ลิ้นจี่ : ให้เกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่เก็บผลที่แก่ออกจำหน่าย
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดคะเนผลผลิตลิ้นจี่ ปี 2545 จะมีประมาณ 44,989 ตัน เพิ่มขึ้น จาก 40,139 ตัน ของปี 2544 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ซึ่งจะมีการเก็บเกี่ยวมากในปลายเดือนพฤษภาคม 2545 โดยจังหวัดเชียงราย คาดว่าจะมี ผลผลิต 18,971 ตัน เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วร้อยละ 20 จังหวัดพะเยา คาดว่าจะมีผลผลิตประมาณ 11,824 ตัน และเก็บเกี่ยวไปแล้วร้อยละ 30
สำหรับราคาที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ ( 6 - 10 พฤษภาคม 2545) ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเกรดดีจาก กิโลกรัมละ 45 บาท เหลือกิโลกรัมละ 25.00 บาท หรือลดลงร้อยละ 44 และเกรดรองจาก กิโลกรัมละ 37.17บาท เหลือกิโลกรัมละ 21.00 บาท ลดลงร้อยละ 43 สาเหตุที่ลดลง เนื่องจากมีฝนตกทำให้ผลผลิตปรับตัวตามสภาพไม่ทัน ผลผลิตปริแตก ผิวสีคล้ำ ทำให้เกษตรกรเร่งเก็บผลผลิตออกจำหน่าย ดังนั้น เพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่สามารถขายได้ราคา เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้เก็บลิ้นจี่ที่แก่ออกจำหน่าย
อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ ตามมติคณะกรรมการการนโยบายมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2545 ที่อนุมัติเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ยเพื่อกระจายออกนอกแหล่งผลิต นั้น จากการติดตามการดำเนินการ ขณะนี้กรมการค้าภายในได้โอนเงินไปยังจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 86 ล้านบาท จังหวัดเชียงราย 36 ล้านบาท และจังหวัดพะเยา 18 ล้านบาท เพื่อให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาสินค้าเนื่องจากราคาตกต่ำในระดับจังหวัดเรียบร้อยแล้วและคาดว่าจะสามารถจัดสรรให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์ รวมทั้งผู้ประกอบการเพื่อดำเนินการ กระจายออกนอกแหล่งผลิตได้ในกลางเดือนพฤษภาคมนี้
ปาล์มน้ำมัน : เตือนเกษตรกรซื้อต้นกล้าปาล์มพันธุ์ดี
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้รับรายงานว่า ขณะนี้ เกษตรกรเข้าคิวซื้อต้นกล้าปาล์มพันธุ์ดีจากสถาบันวิจัยและพัฒนาปาล์มน้ำมัน กรมวิชาการเกษตร อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี วันละไม่ต่ำกว่า 20,000 ต้น โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาจำหน่ายต้นกล้า ปาล์มพันธุ์ดีไปกว่า 100,000 ต้น และยังเหลืออีกประมาณ 600,000 ต้น จะจำหน่ายหมดภายในเดือนนี้ สาเหตุเนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงการเพาะปลูกปาล์ม อีกทั้งเกษตรกรมีความมั่นใจและเชื่อถือพันธุ์ปาล์มของกรมวิชาการเกษตร เพราะสวนปาล์มของเกษตรกรที่ปลูกด้วยพันธุ์ของกรมวิชาการเกษตรให้ผลผลิตอยู่ในเกณฑ์ดีไม่แพ้พันธุ์จากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การผลิตต้นกล้าปาล์มพันธุ์ดีต้องใช้เวลาประมาณ 12 - 18 เดือน ดังนั้น เมื่อความต้องการต้นกล้าปาล์มพันธุ์ดีเพิ่มขึ้น ขณะที่กรมวิชา-การเกษตรไม่สามารถเพิ่มการผลิตได้ทันในขณะนี้อาจเกิดปัญหาตามมาคือ การระบาดของต้นกล้าปาล์มพันธุ์คุณภาพต่ำในแหล่งปลูกปาล์มได้ จึงขอเตือนให้เกษตรกรซื้อต้นกล้าปาล์มพันธุ์ดีจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น และหากมีปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สถาบันวิจัยและพัฒนาปาล์มน้ำมัน อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ 077- 284617 ในเวลาราชการ
อนึ่ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดเป้าหมายพื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมันไว้ไม่เกิน 2 ล้านไร่ โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากไร่ละ 2.7 ตัน/ปี เป็นไร่ละ 3 ตัน/ปี และเพิ่มเปอร์เซนต์น้ำมันจากร้อยละ 17 เป็นร้อยละ 19 เพื่อให้ต้นทุนการผลิตผลปาล์มลดลงจาก 1.50 บาท/กก. เป็น 1.26 บาท/กก. ปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกปาล์มทั่วประเทศมีประมาณ 1.7 ล้านไร่
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 17 ประจำวันที่ 8-12 พ.ค. 2545--
-สส-
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดคะเนผลผลิตลิ้นจี่ ปี 2545 จะมีประมาณ 44,989 ตัน เพิ่มขึ้น จาก 40,139 ตัน ของปี 2544 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ซึ่งจะมีการเก็บเกี่ยวมากในปลายเดือนพฤษภาคม 2545 โดยจังหวัดเชียงราย คาดว่าจะมี ผลผลิต 18,971 ตัน เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วร้อยละ 20 จังหวัดพะเยา คาดว่าจะมีผลผลิตประมาณ 11,824 ตัน และเก็บเกี่ยวไปแล้วร้อยละ 30
สำหรับราคาที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ ( 6 - 10 พฤษภาคม 2545) ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเกรดดีจาก กิโลกรัมละ 45 บาท เหลือกิโลกรัมละ 25.00 บาท หรือลดลงร้อยละ 44 และเกรดรองจาก กิโลกรัมละ 37.17บาท เหลือกิโลกรัมละ 21.00 บาท ลดลงร้อยละ 43 สาเหตุที่ลดลง เนื่องจากมีฝนตกทำให้ผลผลิตปรับตัวตามสภาพไม่ทัน ผลผลิตปริแตก ผิวสีคล้ำ ทำให้เกษตรกรเร่งเก็บผลผลิตออกจำหน่าย ดังนั้น เพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่สามารถขายได้ราคา เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้เก็บลิ้นจี่ที่แก่ออกจำหน่าย
อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ ตามมติคณะกรรมการการนโยบายมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2545 ที่อนุมัติเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ยเพื่อกระจายออกนอกแหล่งผลิต นั้น จากการติดตามการดำเนินการ ขณะนี้กรมการค้าภายในได้โอนเงินไปยังจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 86 ล้านบาท จังหวัดเชียงราย 36 ล้านบาท และจังหวัดพะเยา 18 ล้านบาท เพื่อให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาสินค้าเนื่องจากราคาตกต่ำในระดับจังหวัดเรียบร้อยแล้วและคาดว่าจะสามารถจัดสรรให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์ รวมทั้งผู้ประกอบการเพื่อดำเนินการ กระจายออกนอกแหล่งผลิตได้ในกลางเดือนพฤษภาคมนี้
ปาล์มน้ำมัน : เตือนเกษตรกรซื้อต้นกล้าปาล์มพันธุ์ดี
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้รับรายงานว่า ขณะนี้ เกษตรกรเข้าคิวซื้อต้นกล้าปาล์มพันธุ์ดีจากสถาบันวิจัยและพัฒนาปาล์มน้ำมัน กรมวิชาการเกษตร อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี วันละไม่ต่ำกว่า 20,000 ต้น โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาจำหน่ายต้นกล้า ปาล์มพันธุ์ดีไปกว่า 100,000 ต้น และยังเหลืออีกประมาณ 600,000 ต้น จะจำหน่ายหมดภายในเดือนนี้ สาเหตุเนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงการเพาะปลูกปาล์ม อีกทั้งเกษตรกรมีความมั่นใจและเชื่อถือพันธุ์ปาล์มของกรมวิชาการเกษตร เพราะสวนปาล์มของเกษตรกรที่ปลูกด้วยพันธุ์ของกรมวิชาการเกษตรให้ผลผลิตอยู่ในเกณฑ์ดีไม่แพ้พันธุ์จากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การผลิตต้นกล้าปาล์มพันธุ์ดีต้องใช้เวลาประมาณ 12 - 18 เดือน ดังนั้น เมื่อความต้องการต้นกล้าปาล์มพันธุ์ดีเพิ่มขึ้น ขณะที่กรมวิชา-การเกษตรไม่สามารถเพิ่มการผลิตได้ทันในขณะนี้อาจเกิดปัญหาตามมาคือ การระบาดของต้นกล้าปาล์มพันธุ์คุณภาพต่ำในแหล่งปลูกปาล์มได้ จึงขอเตือนให้เกษตรกรซื้อต้นกล้าปาล์มพันธุ์ดีจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น และหากมีปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สถาบันวิจัยและพัฒนาปาล์มน้ำมัน อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ 077- 284617 ในเวลาราชการ
อนึ่ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดเป้าหมายพื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมันไว้ไม่เกิน 2 ล้านไร่ โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากไร่ละ 2.7 ตัน/ปี เป็นไร่ละ 3 ตัน/ปี และเพิ่มเปอร์เซนต์น้ำมันจากร้อยละ 17 เป็นร้อยละ 19 เพื่อให้ต้นทุนการผลิตผลปาล์มลดลงจาก 1.50 บาท/กก. เป็น 1.26 บาท/กก. ปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกปาล์มทั่วประเทศมีประมาณ 1.7 ล้านไร่
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 17 ประจำวันที่ 8-12 พ.ค. 2545--
-สส-