นางพรพิชญ์ พัฒนกุลเลิศ ส.ส.นราธิวาส และนายวัยโรจน์ พิพิธภักดี ส.ส.ปัตตานีพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเดินทางดูสภาพพื้นที่จริงของนายกรัฐมนตรีว่า ความจริงที่นายกฯลงพื้นที่ไปดูสภาพที่แท้จริงก็ถูกแล้ว แต่ก็มีอีกหลายมุมที่ทำได้ แม้แต่กระทั่งในกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร แต่ว่าไม่เคยมีการนำข้อมูลไปใช้ รองนายกฯ อย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กรรมาธิการเชิญให้เข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังปัญหา ก็ไม่เคยมา กรรมาธิการส่วนใหญ่ก็มาจาก 5 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งอยากเรียกร้องให้คนที่มีอำนาจในทางนโยบายว่ามาฟังพวกเราเอง และคิดว่าจะแก้ปัญหาในทางใด ยุทธศาสตร์ทั้งหลาย จะได้ลงมือเสียที
นางพรพิชญ์ พัฒนกุลเลิศ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึงการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย ว่า การลงพื้นที่ของนายกฯจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่นั้นคงบอกไม่ได้ เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่ดีก็คือ การลงไปดูในพื้นที่ คิดว่าจะทำให้นายกฯได้รับคำตอบที่ถูกต้อง ตรงกับปัญหามากขึ้น และถ้านายกฯทำอย่างที่ให้สัมภาษณ์ ก็น่าจะทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ดีขึ้น ส่วนการที่ตั้งศูนย์ต่างๆนั้น จริงๆแล้วคงต้องกลับมามองว่าพื้นที่ 3 จังหวัดที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ แท้ที่จริงมันเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ ในฐานะที่เป็น ส.ส.ในพื้นที่ก็มองเหตุการณ์นี้มาตลอด และเกิดความรู้สึกกังวล ว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาปีครึ่ง การออกมาให้ข่าวให้สัมภาษณ์ของผู้นำรัฐบาลแต่ละคน แต่ละครั้งก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาก็ค่อนข้างที่จะไม่ถูกทิศถูกทาง วินิจฉัยโรคยังไม่ถูกต้อง พยายามที่จะมองเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์เป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งมันไม่น่าจะใช่
ส.ส.นราธิวาส กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า จริงๆแล้วมันไม่ใช่เหตุการณ์เดียวกัน 3 จังหวัด ภาคใต้จริงๆมันเป็นอาชญากรรมที่เรียกว่า น่าจะเป็นอาชญากรรมที่เหมือนกับจังหวัดอื่นๆ แต่มีบางฝ่ายบาง บางหน่วยงานมองว่า เป็นเรื่องของขบวนการโจรก่อการร้าย ในฐานะที่เป็น ส.ส.ในพื้นที่ก็มีความรู้สึกว่ามันไม่น่าจะใช่ เพราะเราเองคงได้รับอานิสงค์จากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น มาวันนี้เราก็มองว่า 3 จังหวัดภาคใต้เอง มีนายกฯ อบจ.ที่มาจากคนท้องถิ่นแท้ๆ เรามี ส.ส.ที่เป็นคนในพื้นที่ รวมทั้งปัญหาทางการเมืองเราก็ดีขึ้น แล้วมาวันนี้ถ้ามองว่าเป็นเรื่องของขบวนการมันน่าจะผิดทาง และทำให้ต่างจังหวัดไม่กล้ามา ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อประชาชนพื้นที่
มีการใช้คำว่ามูจาฮีดีน กันอย่างพร่ำเพรื่อ ทั้งๆที่คำนี้มันมีความหมายในทางการต่อสู้เพื่อศาสนา แต่ปรากฎว่า คนเหล่านี้ คนประกอบการทั้งหลายเป็นคนที่ทำไม่ถูกต้องตามหลักการศาสนาด้วยซ้ำ เป็นการก่ออาชญากรรมเหมือนกับที่จังหวัดอื่นๆ เป็นการปล้นร้านทองบ้าง จับคนเรียกค่าไถ่ หรือลักเล็กขโมยน้อยเป็นอาชญากรรมธรรมดา แต่ก็เหมือนกันมาทำให้คนเหล่านี้มีความหมาย เหมือนกับเป็นคนที่มีความสำคัญ เราก็เลยใช้วิธีการที่เหมือนกับการลงทุนที่สูญเปล่า
นางพรพิญช์ กล่าวว่า ส่วนที่คิดว่าจะมีการประเมินกันใหม่ ก็เป็นสิ่งที่น่าจะคิดได้นานแล้ว เพราะว่าควรจะประเมินเหตุการณ์ต่างๆว่ามันเป็นอะไร และการตั้งหลายหน่วยงานนั้น จริงๆแล้วเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะตั้งกันแค่ไหน แต่ที่สำคัญคือ บางเรื่องบางเหตุการณ์ มันมีหลักฐานอยู่จากผู้ต้องหาบางครั้งก็ได้ อย่างนี้มีการขยายผล แต่ถ้าเขาจะตั้งอะไรขึ้นมาเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ เพื่อที่จะให้แก้ไขได้ทุกทางก็ควรจะทำ ซึ่งควรจะทำมานานแล้วด้วยซ้ำ
การลงพื้นที่ไปดูเหตุการณ์เองก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกับคน 3 จังหวัด แต่ว่านายกฯจะทำได้หรือไม่ก็ต้องดูกันต่อไปว่าเขาจะทำจริงอย่างที่เขาว่าหรือไม่ แต่การที่นายกฯแสดงความมั่นใจว่าสามารถดับไฟใต้ภายในเวลาไม่นานหลังจากกลับจากการลงพื้นที่ ก็คงต้องเฝ้าดู เพราะแรกๆก็เห็นพูดอย่างนี้ เมื่อตอนปีที่แล้ว แต่ปีที่แล้วนายกฯอาจจะได้รับข่าวที่ไม่ถูกไม่ต้อง แต่ก็ต้องใช้โอกาสเขา ว่าทำอย่างนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่ลักษณะที่ใช้โอกาสมาเรื่อยๆ และก็มันยึดไปเรื่อยๆ เพราะนายกฯก็เคยบอกว่า 3 เดือน จะดับไฟใต้ได้ ซึ่งก็เลยมานานแล้ว แต่เมื่อตั้งใจที่จะเริ่มต้นใหม่ไปดูเหตุการณ์เอง และรับทราบข่าวจากพี่น้องประชาชนโดยตรง ก็สะท้อนให้เห็นว่านายกฯเองก็ไม่ค่อยเชื่อว่าข่าวทางการเท่าไร เพราะฉะนั้นในจุดนี้ถ้านายกฯยืนยันว่าเขาจะดับไฟใต้ได้เร็ว เราในฐานะ ส.ส.ในพื้นที่ก็เป็นห่วงเป็นกังวล เขาบอกมาอย่างนี้เราก็ให้โอกาสเขาอีก
“คงต้องให้โอกาสเขาทำ แต่ก็อยากให้พูดจริงทำจริงไม่ใช่ว่าพูดไปแล้วกลายเป็นเหมือนเดิม คือ ไม่ได้ตระหนักถึงปัญหานี้อย่างแท้จริง” ส.ส.นราธิวาส กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่การที่ฝ่ายค้าน มี ส.ส.ที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้เยอะ รัฐบาลจึงจะประสานขอข้อมูล มีการติดต่อมาบ้างหรือยัง นางพรพิชญ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการประสานมา แต่เนื่องจากว่ารัฐบาลน่าจะได้รับข้อมูลแล้ว เพราะเรามีกรรมาธิการการพิจารณาปัญหาสถานการณ์ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปอยู่ตรงนั้น 8 คน และส่วนใหญ่ก็เป็น ส.ส.ใน 5 จังหวัดภาคใต้ เพราะฉะนั้นข้อมูลก็น่าจะได้จากที่ประชุมตรงนี้ ถ้าเขาตั้งใจที่จะ ซึ่งที่ผ่านมาได้เคยขอให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่คิดว่าคงจะเป็นคนดูแลทำงานแทนนายกฯ มาฟังเรื่องจริงๆจากพวกเรา ส.ส.ในพื้นที่ แต่เนื่องจากท่านคงติดภารกิจอื่นๆ ที่อาจจะสำคัญกว่า ก็เลยไม่ได้มาฟังเรา เพราะฉะนั้นเราเองในฐานะที่เป็นกรรมาธิการ ก็ได้ทำหนังสือเชิญอีกครั้ง ในอาทิตย์หน้า ซึ่งการมารับฟังปัญหาจากผู้ที่รู้จริงก็จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้น
“ถ้าท่านไม่ยอมฟัง ส.ส.ในพื้นที่เลย ไม่ว่าจะพรรคไหน ก็มองว่าตรงนี้เป็นการไม่ให้ความสำคัญกับปัญหาอย่างแท้จริง ก็หวังว่าการเชิญคราวนี้ของกรรมาธิการรัฐมนตรีคงมาเอง เราอยากให้คนที่มีอำนาจในทางนโยบายว่ามาฟังพวกเราเอง และคิดว่าจะแก้ปัญหาในทางใด ยุทธศาสตร์ทั้งหลาย จะได้ลงมือเสียที ไม่อยากให้เอาเพียงแต่พูด” นางพรพิชญ์ กล่าว
ด้านนายวัยโรจน์ พิพิธภักดี ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ตนไม่คิดว่าการลงพื้นที่เข้าไปดูปัญหาของนายกฯจะสามารถแก้สถานการณ์ได้ ซึ่งหลังจากที่นายกฯเดินทางกลับ ตนก็ลงพื้นที่ถกกับชาวบ้านถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ชาวบ้านก็มีความเห็นตรงกันว่า คงไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นถ้าไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาที่สะสมมานานเกี่ยวกับเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐ เกี่ยวกับปัญหาคอร์รัปชั่น ตนเป็น ส.ส.ในพื้นที่ ก็รู้ปัญหาดี แต่เมื่อบอกก็ไม่ค่อยมีใครสนใจฟัง ทำให้ปัญหาสะสมยื้อมาเรื่อยๆ--จบ--
-สส-
นางพรพิชญ์ พัฒนกุลเลิศ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึงการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย ว่า การลงพื้นที่ของนายกฯจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่นั้นคงบอกไม่ได้ เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่ดีก็คือ การลงไปดูในพื้นที่ คิดว่าจะทำให้นายกฯได้รับคำตอบที่ถูกต้อง ตรงกับปัญหามากขึ้น และถ้านายกฯทำอย่างที่ให้สัมภาษณ์ ก็น่าจะทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ดีขึ้น ส่วนการที่ตั้งศูนย์ต่างๆนั้น จริงๆแล้วคงต้องกลับมามองว่าพื้นที่ 3 จังหวัดที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ แท้ที่จริงมันเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ ในฐานะที่เป็น ส.ส.ในพื้นที่ก็มองเหตุการณ์นี้มาตลอด และเกิดความรู้สึกกังวล ว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาปีครึ่ง การออกมาให้ข่าวให้สัมภาษณ์ของผู้นำรัฐบาลแต่ละคน แต่ละครั้งก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาก็ค่อนข้างที่จะไม่ถูกทิศถูกทาง วินิจฉัยโรคยังไม่ถูกต้อง พยายามที่จะมองเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์เป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งมันไม่น่าจะใช่
ส.ส.นราธิวาส กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า จริงๆแล้วมันไม่ใช่เหตุการณ์เดียวกัน 3 จังหวัด ภาคใต้จริงๆมันเป็นอาชญากรรมที่เรียกว่า น่าจะเป็นอาชญากรรมที่เหมือนกับจังหวัดอื่นๆ แต่มีบางฝ่ายบาง บางหน่วยงานมองว่า เป็นเรื่องของขบวนการโจรก่อการร้าย ในฐานะที่เป็น ส.ส.ในพื้นที่ก็มีความรู้สึกว่ามันไม่น่าจะใช่ เพราะเราเองคงได้รับอานิสงค์จากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น มาวันนี้เราก็มองว่า 3 จังหวัดภาคใต้เอง มีนายกฯ อบจ.ที่มาจากคนท้องถิ่นแท้ๆ เรามี ส.ส.ที่เป็นคนในพื้นที่ รวมทั้งปัญหาทางการเมืองเราก็ดีขึ้น แล้วมาวันนี้ถ้ามองว่าเป็นเรื่องของขบวนการมันน่าจะผิดทาง และทำให้ต่างจังหวัดไม่กล้ามา ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อประชาชนพื้นที่
มีการใช้คำว่ามูจาฮีดีน กันอย่างพร่ำเพรื่อ ทั้งๆที่คำนี้มันมีความหมายในทางการต่อสู้เพื่อศาสนา แต่ปรากฎว่า คนเหล่านี้ คนประกอบการทั้งหลายเป็นคนที่ทำไม่ถูกต้องตามหลักการศาสนาด้วยซ้ำ เป็นการก่ออาชญากรรมเหมือนกับที่จังหวัดอื่นๆ เป็นการปล้นร้านทองบ้าง จับคนเรียกค่าไถ่ หรือลักเล็กขโมยน้อยเป็นอาชญากรรมธรรมดา แต่ก็เหมือนกันมาทำให้คนเหล่านี้มีความหมาย เหมือนกับเป็นคนที่มีความสำคัญ เราก็เลยใช้วิธีการที่เหมือนกับการลงทุนที่สูญเปล่า
นางพรพิญช์ กล่าวว่า ส่วนที่คิดว่าจะมีการประเมินกันใหม่ ก็เป็นสิ่งที่น่าจะคิดได้นานแล้ว เพราะว่าควรจะประเมินเหตุการณ์ต่างๆว่ามันเป็นอะไร และการตั้งหลายหน่วยงานนั้น จริงๆแล้วเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะตั้งกันแค่ไหน แต่ที่สำคัญคือ บางเรื่องบางเหตุการณ์ มันมีหลักฐานอยู่จากผู้ต้องหาบางครั้งก็ได้ อย่างนี้มีการขยายผล แต่ถ้าเขาจะตั้งอะไรขึ้นมาเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ เพื่อที่จะให้แก้ไขได้ทุกทางก็ควรจะทำ ซึ่งควรจะทำมานานแล้วด้วยซ้ำ
การลงพื้นที่ไปดูเหตุการณ์เองก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกับคน 3 จังหวัด แต่ว่านายกฯจะทำได้หรือไม่ก็ต้องดูกันต่อไปว่าเขาจะทำจริงอย่างที่เขาว่าหรือไม่ แต่การที่นายกฯแสดงความมั่นใจว่าสามารถดับไฟใต้ภายในเวลาไม่นานหลังจากกลับจากการลงพื้นที่ ก็คงต้องเฝ้าดู เพราะแรกๆก็เห็นพูดอย่างนี้ เมื่อตอนปีที่แล้ว แต่ปีที่แล้วนายกฯอาจจะได้รับข่าวที่ไม่ถูกไม่ต้อง แต่ก็ต้องใช้โอกาสเขา ว่าทำอย่างนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่ลักษณะที่ใช้โอกาสมาเรื่อยๆ และก็มันยึดไปเรื่อยๆ เพราะนายกฯก็เคยบอกว่า 3 เดือน จะดับไฟใต้ได้ ซึ่งก็เลยมานานแล้ว แต่เมื่อตั้งใจที่จะเริ่มต้นใหม่ไปดูเหตุการณ์เอง และรับทราบข่าวจากพี่น้องประชาชนโดยตรง ก็สะท้อนให้เห็นว่านายกฯเองก็ไม่ค่อยเชื่อว่าข่าวทางการเท่าไร เพราะฉะนั้นในจุดนี้ถ้านายกฯยืนยันว่าเขาจะดับไฟใต้ได้เร็ว เราในฐานะ ส.ส.ในพื้นที่ก็เป็นห่วงเป็นกังวล เขาบอกมาอย่างนี้เราก็ให้โอกาสเขาอีก
“คงต้องให้โอกาสเขาทำ แต่ก็อยากให้พูดจริงทำจริงไม่ใช่ว่าพูดไปแล้วกลายเป็นเหมือนเดิม คือ ไม่ได้ตระหนักถึงปัญหานี้อย่างแท้จริง” ส.ส.นราธิวาส กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่การที่ฝ่ายค้าน มี ส.ส.ที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้เยอะ รัฐบาลจึงจะประสานขอข้อมูล มีการติดต่อมาบ้างหรือยัง นางพรพิชญ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการประสานมา แต่เนื่องจากว่ารัฐบาลน่าจะได้รับข้อมูลแล้ว เพราะเรามีกรรมาธิการการพิจารณาปัญหาสถานการณ์ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปอยู่ตรงนั้น 8 คน และส่วนใหญ่ก็เป็น ส.ส.ใน 5 จังหวัดภาคใต้ เพราะฉะนั้นข้อมูลก็น่าจะได้จากที่ประชุมตรงนี้ ถ้าเขาตั้งใจที่จะ ซึ่งที่ผ่านมาได้เคยขอให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่คิดว่าคงจะเป็นคนดูแลทำงานแทนนายกฯ มาฟังเรื่องจริงๆจากพวกเรา ส.ส.ในพื้นที่ แต่เนื่องจากท่านคงติดภารกิจอื่นๆ ที่อาจจะสำคัญกว่า ก็เลยไม่ได้มาฟังเรา เพราะฉะนั้นเราเองในฐานะที่เป็นกรรมาธิการ ก็ได้ทำหนังสือเชิญอีกครั้ง ในอาทิตย์หน้า ซึ่งการมารับฟังปัญหาจากผู้ที่รู้จริงก็จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้น
“ถ้าท่านไม่ยอมฟัง ส.ส.ในพื้นที่เลย ไม่ว่าจะพรรคไหน ก็มองว่าตรงนี้เป็นการไม่ให้ความสำคัญกับปัญหาอย่างแท้จริง ก็หวังว่าการเชิญคราวนี้ของกรรมาธิการรัฐมนตรีคงมาเอง เราอยากให้คนที่มีอำนาจในทางนโยบายว่ามาฟังพวกเราเอง และคิดว่าจะแก้ปัญหาในทางใด ยุทธศาสตร์ทั้งหลาย จะได้ลงมือเสียที ไม่อยากให้เอาเพียงแต่พูด” นางพรพิชญ์ กล่าว
ด้านนายวัยโรจน์ พิพิธภักดี ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ตนไม่คิดว่าการลงพื้นที่เข้าไปดูปัญหาของนายกฯจะสามารถแก้สถานการณ์ได้ ซึ่งหลังจากที่นายกฯเดินทางกลับ ตนก็ลงพื้นที่ถกกับชาวบ้านถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ชาวบ้านก็มีความเห็นตรงกันว่า คงไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นถ้าไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาที่สะสมมานานเกี่ยวกับเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐ เกี่ยวกับปัญหาคอร์รัปชั่น ตนเป็น ส.ส.ในพื้นที่ ก็รู้ปัญหาดี แต่เมื่อบอกก็ไม่ค่อยมีใครสนใจฟัง ทำให้ปัญหาสะสมยื้อมาเรื่อยๆ--จบ--
-สส-