‘อิสระ สมชัย’ ส.ส.อุบลราชธานี เขต 8 แนะ รบ. ขยายเวลาชำระหนี้กองทุนจาก 1 ปี เป็น 5 ปี เพื่อช่วยไม่ให้ ปชช. เป็นหนี้สองต่อ พร้อมเรียกร้องนายกฯดูแลปัญหาจ่ายเงินชดเชยล่าช้า
นายอิสระ สมชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในนโยบายขจัดความยากจนของรัฐบาลว่า ปัญหาใหญ่สำหรับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกร คงหนีไม่พ้นปัญหาหนี้สิน ซึ่งเป็นปัญหามายาวนาน เป็นความจนซ้ำซาก แก้อย่างไรก็ไม่หมด เมื่อ 4 ปีที่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ปราศรัยหาเสียงโดยประกาศว่า ถ้าประชาชนให้โอกาสเข้ามาบริหารประเทศ ขอเวลาเพียง 6 เดือนพี่น้องประชาชนจะมีเงินในกระเป๋าสตางค์เพิ่มมากขึ้น ที่มีหนี้มาก หนี้ก็จะลด และที่มีหนี้น้อย หนี้ก็จะหมดไป ซึ่งตนได้ติดตามมาโดยตลอดจนกระทั่งรัฐบาลอยู่ครบวาระ ปรากฏว่าหนี้สินของพี่น้องประชาชนไม่ได้ลดลงอย่างที่คิด แต่กลับเพิ่มมากขึ้น
นายอิสระ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้เงินกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งในตอนแรกพี่น้องประชาชนก็ดีใจ เพราะเข้าใจว่าจะนำเงินไปแก้ปัญหาได้ แต่หลังจากกู้เงินไปแล้ว 1 ปี ประชาชนก็บ่นว่ารัฐบาลนำเงินมาเพิ่มหนี้สิน ซึ่งกองทุนหมู่บ้านยังมีข้อบกพร่องที่สมควรนำไปแก้ไขคือ ระยะเวลาการคืนเงินกู้ ที่กำหนดให้คืนเงินกู้ภายใน 1 ปี ทำให้มีปัญหา เนื่องจากในระยะเวลา 1 ปีที่กู้เงินไปนั้นยังไม่สามารถนำไปลงทุนทำอะไรได้ ก็ถึงเวลาที่ต้องชำระคืนแล้ว ซึ่งทำให้พี่น้องประชาชนต้องเดือดร้อนหาเงินมาชำระหนี้คืนกองทุน คือต้องไปกู้หนี้นอกระบบมา รัฐบาลมีนโยบายที่จะไม่ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนไปกู้เงินนอกระบบ เพราะดอกเบี้ยแพง แต่กองทุนเงินกู้บังคับทางอ้อมให้พี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นลูกหนี้ไปกู้ยืมเงินมาชำระหนี้ เท่ากับว่าพี่น้องประชาชนต้องเสียดอกเบี้ย 2 ต่อ ต่อที่ 1 คือชำระให้กองทุน ต่อที่ 2 ชำระให้เจ้าหนี้นอกระบบ ดังนั้นรัฐบาลควรขยายเวลาชำระหนี้คืนกองทุน เพื่อลดภาระของประชาชน ‘หากรัฐบาลจะช่วยคนจนจริงๆ ก็ควรจะขยายเวลาชำระหนี้กองทุนจาก 1 ปี เป็น 5 ปี ในปีใดที่ไม่มีเงินต้นมาชำระ ก็ขอให้ชำระเฉพาะดอกเบี้ย แบบชำระหนี้ธกส. หรือหนี้สหกรณ์ ถ้าหากว่าทำได้อย่างนี้ ผมเชื่อว่าพี่น้องเกษตรกรจะไม่เพิ่มภาระหนี้นอกระบบขึ้นมา’ นายอิสระกล่าว
ส.ส.อุบลราชธานี กล่าวต่อว่า เกษตรกรจะต้องเจอปัญหาในการประกอบอาชีพ เช่น ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาภัยแล้ง เป็นต้น และรัฐบาลจะต้องจ่ายเงินช่วยเหลือหรือเงินค่าเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติให้แก่เกษตรกรที่ประสบปัญหา แต่มีปัญหาที่รัฐบาลจ่ายเงินล่าช้า ทำให้เกษตรกรมีหนี้ที่เกิดจากการประกอบอาชีพขึ้นมาอีก ยกตัวอย่างใน จ.อุบลราชธานี มีค่าเสียหายจากฝนแล้งเมื่อปีที่ผ่านมา เป็นเงินจำนวน 172 ล้านบาท แต่ทางจังหวัดชดเชยให้เพียง 30 ล้านบาท ซึ่งจนถึงขณะนี้รัฐยังไม่จ่ายส่วนที่เหลืออีก 142 ล้านบาท เพราะฉะนั้นหากจะแก้ปัญหาความยากจน ตนก็ขอให้นายกฯขจัดความล่าช้าในการจ่ายเงินด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-
นายอิสระ สมชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในนโยบายขจัดความยากจนของรัฐบาลว่า ปัญหาใหญ่สำหรับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกร คงหนีไม่พ้นปัญหาหนี้สิน ซึ่งเป็นปัญหามายาวนาน เป็นความจนซ้ำซาก แก้อย่างไรก็ไม่หมด เมื่อ 4 ปีที่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ปราศรัยหาเสียงโดยประกาศว่า ถ้าประชาชนให้โอกาสเข้ามาบริหารประเทศ ขอเวลาเพียง 6 เดือนพี่น้องประชาชนจะมีเงินในกระเป๋าสตางค์เพิ่มมากขึ้น ที่มีหนี้มาก หนี้ก็จะลด และที่มีหนี้น้อย หนี้ก็จะหมดไป ซึ่งตนได้ติดตามมาโดยตลอดจนกระทั่งรัฐบาลอยู่ครบวาระ ปรากฏว่าหนี้สินของพี่น้องประชาชนไม่ได้ลดลงอย่างที่คิด แต่กลับเพิ่มมากขึ้น
นายอิสระ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้เงินกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งในตอนแรกพี่น้องประชาชนก็ดีใจ เพราะเข้าใจว่าจะนำเงินไปแก้ปัญหาได้ แต่หลังจากกู้เงินไปแล้ว 1 ปี ประชาชนก็บ่นว่ารัฐบาลนำเงินมาเพิ่มหนี้สิน ซึ่งกองทุนหมู่บ้านยังมีข้อบกพร่องที่สมควรนำไปแก้ไขคือ ระยะเวลาการคืนเงินกู้ ที่กำหนดให้คืนเงินกู้ภายใน 1 ปี ทำให้มีปัญหา เนื่องจากในระยะเวลา 1 ปีที่กู้เงินไปนั้นยังไม่สามารถนำไปลงทุนทำอะไรได้ ก็ถึงเวลาที่ต้องชำระคืนแล้ว ซึ่งทำให้พี่น้องประชาชนต้องเดือดร้อนหาเงินมาชำระหนี้คืนกองทุน คือต้องไปกู้หนี้นอกระบบมา รัฐบาลมีนโยบายที่จะไม่ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนไปกู้เงินนอกระบบ เพราะดอกเบี้ยแพง แต่กองทุนเงินกู้บังคับทางอ้อมให้พี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นลูกหนี้ไปกู้ยืมเงินมาชำระหนี้ เท่ากับว่าพี่น้องประชาชนต้องเสียดอกเบี้ย 2 ต่อ ต่อที่ 1 คือชำระให้กองทุน ต่อที่ 2 ชำระให้เจ้าหนี้นอกระบบ ดังนั้นรัฐบาลควรขยายเวลาชำระหนี้คืนกองทุน เพื่อลดภาระของประชาชน ‘หากรัฐบาลจะช่วยคนจนจริงๆ ก็ควรจะขยายเวลาชำระหนี้กองทุนจาก 1 ปี เป็น 5 ปี ในปีใดที่ไม่มีเงินต้นมาชำระ ก็ขอให้ชำระเฉพาะดอกเบี้ย แบบชำระหนี้ธกส. หรือหนี้สหกรณ์ ถ้าหากว่าทำได้อย่างนี้ ผมเชื่อว่าพี่น้องเกษตรกรจะไม่เพิ่มภาระหนี้นอกระบบขึ้นมา’ นายอิสระกล่าว
ส.ส.อุบลราชธานี กล่าวต่อว่า เกษตรกรจะต้องเจอปัญหาในการประกอบอาชีพ เช่น ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาภัยแล้ง เป็นต้น และรัฐบาลจะต้องจ่ายเงินช่วยเหลือหรือเงินค่าเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติให้แก่เกษตรกรที่ประสบปัญหา แต่มีปัญหาที่รัฐบาลจ่ายเงินล่าช้า ทำให้เกษตรกรมีหนี้ที่เกิดจากการประกอบอาชีพขึ้นมาอีก ยกตัวอย่างใน จ.อุบลราชธานี มีค่าเสียหายจากฝนแล้งเมื่อปีที่ผ่านมา เป็นเงินจำนวน 172 ล้านบาท แต่ทางจังหวัดชดเชยให้เพียง 30 ล้านบาท ซึ่งจนถึงขณะนี้รัฐยังไม่จ่ายส่วนที่เหลืออีก 142 ล้านบาท เพราะฉะนั้นหากจะแก้ปัญหาความยากจน ตนก็ขอให้นายกฯขจัดความล่าช้าในการจ่ายเงินด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-