นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงที่กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขั้นตอนในการสรรหา กกต.ขัดต่อรัฐธรรมนูญว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาอย่างไร ทุกคนต้องเคารพในคำตัดสิน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องหยุดแสดงความคิดเห็นที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคมและก่อให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือไม่เชื่อมั่นต่อองค์กรอิสระ
(ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ,06/07/2545) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คร้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งวินิจฉัยว่ากระบวนการสรรหา กกต.ผิดรัฐธรรมนูญ ว่า อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นเด็ดขาด ไม่ว่าใครจะแสดงความเห็นอย่างไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ ทั้งนี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และเพื่อการดำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดที่บังคับใช้อยู้ขณะนี้ และเรียกร้องให้ผู้ที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเสนอความเห็นหรือทางออกไปในลักาณะที่จะเอาสีข้างเข้าถูซึ่งจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคมและก่อให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือไม่เชื่อมั่นต่อองค์กรอิสระซึ่งถือว่าเป็นองค์กรที่มีส่วนสำคัญในการจะทำหน้าที่ช่วยให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยสามารถดำเนินไปได้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมและโปร่งใส
นายองอาจ กล่าวว่า ทั้งนี้ก็ขอให้มีการสรรหา กกต.ใหม่แทนผู้ถูกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยกรรมวิธีใดก็ตามที่เป็นปัญหา หรือก่อให้เกิดความไม่โปร่งใส องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการสรรหากกต.ควรจับมือกันแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดบกพร่องขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง อย่างไรก็ตามที่พรรคประชาธิปัตย์มีความเห็นเช่นนี้ เพราะหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว มีความพยายามเสนอความเห็นทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพราะหลักเกณฑ์และรายละเอียดในเรื่องนี้มีไว้ชัดเจนอยู่แล้วตามรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นจะไปเบี่ยงเบนเป็นอย่างอื่นคงไม่ได้ ถ้ายังปล่อยให้มีความคิดเห็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะเกิดผลกระทบตามมา
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรกับการที่วุฒิสภาจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กกต.ที่เหลืออีก 4 คนต้องพ้นจากตำแหน่งด้วย เพราะมาจากคณะกรรมการสรรหาชุดเดียวกัน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของส.ว. เพราะแต่ละคนมีดุลพินิจเป็นของตัวเอง คงไปให้ความเห็นอะไรไม่ได้เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบชัดเจนว่า ส.ว.จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นใด เพราะเท่าที่ตรวจสอบในขณะนี้ ทราบเพียงว่ามีส.ว.บางคนมีความพยายามดำเนินการเรื่องนี้
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะดำเนินการเพื่อให้เข้าไปเป็นในคณะกรรมการสรรหาอย่างไร นายองอาจ กล่าวว่า ได้มีการปรึกษาหารือกันว่าไม่อยากแสดงความเห็นเรื่องนี้ว่าควรจะเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการสรรหาหรือไม่ เพราะกระบวนการสรรหามีไว้ชัดเจนอยู่แล้ว เพียงแต่อยากให้องค์กรที่มีหน้าที่ในเรื่องนี้ เมื่อพบว่าขั้นตอนและกระบวนการทั้งหมด มีปัญหาหรืออุปสรรคก็ขอให้ปรับปรุงแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก ส่วนจะมีฝ่ายไหนอย่างไร ขอให้เป็นภาระหน้าที่ขององค์กรนั้น เพราะไม่อยากถูกกล่าวหาว่าต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการสรรหาด้วย เนื่อง ส.ส.มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนที่กรรมการสรรหาชุดเก่าออกมาระบุว่าการสรรหาถูกต้อง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นคิดว่าควรจะแสดงสปิริตอะไรหรือไม่ ส.ส.กทม. กล่าวว่า เรื่องของสปิริตเป็นเรื่องของตัวบุคคลเราคงไม่ไปเรียกร้องหรือให้ความเห็นตรงนั้นได้
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีระบุว่าอาจต้องแก้รัฐธรรมนูญเพราะบางเรื่องมีข้อบกพร่อง นายองอาจ กล่าวว่า พรรคจะไม่พูดไปไกลถึงขั้นนั้น ว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนพอสมควร คิดว่าความผิดพลาดอยู่ที่กระบวนการมากกว่าว่าเราจะพยายามทำให้เบี่ยงเบนไปอย่างไรหรือไม่--จบ--
-สส-
(ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ,06/07/2545) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คร้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งวินิจฉัยว่ากระบวนการสรรหา กกต.ผิดรัฐธรรมนูญ ว่า อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นเด็ดขาด ไม่ว่าใครจะแสดงความเห็นอย่างไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ ทั้งนี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และเพื่อการดำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดที่บังคับใช้อยู้ขณะนี้ และเรียกร้องให้ผู้ที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเสนอความเห็นหรือทางออกไปในลักาณะที่จะเอาสีข้างเข้าถูซึ่งจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคมและก่อให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือไม่เชื่อมั่นต่อองค์กรอิสระซึ่งถือว่าเป็นองค์กรที่มีส่วนสำคัญในการจะทำหน้าที่ช่วยให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยสามารถดำเนินไปได้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมและโปร่งใส
นายองอาจ กล่าวว่า ทั้งนี้ก็ขอให้มีการสรรหา กกต.ใหม่แทนผู้ถูกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยกรรมวิธีใดก็ตามที่เป็นปัญหา หรือก่อให้เกิดความไม่โปร่งใส องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการสรรหากกต.ควรจับมือกันแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดบกพร่องขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง อย่างไรก็ตามที่พรรคประชาธิปัตย์มีความเห็นเช่นนี้ เพราะหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว มีความพยายามเสนอความเห็นทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพราะหลักเกณฑ์และรายละเอียดในเรื่องนี้มีไว้ชัดเจนอยู่แล้วตามรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นจะไปเบี่ยงเบนเป็นอย่างอื่นคงไม่ได้ ถ้ายังปล่อยให้มีความคิดเห็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะเกิดผลกระทบตามมา
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรกับการที่วุฒิสภาจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กกต.ที่เหลืออีก 4 คนต้องพ้นจากตำแหน่งด้วย เพราะมาจากคณะกรรมการสรรหาชุดเดียวกัน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของส.ว. เพราะแต่ละคนมีดุลพินิจเป็นของตัวเอง คงไปให้ความเห็นอะไรไม่ได้เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบชัดเจนว่า ส.ว.จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นใด เพราะเท่าที่ตรวจสอบในขณะนี้ ทราบเพียงว่ามีส.ว.บางคนมีความพยายามดำเนินการเรื่องนี้
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะดำเนินการเพื่อให้เข้าไปเป็นในคณะกรรมการสรรหาอย่างไร นายองอาจ กล่าวว่า ได้มีการปรึกษาหารือกันว่าไม่อยากแสดงความเห็นเรื่องนี้ว่าควรจะเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการสรรหาหรือไม่ เพราะกระบวนการสรรหามีไว้ชัดเจนอยู่แล้ว เพียงแต่อยากให้องค์กรที่มีหน้าที่ในเรื่องนี้ เมื่อพบว่าขั้นตอนและกระบวนการทั้งหมด มีปัญหาหรืออุปสรรคก็ขอให้ปรับปรุงแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก ส่วนจะมีฝ่ายไหนอย่างไร ขอให้เป็นภาระหน้าที่ขององค์กรนั้น เพราะไม่อยากถูกกล่าวหาว่าต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการสรรหาด้วย เนื่อง ส.ส.มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนที่กรรมการสรรหาชุดเก่าออกมาระบุว่าการสรรหาถูกต้อง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นคิดว่าควรจะแสดงสปิริตอะไรหรือไม่ ส.ส.กทม. กล่าวว่า เรื่องของสปิริตเป็นเรื่องของตัวบุคคลเราคงไม่ไปเรียกร้องหรือให้ความเห็นตรงนั้นได้
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีระบุว่าอาจต้องแก้รัฐธรรมนูญเพราะบางเรื่องมีข้อบกพร่อง นายองอาจ กล่าวว่า พรรคจะไม่พูดไปไกลถึงขั้นนั้น ว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนพอสมควร คิดว่าความผิดพลาดอยู่ที่กระบวนการมากกว่าว่าเราจะพยายามทำให้เบี่ยงเบนไปอย่างไรหรือไม่--จบ--
-สส-