“อลงกรณ์”โต้”เยาวเรศ”คดีคาร์ปาร์ค ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้งทางการเมือง แฉหลักฐานใหม่แก๊งค์คาร์ปาร์คกินหัวคิว 3 ล้านบาทจาก”ลัทธพล”โครงการข้าวกล่องสนามบินสุวรรณภูมิ ระบุเลขที่เช็คชัดเจน พบเบาะแสอดีตรัฐมนตรีพัวพันด้วย เตรียมยื่นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพรุ่งนี้
นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์วันนี้(18ต.ค. 48 )ว่า ตามที่นางเยาวเรศ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองในคดีคาร์ปาร์คนั้น ขอยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเพราะเป็นเรื่องที่มีการร้องเรียนว่ามีการเรียกรับสินบนในโครงการดังกล่าวซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดกฎหมายอาญา ม.143 ว่าด้วยคนกลางเรียกรับสินบน เมื่อตนสอบสวนเบื้องต้นพบว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการร้องเรียนมีมูลจึงได้กล่าวโทษคณะบุคคลจำนวน 8 คนต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวน ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งแต่เป็นการทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่รับผิดชอบการตรวจสอบการทุจริต
ส.ส.อลงกรณ์ พลบุตรเปิดเผยด้วยว่า จากการสอบสวนเพิ่มเติมยังพบว่า หนึ่งในคณะบุคคลชุดดังกล่าวยังได้ทำสัญญาโครงการข้าวกล่องของสนามบินสุวรรณภูมิกับนายลัทธพล เกษโกทินเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2546 โดยเรียกเงินจำนวน 3,000,000 บาทโดยจ่ายเงินในวันทำสัญญา 5,000,000 บาทและจ่ายเช็คอีก3 ฉบับหมายเลขเช็ค 0150791 ลงวันที่ 31 มกราคม 2546 จำนวน 500,000 บาท , เช็ค 0150792 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2546 จำนวน 1,000,000 บาท และ เช็ค 0150793 ลงวันที่25 กุมภาพันธ์ 2546 จำนวน 1,000,000 บาท กำหนดส่งข้าวกล่องวันละ 30,000 กล่องให้กับคนงานก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ
“ นายลัทธพลได้จ่ายเงินให้กับกลุ่มดังกล่าว 3 ล้านบาทและลงทุนเรื่องสถานที่ห้องครัวและบุคคลากรอีก 2-3 ล้านบาทแต่ก็ไม่ได้งานเหมือนโครงการลานจอดรถคาร์ปาร์คเป็นเพียงการเรียกรับสินบนซึ่งกรณีข้าวกล่องปรากฏในวีซีดีคาร์ปาร์คชุดที่ 1ของนายลัทธพล เกษโกทิน เจ้าของบริษัทลัทธ์เฟอร์ไทย ซึ่งเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงคดีคาร์ปาร์คอีกกรณีหนึ่งว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องเท็จเพราะมีพยานและหลักฐานยืนยัน” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ ยังกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีสำเนาหนังสือฉบับลงวันที่ 25 มีนาคม 2545 เรื่อง การจัดการเรื่องโรงอาหารขนาดใหญ่ในช่วงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ถึง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง คมนาคม ลงนามโดยนายพูนสวัสดิ์ มูลศาสตรสาทร ระบุตำแหน่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีคมนาคม ขอให้รัฐมนตรีสนับสนุนให้ได้ดำเนินการโครงการโรงอาหารขนาดใหญ่
“จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2544 (รัฐบาลทักษิณ 1) นายบุรินทร์ เกิดโพชาได้ทำสัญญากับสมาคมเพื่อสวัสดิการพนักงานท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ เป็นสัญญาให้สิทธิประกอบกิจการเอ็นเตอร์เทนเมนต์เซนเตอร์บริเวณบ้านพักคนงานก่อสร้างโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2544 ทางสมาคมฯ.ได้ยกเลิกสัญญาดังกล่าว ต่อมานายพูนสวัสดิ์ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทวงคมนาคมขอการสนับสนุนเมื่อวันที่25 มีนาคม 2545 หลังจากนั้น นายบุรินทร์ได้ทำสัญญากับนายลัทธพล ซึ่งนายลัทธพลให้การว่านายบุรินทร์เป็นเลขาฯ.นายพูนสวัสดิ์และเป็นคนมารับเงินทุกครั้งโดยมีนายพูนสวัสดิ์เดินทางมาพร้อมกับนายบุรินทร์เมื่องานข้าวกล่งไม่สำเร็จก็เสนองานคาร์ปาร์คจนเกิดเป็นเรื่องฉาวโฉ่ สำหรับหลักฐานเพิ่มเติมเหล่านี้จะมอบให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในวันพรุ่งนี้เพื่อประกอบการสืบสวนสอบสวนคดีคาร์ปาร์คต่อไป”นายอลงกรณ์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ต.ค. 2548--จบ--
นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์วันนี้(18ต.ค. 48 )ว่า ตามที่นางเยาวเรศ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองในคดีคาร์ปาร์คนั้น ขอยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเพราะเป็นเรื่องที่มีการร้องเรียนว่ามีการเรียกรับสินบนในโครงการดังกล่าวซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดกฎหมายอาญา ม.143 ว่าด้วยคนกลางเรียกรับสินบน เมื่อตนสอบสวนเบื้องต้นพบว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการร้องเรียนมีมูลจึงได้กล่าวโทษคณะบุคคลจำนวน 8 คนต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวน ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งแต่เป็นการทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่รับผิดชอบการตรวจสอบการทุจริต
ส.ส.อลงกรณ์ พลบุตรเปิดเผยด้วยว่า จากการสอบสวนเพิ่มเติมยังพบว่า หนึ่งในคณะบุคคลชุดดังกล่าวยังได้ทำสัญญาโครงการข้าวกล่องของสนามบินสุวรรณภูมิกับนายลัทธพล เกษโกทินเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2546 โดยเรียกเงินจำนวน 3,000,000 บาทโดยจ่ายเงินในวันทำสัญญา 5,000,000 บาทและจ่ายเช็คอีก3 ฉบับหมายเลขเช็ค 0150791 ลงวันที่ 31 มกราคม 2546 จำนวน 500,000 บาท , เช็ค 0150792 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2546 จำนวน 1,000,000 บาท และ เช็ค 0150793 ลงวันที่25 กุมภาพันธ์ 2546 จำนวน 1,000,000 บาท กำหนดส่งข้าวกล่องวันละ 30,000 กล่องให้กับคนงานก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ
“ นายลัทธพลได้จ่ายเงินให้กับกลุ่มดังกล่าว 3 ล้านบาทและลงทุนเรื่องสถานที่ห้องครัวและบุคคลากรอีก 2-3 ล้านบาทแต่ก็ไม่ได้งานเหมือนโครงการลานจอดรถคาร์ปาร์คเป็นเพียงการเรียกรับสินบนซึ่งกรณีข้าวกล่องปรากฏในวีซีดีคาร์ปาร์คชุดที่ 1ของนายลัทธพล เกษโกทิน เจ้าของบริษัทลัทธ์เฟอร์ไทย ซึ่งเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงคดีคาร์ปาร์คอีกกรณีหนึ่งว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องเท็จเพราะมีพยานและหลักฐานยืนยัน” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ ยังกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีสำเนาหนังสือฉบับลงวันที่ 25 มีนาคม 2545 เรื่อง การจัดการเรื่องโรงอาหารขนาดใหญ่ในช่วงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ถึง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง คมนาคม ลงนามโดยนายพูนสวัสดิ์ มูลศาสตรสาทร ระบุตำแหน่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีคมนาคม ขอให้รัฐมนตรีสนับสนุนให้ได้ดำเนินการโครงการโรงอาหารขนาดใหญ่
“จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2544 (รัฐบาลทักษิณ 1) นายบุรินทร์ เกิดโพชาได้ทำสัญญากับสมาคมเพื่อสวัสดิการพนักงานท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ เป็นสัญญาให้สิทธิประกอบกิจการเอ็นเตอร์เทนเมนต์เซนเตอร์บริเวณบ้านพักคนงานก่อสร้างโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2544 ทางสมาคมฯ.ได้ยกเลิกสัญญาดังกล่าว ต่อมานายพูนสวัสดิ์ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทวงคมนาคมขอการสนับสนุนเมื่อวันที่25 มีนาคม 2545 หลังจากนั้น นายบุรินทร์ได้ทำสัญญากับนายลัทธพล ซึ่งนายลัทธพลให้การว่านายบุรินทร์เป็นเลขาฯ.นายพูนสวัสดิ์และเป็นคนมารับเงินทุกครั้งโดยมีนายพูนสวัสดิ์เดินทางมาพร้อมกับนายบุรินทร์เมื่องานข้าวกล่งไม่สำเร็จก็เสนองานคาร์ปาร์คจนเกิดเป็นเรื่องฉาวโฉ่ สำหรับหลักฐานเพิ่มเติมเหล่านี้จะมอบให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในวันพรุ่งนี้เพื่อประกอบการสืบสวนสอบสวนคดีคาร์ปาร์คต่อไป”นายอลงกรณ์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ต.ค. 2548--จบ--