เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2545 ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดงานโครงการลานประชาธิปไตย เสวนา เรื่อง “หญิงไทย..ใช่ย่อย” มีวิทยากรร่วมเสวนาคือ รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ อธิการบดีวิทยาลัยรัตนบัณฑิต พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.กองแพทย์สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลาง กระทรวงยุติธรรม โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ผู้ดำเนินรายการ และยังมีผู้ร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นอีกมากมาย โดยการจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงบทบาทของผู้หญิง และสะท้อนความคิดเห็นของผู้หญิงในเวทีของสังคมไทย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กล่าวในตอนหนึ่งของการเปิดงานว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดีก็เพื่อสะท้อนความคิด ความอ่านของผู้หญิง ให้สังคมได้รับรู้ว่าผู้หญิงเขามีความคิดอย่างไรกันบ้าง นอกจากนี้บทบาทของผู้หญิงในสังคมก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมือง
รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ กล่าวว่า ในความเป็นผู้หญิงนั้นมีความเอื้ออาทรอยู่ในตัวสูงมากและคติคำสอนของไทยก็ได้กล่าวยกย่องแม่ซึ่งเป็นผู้หญิงด้วยเช่นกัน เช่น “ขาดพ่อเหมือนถ่อหัก ขาดแม่เหมือนแพแตก” หรือ “ขาดพ่อ มีแต่แม่เหมือนมีทั้งพ่อและแม่ แต่ขาดแม่ มีแต่พ่อเหมือนไม่มีทั้งพ่อและแม่” เป็นต้น นอกจากนี้ รศ.สุนีย์ ยังกล่าวอีกว่า ได้ใช้บทบาทของความเป็นแม่ เป็นครูโดยเฉพาะการเป็นครูผู้หญิงในการทำงาน การสอนหนังสือแก่นิสิต นักศึกษา และถ้าบ้านไหนหรือครอบครัวไหนมีแม่ที่เป็นตัวอย่าง เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก ลูกก็จะเป็นคนดีต่อไปในอนาคต และในการสั่งสอนลูกนั้นต้องพูดคุยกันด้วยเหตุผลว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเพราะอะไร ทำไมถึงทำ เพื่อให้ปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย
ทางด้านพญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ กล่าวว่า ในชีวิตความเป็นผู้หญิงของตนเองนั้นสิ่งที่ได้รับมาจากแม่คือการประดิษฐ์คิดค้น การทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน และการมีวิธียืดหยุ่นในการดำเนินชีวิต ส่วนชีวิตในการทำงานทำให้ได้รับรู้ในหลายๆเรื่องด้วยกันเช่น การเรียนรู้ของชีวิต เรื่องของกรรม การปลงได้ว่าไม่มีสิ่งใดที่แน่นอนในโลกนี้ และการดำรงชีวิตให้ถึงเป้าหมายนั้นต้องไม่ทำให้ตัวเองตกต่ำโดยเฉพาะในทางธรรม นอกจากนี้พญ.พรทิพย์ ยังได้แสดงความคิดเห็นต่อการลงโทษผู้กระทำความผิดด้วยวิธีการประหารชีวิตว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยเพราะหากกระบวนการยุติธรรมยังไม่มีประสิทธิภาพโทษประหารชีวิตจะเป็นสิ่งที่น่ากลัว และไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้คนในสังคมดีขึ้นหรือสูงขึ้น และในปัจจุบันนี้กระบวนการในการตัดสินยังมุ่งเน้นรักษากฎหมาย แต่ไม่ได้มุ่งเน้นรักษากระบวนการยุติธรรม--จบ--
-สส-
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กล่าวในตอนหนึ่งของการเปิดงานว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดีก็เพื่อสะท้อนความคิด ความอ่านของผู้หญิง ให้สังคมได้รับรู้ว่าผู้หญิงเขามีความคิดอย่างไรกันบ้าง นอกจากนี้บทบาทของผู้หญิงในสังคมก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมือง
รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ กล่าวว่า ในความเป็นผู้หญิงนั้นมีความเอื้ออาทรอยู่ในตัวสูงมากและคติคำสอนของไทยก็ได้กล่าวยกย่องแม่ซึ่งเป็นผู้หญิงด้วยเช่นกัน เช่น “ขาดพ่อเหมือนถ่อหัก ขาดแม่เหมือนแพแตก” หรือ “ขาดพ่อ มีแต่แม่เหมือนมีทั้งพ่อและแม่ แต่ขาดแม่ มีแต่พ่อเหมือนไม่มีทั้งพ่อและแม่” เป็นต้น นอกจากนี้ รศ.สุนีย์ ยังกล่าวอีกว่า ได้ใช้บทบาทของความเป็นแม่ เป็นครูโดยเฉพาะการเป็นครูผู้หญิงในการทำงาน การสอนหนังสือแก่นิสิต นักศึกษา และถ้าบ้านไหนหรือครอบครัวไหนมีแม่ที่เป็นตัวอย่าง เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก ลูกก็จะเป็นคนดีต่อไปในอนาคต และในการสั่งสอนลูกนั้นต้องพูดคุยกันด้วยเหตุผลว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเพราะอะไร ทำไมถึงทำ เพื่อให้ปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย
ทางด้านพญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ กล่าวว่า ในชีวิตความเป็นผู้หญิงของตนเองนั้นสิ่งที่ได้รับมาจากแม่คือการประดิษฐ์คิดค้น การทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน และการมีวิธียืดหยุ่นในการดำเนินชีวิต ส่วนชีวิตในการทำงานทำให้ได้รับรู้ในหลายๆเรื่องด้วยกันเช่น การเรียนรู้ของชีวิต เรื่องของกรรม การปลงได้ว่าไม่มีสิ่งใดที่แน่นอนในโลกนี้ และการดำรงชีวิตให้ถึงเป้าหมายนั้นต้องไม่ทำให้ตัวเองตกต่ำโดยเฉพาะในทางธรรม นอกจากนี้พญ.พรทิพย์ ยังได้แสดงความคิดเห็นต่อการลงโทษผู้กระทำความผิดด้วยวิธีการประหารชีวิตว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยเพราะหากกระบวนการยุติธรรมยังไม่มีประสิทธิภาพโทษประหารชีวิตจะเป็นสิ่งที่น่ากลัว และไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้คนในสังคมดีขึ้นหรือสูงขึ้น และในปัจจุบันนี้กระบวนการในการตัดสินยังมุ่งเน้นรักษากฎหมาย แต่ไม่ได้มุ่งเน้นรักษากระบวนการยุติธรรม--จบ--
-สส-