่อ
ไตรมาสที่ 4 ปี 45 ขณะที่ National Statistical Office เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ใน
เดือน พ.ค.48 อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.1 ไม่เปลี่ยนแปลงจาก 2 เดือนก่อนหน้า และเป็นไปตามการคาดการณ์ของนัก
เศรษฐศาสตร์ โดยมีสาเหตุจากการแข็งค่าของเงินวอนเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่งผลให้สินค้านำเข้าราคาถูกลง
แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงสูงอยู่ก็ตาม นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาน้ำมันและ
สินค้าเกษตร ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีที่ระดับร้อยละ 2.5 จากระดับร้อยละ 2.7 ในเดือนก่อนหน้า ท่ามกลาง
สถานการณ์ความต้องการในประเทศที่ชะลอตัว ทั้งนี้ รมว.คลังเกาหลีใต้กล่าวว่า เกาหลีใต้อาจต้องปรับลดเป้า
หมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 48 ลงจากเดิมที่กำหนดไว้ร้อยละ 5 ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเป้าหมายของ ธ.
กลางเกาหลีใต้ซึ่งคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 4 อนึ่ง เศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปี 47 ขยายตัวที่
ระดับร้อยละ 4.6 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 1มิ.ย. 48 31 พ.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.512 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.3319/40.6076 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.34375 — 2.35 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 667.55/12.79 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,000/8,100 7,950/8,050 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 46.93 46.09 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.14*/18.19** 22.14*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 17 พ.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--