อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการส่งออกสูงอยู่ใน 10 อันดับแรกของสินค้าส่งออกของไทย นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการสร้างงานและเกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับมีสถานการณ์ที่น่าสนใจดังนี้
1. ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้เนื่องมาจาก
- ปัญหาตลาดการเงินในสหรัฐอเมริกา
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง
- กลุ่มผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ในยุโรปมีแนวโน้มที่จะลดการนำทองคำออกสู่ตลาด
ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ จึงย้ายการลงทุนมาเป็นทองคำมากขึ้น ส่งผลให้ระดับราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น
2. เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2545 กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและการยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 (ฉบับที่ 2) ประกาศดังกล่าวมีผลต่อพิกัดศุลกากรตอนที่ 71 ประเภทย่อยที่ 7113.11 และ 7113.19 กล่าวคือ ส่วนประกอบ (Finding) ที่ทำด้วยเงิน และทำด้วยทอง จะได้รับการยกเว้นอากร จากแต่เดิมที่มีอัตราอากรร้อยละ 20
การยกเว้นอัตราอากรดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตให้แก่ผู้ผลิตเครื่องประดับ เนื่องจากส่วนประกอบ (เช่น ข้อต่อ และสปริง เป็นต้น) เป็นสินค้ากึ่งสำเร็จรูปที่สำคัญในการผลิต แต่ผู้ผลิตเครื่องประดับต้องนำเข้าส่วนประกอบจากต่างประเทศ เพราะผู้ผลิตส่วนประกอบในประเทศยังไม่สามารถผลิตสินค้ากึ่งสำเร็จรูปนี้ให้มีคุณภาพและมาตรฐานตามที่ประเทศคู่ค้าต้องการได้ โดยเฉพาะมาตรฐานของญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาลี และสหรัฐอเมริกา ประกอบกับการลงทุนผลิตส่วนประกอบต้องอาศัยเงินทุนสูง และแฟชั่นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงไม่คุ้มกับการลงทุน
ภาวะปัจจุบัน
1. การผลิต
ดัชนีผลผลิตเครื่องประดับ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกเครื่องประดับแท้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับดัชนีผลผลิตเครื่องประดับในครึ่งปีแรกของปี 2545 หดตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.3 เนื่องจากคำสั่งซื้อในตลาดหลักลดลงในช่วงต้นปี
2. การตลาด2.1 ตลาดในประเทศ
ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศเริ่มดีขึ้น โดยสินค้าที่ขายดีในช่วงไตรมาสที่ 2 ได้แก่ เครื่องประดับเพชร ประเภทแหวน และจี้ ที่มีขนาดเล็ก และราคาไม่สูงมากนัก โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนทำงาน
สำหรับในครึ่งปีแรกของปี 2545 ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น ส่วนระดับราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ทำให้การซื้อขายในครึ่งปีแรกเป็นลักษณะของการนำทองรูปพรรณที่มีอยู่แล้วออกมาขายคืนให้กับร้านทอง และการซื้อทองรูปพรรณเพื่อการลงทุน ส่วนการซื้อทองรูปพรรณเพื่อเป็นเครื่องประดับค่อนข้างชะลอตัว เพราะระดับราคาทองคำเมื่อรวมค่ากำเหน็จแล้วอยู่ในระดับที่เกินกว่า 6,000 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่สูงสำหรับผู้บริโภคในประเทศ
2.2 การส่งออก
การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 มีมูลค่า 553.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.9 จากการขยายตัวของการส่งออกอัญมณี เครื่องประดับแท้ เครื่องประดับอัญมณีเทียม ทองคำยังไม่ขึ้นรูป และโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ โดยทองคำยังไม่ขึ้นรูปมีการขยายตัวมากที่สุด ทั้งนี้เป็นผลจากการที่ราคาทองคำอยู่ในระดับสูง ทำให้เกิดการขายทองรูปพรรณคืนแก่ร้านทอง ซึ่งร้านทองได้นำทองที่รับซื้อไว้ ไปหลอมเป็นทองแท่ง แล้วขายคืนให้กับประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เหตุผลในการดำเนินงานดังกล่าวของร้านทองก็เพื่อเป็นการบริหารเงิน และลดความเสี่ยงจากภาวะราคาทองคำที่ผันผวนในท้องตลาด
ตลาดส่งออกที่สำคัญในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อิสราเอล สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม และญี่ปุ่น โดยการส่งออกไปประเทศดังกล่าวมีมูลค่า 388.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือร้อยละ 70.1 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งหมด
สำหรับการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในครึ่งแรกของปี 2545 มีมูลค่า 1,027 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17.7 จากการขยายตัวของการส่งออกอัญมณี เครื่องประดับอัญมณีเทียม ทองคำยังไม่ขึ้นรูป และโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ โดยทองคำยังไม่ขึ้นรูปมีการขยายตัวมากที่สุด ทั้งนี้มีสาเหตุการขยายตัวเช่นเดียวกับในไตรมาสที่ 2
ตลาดส่งออกที่สำคัญในครึ่งแรกของปี 2545 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อิสราเอล สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม และญี่ปุ่น โดยการส่งออกไปประเทศดังกล่าวมีมูลค่า 715.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือร้อยละ 69.6 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งหมด
2.3 การนำเข้า
การนำเข้าเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 มีมูลค่า 424 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 27.7 ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวมีสาเหตุสำคัญมาจากการขยายตัวของการนำเข้าทองคำ ประเภททองคำแท่งเพื่อขายให้แก่นักลงทุนในประเทศ
การที่ต้องนำเข้าทองคำแท่งจากต่างประเทศ แม้ราคาทองคำในตลาดโลกจะอยู่ในระดับสูง มีสาเหตุมาจากนักลงทุนไม่นิยมลงทุนในทองคำแท่งที่หลอมจากร้านต่าง ๆ ในประเทศเพื่อการส่งออก แต่ต้องการลงทุนในทองคำแท่งที่มีตราสินค้าเป็นที่รู้จักและได้รับการรับรองมาตรฐานทองคำ
ตลาดนำเข้าที่สำคัญในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 ได้แก่ อิสราเอล เบลเยียม อินเดีย ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย โดยการนำเข้าจากประเทศดังกล่าวมีมูลค่า 251.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือร้อยละ 59.4 ของมูลค่าการนำเข้าเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ ทั้งหมด
สำหรับการนำเข้าเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ ในครึ่งแรกของปี 2545 มีมูลค่า 1,008.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.1 ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวมีสาเหตุสำคัญมาจากการนำเข้าเงินและเพชรมากขึ้น
การนำเข้าเงินมากขึ้น เนื่องมาจากการส่งออกเครื่องประดับแท้ที่ทำจากเงินมีการขยายตัว สำหรับการนำเข้าเพชรนั้น ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเพชรที่เจียระไนแล้วและเพชรดิบ โดยเพชรที่เจียระไนแล้วจะนำมาผลิตเครื่องประดับเพื่อการขายทั้งในและต่างประเทศ ส่วนเพชรดิบจะนำมาเจียระไนเพื่อการส่งออก
ตลาดนำเข้าที่สำคัญในครึ่งของปี 2545 ได้แก่ อิสราเอล ออสเตรเลีย เบลเยียม อินเดีย และฮ่องกง โดยการนำเข้าจากประเทศดังกล่าวมีมูลค่า 614.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือร้อยละ 60.9 ของมูลค่าการนำเข้าเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ ทั้งหมด
3. สรุปและแนวโน้ม
ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศอยู่ในภาวะฟื้นตัว ตามการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจ โดยเครื่องประดับเพชรชิ้นเล็ก ๆ ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนทำงาน ด้านการผลิตเครื่องประดับมีการขยายตัวเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับตลาดต่างประเทศยังขยายตัวได้ดี
สำหรับในครึ่งแรกของปี 2545 นั้น ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศอยู่ในภาวะฟื้นตัว ตามการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจของประดับเช่นกัน โดยตลาดเริ่มดีขึ้นในไตรมาสที่ 2 สำหรับตลาดต่างประเทศยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น
แนวโน้มการส่งออกในครึ่งปีหลัง คาดว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับจะยังคงขยายตัว อย่างไรก็ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และปัญหาตลาดการเงินในสหรัฐอเมริกา อาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยไปยังตลาดดังกล่าว ผู้ประกอบการภาคเอกชนจะต้องปรับตัวโดยขยายการส่งออกไปยังตลาดอื่นมากขึ้น เช่น สหภาพยุโรป รัสเซีย และญี่ปุ่น เป็นต้น
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-สส-
ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับมีสถานการณ์ที่น่าสนใจดังนี้
1. ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้เนื่องมาจาก
- ปัญหาตลาดการเงินในสหรัฐอเมริกา
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง
- กลุ่มผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ในยุโรปมีแนวโน้มที่จะลดการนำทองคำออกสู่ตลาด
ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ จึงย้ายการลงทุนมาเป็นทองคำมากขึ้น ส่งผลให้ระดับราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น
2. เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2545 กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและการยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 (ฉบับที่ 2) ประกาศดังกล่าวมีผลต่อพิกัดศุลกากรตอนที่ 71 ประเภทย่อยที่ 7113.11 และ 7113.19 กล่าวคือ ส่วนประกอบ (Finding) ที่ทำด้วยเงิน และทำด้วยทอง จะได้รับการยกเว้นอากร จากแต่เดิมที่มีอัตราอากรร้อยละ 20
การยกเว้นอัตราอากรดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตให้แก่ผู้ผลิตเครื่องประดับ เนื่องจากส่วนประกอบ (เช่น ข้อต่อ และสปริง เป็นต้น) เป็นสินค้ากึ่งสำเร็จรูปที่สำคัญในการผลิต แต่ผู้ผลิตเครื่องประดับต้องนำเข้าส่วนประกอบจากต่างประเทศ เพราะผู้ผลิตส่วนประกอบในประเทศยังไม่สามารถผลิตสินค้ากึ่งสำเร็จรูปนี้ให้มีคุณภาพและมาตรฐานตามที่ประเทศคู่ค้าต้องการได้ โดยเฉพาะมาตรฐานของญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาลี และสหรัฐอเมริกา ประกอบกับการลงทุนผลิตส่วนประกอบต้องอาศัยเงินทุนสูง และแฟชั่นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงไม่คุ้มกับการลงทุน
ภาวะปัจจุบัน
1. การผลิต
ดัชนีผลผลิตเครื่องประดับ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกเครื่องประดับแท้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับดัชนีผลผลิตเครื่องประดับในครึ่งปีแรกของปี 2545 หดตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.3 เนื่องจากคำสั่งซื้อในตลาดหลักลดลงในช่วงต้นปี
2. การตลาด2.1 ตลาดในประเทศ
ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศเริ่มดีขึ้น โดยสินค้าที่ขายดีในช่วงไตรมาสที่ 2 ได้แก่ เครื่องประดับเพชร ประเภทแหวน และจี้ ที่มีขนาดเล็ก และราคาไม่สูงมากนัก โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนทำงาน
สำหรับในครึ่งปีแรกของปี 2545 ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น ส่วนระดับราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ทำให้การซื้อขายในครึ่งปีแรกเป็นลักษณะของการนำทองรูปพรรณที่มีอยู่แล้วออกมาขายคืนให้กับร้านทอง และการซื้อทองรูปพรรณเพื่อการลงทุน ส่วนการซื้อทองรูปพรรณเพื่อเป็นเครื่องประดับค่อนข้างชะลอตัว เพราะระดับราคาทองคำเมื่อรวมค่ากำเหน็จแล้วอยู่ในระดับที่เกินกว่า 6,000 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่สูงสำหรับผู้บริโภคในประเทศ
2.2 การส่งออก
การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 มีมูลค่า 553.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.9 จากการขยายตัวของการส่งออกอัญมณี เครื่องประดับแท้ เครื่องประดับอัญมณีเทียม ทองคำยังไม่ขึ้นรูป และโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ โดยทองคำยังไม่ขึ้นรูปมีการขยายตัวมากที่สุด ทั้งนี้เป็นผลจากการที่ราคาทองคำอยู่ในระดับสูง ทำให้เกิดการขายทองรูปพรรณคืนแก่ร้านทอง ซึ่งร้านทองได้นำทองที่รับซื้อไว้ ไปหลอมเป็นทองแท่ง แล้วขายคืนให้กับประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เหตุผลในการดำเนินงานดังกล่าวของร้านทองก็เพื่อเป็นการบริหารเงิน และลดความเสี่ยงจากภาวะราคาทองคำที่ผันผวนในท้องตลาด
ตลาดส่งออกที่สำคัญในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อิสราเอล สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม และญี่ปุ่น โดยการส่งออกไปประเทศดังกล่าวมีมูลค่า 388.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือร้อยละ 70.1 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งหมด
สำหรับการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในครึ่งแรกของปี 2545 มีมูลค่า 1,027 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17.7 จากการขยายตัวของการส่งออกอัญมณี เครื่องประดับอัญมณีเทียม ทองคำยังไม่ขึ้นรูป และโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ โดยทองคำยังไม่ขึ้นรูปมีการขยายตัวมากที่สุด ทั้งนี้มีสาเหตุการขยายตัวเช่นเดียวกับในไตรมาสที่ 2
ตลาดส่งออกที่สำคัญในครึ่งแรกของปี 2545 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อิสราเอล สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม และญี่ปุ่น โดยการส่งออกไปประเทศดังกล่าวมีมูลค่า 715.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือร้อยละ 69.6 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งหมด
2.3 การนำเข้า
การนำเข้าเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 มีมูลค่า 424 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 27.7 ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวมีสาเหตุสำคัญมาจากการขยายตัวของการนำเข้าทองคำ ประเภททองคำแท่งเพื่อขายให้แก่นักลงทุนในประเทศ
การที่ต้องนำเข้าทองคำแท่งจากต่างประเทศ แม้ราคาทองคำในตลาดโลกจะอยู่ในระดับสูง มีสาเหตุมาจากนักลงทุนไม่นิยมลงทุนในทองคำแท่งที่หลอมจากร้านต่าง ๆ ในประเทศเพื่อการส่งออก แต่ต้องการลงทุนในทองคำแท่งที่มีตราสินค้าเป็นที่รู้จักและได้รับการรับรองมาตรฐานทองคำ
ตลาดนำเข้าที่สำคัญในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 ได้แก่ อิสราเอล เบลเยียม อินเดีย ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย โดยการนำเข้าจากประเทศดังกล่าวมีมูลค่า 251.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือร้อยละ 59.4 ของมูลค่าการนำเข้าเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ ทั้งหมด
สำหรับการนำเข้าเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ ในครึ่งแรกของปี 2545 มีมูลค่า 1,008.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.1 ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวมีสาเหตุสำคัญมาจากการนำเข้าเงินและเพชรมากขึ้น
การนำเข้าเงินมากขึ้น เนื่องมาจากการส่งออกเครื่องประดับแท้ที่ทำจากเงินมีการขยายตัว สำหรับการนำเข้าเพชรนั้น ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเพชรที่เจียระไนแล้วและเพชรดิบ โดยเพชรที่เจียระไนแล้วจะนำมาผลิตเครื่องประดับเพื่อการขายทั้งในและต่างประเทศ ส่วนเพชรดิบจะนำมาเจียระไนเพื่อการส่งออก
ตลาดนำเข้าที่สำคัญในครึ่งของปี 2545 ได้แก่ อิสราเอล ออสเตรเลีย เบลเยียม อินเดีย และฮ่องกง โดยการนำเข้าจากประเทศดังกล่าวมีมูลค่า 614.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือร้อยละ 60.9 ของมูลค่าการนำเข้าเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ ทั้งหมด
3. สรุปและแนวโน้ม
ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2545 ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศอยู่ในภาวะฟื้นตัว ตามการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจ โดยเครื่องประดับเพชรชิ้นเล็ก ๆ ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนทำงาน ด้านการผลิตเครื่องประดับมีการขยายตัวเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับตลาดต่างประเทศยังขยายตัวได้ดี
สำหรับในครึ่งแรกของปี 2545 นั้น ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศอยู่ในภาวะฟื้นตัว ตามการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจของประดับเช่นกัน โดยตลาดเริ่มดีขึ้นในไตรมาสที่ 2 สำหรับตลาดต่างประเทศยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น
แนวโน้มการส่งออกในครึ่งปีหลัง คาดว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับจะยังคงขยายตัว อย่างไรก็ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และปัญหาตลาดการเงินในสหรัฐอเมริกา อาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยไปยังตลาดดังกล่าว ผู้ประกอบการภาคเอกชนจะต้องปรับตัวโดยขยายการส่งออกไปยังตลาดอื่นมากขึ้น เช่น สหภาพยุโรป รัสเซีย และญี่ปุ่น เป็นต้น
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-สส-