วันนี้(24 เม.ย.48) เวลา 15.00น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา ครั้งที่ 11 จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ระหว่างวันที่ 18-25 เมษายน 2548 ว่าการประชุมดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะเกี่ยวข้องกับปัญหาอาชญากรรมต่างๆ โดยเฉพาะอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งเกี่ยวโยงไปถึงการทุจริตคอร์รัปชั่นในหลายรูปแบบที่มีขึ้นเกือบในทุกภูมิภาคของโลก
นายองอาจกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์อยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า รัฐบาลต้องมีมาตรการที่เอาจริงเอาจัง เพื่อดำเนินการกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและการทุจริตคอร์รัปชั่นในรูปแบบต่างๆ ‘เราทราบดีว่าผู้นำของเราเอง ท่านนายกฯก็ดีก็ได้กล่าวถ้อยคำต่างๆมากมายในที่ประชุม อย่างไรก็ตามพรรคประชาธิปัตย์หวังว่า ท่านนายกฯในฐานะที่เป็นผู้นำของประเทศ จะไม่เพียงแต่กล่าวถ้อยคำที่สวยหรูแต่ไม่ปฏิบัติให้เป็นจริงขึ้นมา ผมคิดว่ามาตรการที่จะจัดการกับการทุจริตคอร์รัปชั่นให้สัมฤทธิ์ผลนั้น ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล โดยเฉพาะผู้นำรัฐบาลและนักการเมืองที่มีอำนาจในปัจจุบัน’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องรัฐบาลใน 3 ประการต่อไปนี้คือ 1. นักการเมืองต้องไม่ใช้อำนาจรัฐที่มีในมือเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรที่มีภาระหน้าที่ในการปราบปรามการทจริตคอร์รัปชั่นโดยตรง ซึ่งควรเริ่มตั้งแต่การไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการสรรหา การคัดเลือก รวมถึงขึ้นตอนการปฏิบัติขององค์กรนั้นๆ 2. รัฐบาลต้องไม่เป็นผู้ก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจเองโดยการทุจริตคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย 3. นักการเมืองต้องไม่ละเลยกับการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ เพราะจะเท่ากับว่านักการเมืองผู้นั้นสนับสนุนการคอร์รัปชั่น
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้กล่าวถึงสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะติดตามต่อไปนั้นคือ รัฐบาลได้ดำเนินการให้เป็นไปตามอนุสัญญาที่จะมีการลงนามระหว่างการประชุมครั้งนี้หรือไม่ ทั้งนี้ในส่วนตนมองว่า หากประเทศไทยหรือรัฐบาลได้ดำเนินการตามการประชุมครั้งนี้อย่างเคร่งครัดแล้ว ปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา รวมทั้งอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและการทุจริตคอร์รัปชั่นก็น่าจะลดลงไป
ส่วนการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งผ่านไปแล้ว 1 ปีนั้น นายองอาจกล่าวว่า รัฐบาลดำเนินการด้วยความล่าช้าไม่เอาจริงเอาจัง ตามที่นายกฯประกาศไว้ จึงขอเรียกร้องให้มีการตั้งข้อหาให้ครอบคลุมมากกว่าที่มีการตั้งข้อหาไปแล้วรวมทั้งให้โอนคดีจากตำรวจไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ เพราะผู้ต้องหาส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเจ้าที่ตำรวจ ดังนั้นการจะหาความยุติธรรมจากคดีคงยาก รัฐบาลจึงต้องเอาจริงเอาจังมากกว่านี้รวมถึงการให้ความคุ้มครองครอบครัวนายสมชาย เพื่อไม่ให้ถูกข่มขู่และคุกคามจากผู้ไม่หวังดี
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 เม.ย. 2548--จบ--
-ดท-
นายองอาจกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์อยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า รัฐบาลต้องมีมาตรการที่เอาจริงเอาจัง เพื่อดำเนินการกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและการทุจริตคอร์รัปชั่นในรูปแบบต่างๆ ‘เราทราบดีว่าผู้นำของเราเอง ท่านนายกฯก็ดีก็ได้กล่าวถ้อยคำต่างๆมากมายในที่ประชุม อย่างไรก็ตามพรรคประชาธิปัตย์หวังว่า ท่านนายกฯในฐานะที่เป็นผู้นำของประเทศ จะไม่เพียงแต่กล่าวถ้อยคำที่สวยหรูแต่ไม่ปฏิบัติให้เป็นจริงขึ้นมา ผมคิดว่ามาตรการที่จะจัดการกับการทุจริตคอร์รัปชั่นให้สัมฤทธิ์ผลนั้น ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล โดยเฉพาะผู้นำรัฐบาลและนักการเมืองที่มีอำนาจในปัจจุบัน’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องรัฐบาลใน 3 ประการต่อไปนี้คือ 1. นักการเมืองต้องไม่ใช้อำนาจรัฐที่มีในมือเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรที่มีภาระหน้าที่ในการปราบปรามการทจริตคอร์รัปชั่นโดยตรง ซึ่งควรเริ่มตั้งแต่การไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการสรรหา การคัดเลือก รวมถึงขึ้นตอนการปฏิบัติขององค์กรนั้นๆ 2. รัฐบาลต้องไม่เป็นผู้ก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจเองโดยการทุจริตคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย 3. นักการเมืองต้องไม่ละเลยกับการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ เพราะจะเท่ากับว่านักการเมืองผู้นั้นสนับสนุนการคอร์รัปชั่น
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้กล่าวถึงสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะติดตามต่อไปนั้นคือ รัฐบาลได้ดำเนินการให้เป็นไปตามอนุสัญญาที่จะมีการลงนามระหว่างการประชุมครั้งนี้หรือไม่ ทั้งนี้ในส่วนตนมองว่า หากประเทศไทยหรือรัฐบาลได้ดำเนินการตามการประชุมครั้งนี้อย่างเคร่งครัดแล้ว ปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา รวมทั้งอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและการทุจริตคอร์รัปชั่นก็น่าจะลดลงไป
ส่วนการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งผ่านไปแล้ว 1 ปีนั้น นายองอาจกล่าวว่า รัฐบาลดำเนินการด้วยความล่าช้าไม่เอาจริงเอาจัง ตามที่นายกฯประกาศไว้ จึงขอเรียกร้องให้มีการตั้งข้อหาให้ครอบคลุมมากกว่าที่มีการตั้งข้อหาไปแล้วรวมทั้งให้โอนคดีจากตำรวจไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ เพราะผู้ต้องหาส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเจ้าที่ตำรวจ ดังนั้นการจะหาความยุติธรรมจากคดีคงยาก รัฐบาลจึงต้องเอาจริงเอาจังมากกว่านี้รวมถึงการให้ความคุ้มครองครอบครัวนายสมชาย เพื่อไม่ให้ถูกข่มขู่และคุกคามจากผู้ไม่หวังดี
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 เม.ย. 2548--จบ--
-ดท-