เมื่อเวลา 16.30 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุมคณะทำงานทั้ง 14 คณะของพรรคว่า ทางพรรคได้ร่วมกันวิเคราะห์แนวทางการเมืองขณะนี้ รวมถึงได้กำหนดแนวทางตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และพูดถึงท่าทีของรัฐบาลขณะนี้ โดยมีคณะประชุมทั้ง14 คณะ เป็นผู้กำหนดเป็นกรอบและขยายผลว่าน่าจะมีหลายประเด็นที่ควรจะออกมาพูดกับสาธารณะ
“เรื่องแรกรัฐบาลยังคงท่าทีของการไม่ฟังเสียงที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนักวิชาการ นักธุรกิจ และ ฝ่ายการเมืองหลังสุด เป็น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ออกมาเรียกร้องเรื่องกฎหมายกระจายอำนาจ แต่ว่าถ้าทียังคงไม่รับฟังเสียง ซึ่งประเด็นเหล่านี้เห็นว่ายังไม่เป็นประชาธิปไตย พรรคต้องเป็นตัวกลางรับฟังเสียงส่วนต่างๆ มาสะท้อนให้กับรัฐบาลและสาธารณะ ซึ่งจะเป็นกรอบของการจัดกิจกรรมต่อ เรื่องที่สอง คือ นโยบายหลายเรื่องของรัฐบาลไม่ได้คิดผลกระทบในอนาคต มุ่งแต่แสวงหาความนิยมในระยะสั้นเฉพาะหน้า จะสังเกตเห็นชัดในหลายเรื่อง ที่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการก่อให้เกิดหนี้ในอนาคต ซึ่งเป็นกรอบที่สองที่ต้องขบคิด เรื่องที่สาม การนำเสนอนโยบายที่ไม่สนใจค่านิยมดีงามของสังคม และไม่สนใจเรื่องประเด็นทางศีลธรรมทั้งเปิดบ่อนและยาเสพย์ติด ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบต่อความเสื่อมโทรมของสังคม รัฐบาลไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้”
นายสาทิตย์ กล่าวว่า คณะทำงานทั้ง 14 คณะ ก็จะไปกำหนดกิจกรรมจากกรอบความคิดที่คิดว่าเป็นปัญหา และจากนี้ไปคงจะต้องให้คณะทำงานทั้งหลายเร่งจัดกิจกรรมในเชิงเป็นตัวกลางในการรับฟังกลุ่มต่างๆ ในสังคม ระยะนี้จะเป็นคณะทำงานฝ่ายปกครอง และการเมืองการบริหาร ก็คงจะต้องรับฟังความเห็นของฝ่ายองค์กรปกครองท้องถิ่น ส่วนจะเป็นรูปแบบใดนั้นยังไม่กำหนดว่าจะเป็นการจัดสัมนา หรือลงพื้นที่ แต่เราจะใช้ เวลา วันเสาร์ อาทิตย์ ให้คณะทำงานทั้ง 14 คณะ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาแถลงผลการทำงานของแต่ละคณะว่าได้รับฟังมานั้นได้ประเด็นอะไรมาบ้าง
“ ในระยะยาวจะนำประเด็นปัญหาที่ได้รับฟังปัญหาของประชาชนจากพื้นที่จริงๆ มากำหนดเป็นนโยบาย แล้วนำมาเสนอให้คณะกรรมการบริหารพรรคต่อไป โดยแต่ละคณะทำงานสามารถคิดนโยบายส่วนที่ตนเองไปรับฟังปัญหามาได้อย่างเสรี และไม่กรอบใดของพรรคไปขวางกั้นการทำงานของแต่ละคณะ”
นายสาทิตย์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้ได้มีการรายงานความคืบหน้าในแต่ละคณะว่าได้ทำอะไร อย่างไรไปบ้าง ซึ่งนายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรค ในฐานะประธานที่ประชุม ได้ฝากถึงบางคณะว่า มีรายละเอียดดี แต่ต้องเสนอต่อสาธารณะ เช่น คณะทำงานด้านสาธารณสุข ซึ่งได้รับข้อร้องเรียนข้อเสนอแนะจากบุคลากรทางสาธารณสุขจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้ข้อแถลงอย่างเป็นทางการ จึงขอให้ไปสรุปประเด็นมาอีกที
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง รายการชวนออนไลน์ที่ออกสดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ามีปัญหาตรงที่หลายฝ่ายเข้ายากเพราะใช้งานกันมาก ส่วนสัปดาห์หน้าจะเป็นการบันทึกเทปก่อน และประเด็นซึ่งหัวหน้าจะพูดนั้นจะมีเรื่องของสถานการณ์ปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจากในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านมีความประสงค์ในการที่จะพูดบางประเด็นที่ท่านคิดว่าควรจะพูด แต่จะไม่สามารถพูดได้เมื่อถึงสถานการณ์นั้นจริง ทำให้ไม่หวือหวานัก โดยทางประธานวิปฝ่ายค้าน กลุ่มยุทธศาสตร์พรรค กับทีมงานโฆษกพรรค วิเคราะห์ว่า เสาร์ อาทิตย์ นั้นจะมี ทิศทางที่พรรคควรจะนำเสนอในเรื่องใดบ้าง โดยสรุปจะทำงานตรวจสอบโดยใช้กลไกของพรรคเพื่อให้เกิดประโยชน์ที่สุด
นายสาทิตย์ กล่าวถึงกรณีที่ตั้ง คณะทำงานอิสลามว่า มีคณะทำงานด้านกิจการอิสลามเป็นคณะล่าสุด ที่ พ.ท.วิจิตร สุวิทย์ เป็นประธาน และดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อยู่ในคณะ ทำงาน ด้วยเหตุที่การเคลื่อนไหวในกลุ่มพี่น้องที่นับถือศาสนาอิสลามนั้น มีลักษณะเฉพาะในหลายประเด็น และกลุ่มคณะทำงานทั้ง 13 คณะ ไม่สามารถรองรับหรือติดตามประเด็นตรงนั้นได้ ซึ่งที่ผ่านมามีการติดตามสถานการณ์อยู่แต่ไม่ได้ลงไปทำงานในพื้นที่มากนัก จากนี้ไปดร. สุรินทร์ ก็จะนำทีมลงไปในกลุ่มพี่น้องมุสลิม และไม่ได้เกิดจากความกดดันจากกลุ่มใดๆก่อนหน้านี้ แต่ประเมินว่ามีประเด็นที่ยังติดตามไม่ครบด้าน ซึ่งเกี่ยวพันต่อการนำเสนอเรื่องนโยบายที่เกี่ยวกับพี่น้องมุสลิมโดยเฉพาะ--จบ--
-สส-
“เรื่องแรกรัฐบาลยังคงท่าทีของการไม่ฟังเสียงที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนักวิชาการ นักธุรกิจ และ ฝ่ายการเมืองหลังสุด เป็น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ออกมาเรียกร้องเรื่องกฎหมายกระจายอำนาจ แต่ว่าถ้าทียังคงไม่รับฟังเสียง ซึ่งประเด็นเหล่านี้เห็นว่ายังไม่เป็นประชาธิปไตย พรรคต้องเป็นตัวกลางรับฟังเสียงส่วนต่างๆ มาสะท้อนให้กับรัฐบาลและสาธารณะ ซึ่งจะเป็นกรอบของการจัดกิจกรรมต่อ เรื่องที่สอง คือ นโยบายหลายเรื่องของรัฐบาลไม่ได้คิดผลกระทบในอนาคต มุ่งแต่แสวงหาความนิยมในระยะสั้นเฉพาะหน้า จะสังเกตเห็นชัดในหลายเรื่อง ที่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการก่อให้เกิดหนี้ในอนาคต ซึ่งเป็นกรอบที่สองที่ต้องขบคิด เรื่องที่สาม การนำเสนอนโยบายที่ไม่สนใจค่านิยมดีงามของสังคม และไม่สนใจเรื่องประเด็นทางศีลธรรมทั้งเปิดบ่อนและยาเสพย์ติด ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบต่อความเสื่อมโทรมของสังคม รัฐบาลไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้”
นายสาทิตย์ กล่าวว่า คณะทำงานทั้ง 14 คณะ ก็จะไปกำหนดกิจกรรมจากกรอบความคิดที่คิดว่าเป็นปัญหา และจากนี้ไปคงจะต้องให้คณะทำงานทั้งหลายเร่งจัดกิจกรรมในเชิงเป็นตัวกลางในการรับฟังกลุ่มต่างๆ ในสังคม ระยะนี้จะเป็นคณะทำงานฝ่ายปกครอง และการเมืองการบริหาร ก็คงจะต้องรับฟังความเห็นของฝ่ายองค์กรปกครองท้องถิ่น ส่วนจะเป็นรูปแบบใดนั้นยังไม่กำหนดว่าจะเป็นการจัดสัมนา หรือลงพื้นที่ แต่เราจะใช้ เวลา วันเสาร์ อาทิตย์ ให้คณะทำงานทั้ง 14 คณะ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาแถลงผลการทำงานของแต่ละคณะว่าได้รับฟังมานั้นได้ประเด็นอะไรมาบ้าง
“ ในระยะยาวจะนำประเด็นปัญหาที่ได้รับฟังปัญหาของประชาชนจากพื้นที่จริงๆ มากำหนดเป็นนโยบาย แล้วนำมาเสนอให้คณะกรรมการบริหารพรรคต่อไป โดยแต่ละคณะทำงานสามารถคิดนโยบายส่วนที่ตนเองไปรับฟังปัญหามาได้อย่างเสรี และไม่กรอบใดของพรรคไปขวางกั้นการทำงานของแต่ละคณะ”
นายสาทิตย์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้ได้มีการรายงานความคืบหน้าในแต่ละคณะว่าได้ทำอะไร อย่างไรไปบ้าง ซึ่งนายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรค ในฐานะประธานที่ประชุม ได้ฝากถึงบางคณะว่า มีรายละเอียดดี แต่ต้องเสนอต่อสาธารณะ เช่น คณะทำงานด้านสาธารณสุข ซึ่งได้รับข้อร้องเรียนข้อเสนอแนะจากบุคลากรทางสาธารณสุขจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้ข้อแถลงอย่างเป็นทางการ จึงขอให้ไปสรุปประเด็นมาอีกที
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง รายการชวนออนไลน์ที่ออกสดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ามีปัญหาตรงที่หลายฝ่ายเข้ายากเพราะใช้งานกันมาก ส่วนสัปดาห์หน้าจะเป็นการบันทึกเทปก่อน และประเด็นซึ่งหัวหน้าจะพูดนั้นจะมีเรื่องของสถานการณ์ปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจากในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านมีความประสงค์ในการที่จะพูดบางประเด็นที่ท่านคิดว่าควรจะพูด แต่จะไม่สามารถพูดได้เมื่อถึงสถานการณ์นั้นจริง ทำให้ไม่หวือหวานัก โดยทางประธานวิปฝ่ายค้าน กลุ่มยุทธศาสตร์พรรค กับทีมงานโฆษกพรรค วิเคราะห์ว่า เสาร์ อาทิตย์ นั้นจะมี ทิศทางที่พรรคควรจะนำเสนอในเรื่องใดบ้าง โดยสรุปจะทำงานตรวจสอบโดยใช้กลไกของพรรคเพื่อให้เกิดประโยชน์ที่สุด
นายสาทิตย์ กล่าวถึงกรณีที่ตั้ง คณะทำงานอิสลามว่า มีคณะทำงานด้านกิจการอิสลามเป็นคณะล่าสุด ที่ พ.ท.วิจิตร สุวิทย์ เป็นประธาน และดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อยู่ในคณะ ทำงาน ด้วยเหตุที่การเคลื่อนไหวในกลุ่มพี่น้องที่นับถือศาสนาอิสลามนั้น มีลักษณะเฉพาะในหลายประเด็น และกลุ่มคณะทำงานทั้ง 13 คณะ ไม่สามารถรองรับหรือติดตามประเด็นตรงนั้นได้ ซึ่งที่ผ่านมามีการติดตามสถานการณ์อยู่แต่ไม่ได้ลงไปทำงานในพื้นที่มากนัก จากนี้ไปดร. สุรินทร์ ก็จะนำทีมลงไปในกลุ่มพี่น้องมุสลิม และไม่ได้เกิดจากความกดดันจากกลุ่มใดๆก่อนหน้านี้ แต่ประเมินว่ามีประเด็นที่ยังติดตามไม่ครบด้าน ซึ่งเกี่ยวพันต่อการนำเสนอเรื่องนโยบายที่เกี่ยวกับพี่น้องมุสลิมโดยเฉพาะ--จบ--
-สส-