วันที่ 11 ตุลาคม 2545 เวลา 11.30 นาฬิกา นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธาน
สภาผู้แทนราษฎร และนางศิริลักษณ์ ปั้นบำรุงกิจ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมให้การรับรอง
นายกีนูติส เดนีอุส วอเวริส เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐลิทัวเนียประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาส
เข้ารับตำแหน่งใหม่ ณ ห้องรับรอง 1 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 1
ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูต
ที่ได้รับเกียรติในการเป็นตัวแทนของประเทศลิทัวเนีย และได้กล่าวว่ารัฐสภาไทยประกอบด้วยสมาชิก
จำนวน 700 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 500 คน และสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 200 คน
มาจากการแต่งตั้ง ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีวาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ส่วนสมาชิกวุฒิสภา
จะมีวาระในการดำรงตำแหน่ง 6 ปี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีหน้าที่ในการพิจารณากฎหมายและ
ส่งต่อไปยังวุฒิสภา วุฒิสภามีอำนาจมากในการแต่งตั้งบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งในองค์กรพิเศษ
เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและสามารถพิจารณาปลดบุคคลสำคัญ ๆ ออกจากตำแหน่งได้ตั้งแต่
นายกรัฐมนตรีลงมา
เอกอัครราชทูตลิทัวเนียได้กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับแต่งตั้งเป็นทูตคนแรก
ของสาธารณรัฐลิทัวเนียประจำประเทศไทย และขอส่งมอบความระลึกถึงจากประธานสภาลิทัวเนียมายัง
ประธานรัฐสภาของไทยด้วย ภายใต้ยุคโลกาภิวัฒน์นี้ เทคโนโลยีทางการสื่อสารความห่างไกล
มิใช่ปัญหา แต่สิ่งทีสำคัญที่สุด คือ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนต่อประชาชน ในช่วง
การดำรงตำแหน่งนี้จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการสร้างความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของ
สองประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรของรัฐบาลร่วมกับ
องค์กรของภาคเอกชน ความสัมพันธ์ระดับกรรมาธิการกับระดับสมาชิกในการแบ่งปันความรู้และ
ประสบการณ์ระหว่างกัน เป็นสิ่งจำเป็นและได้พยายามจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพขึ้นในสาธารณรัฐลิทัวเนีย
และเชื่อว่าประเทศทั้งสองจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ได้มากขึ้นทั้งด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และวัฒนธรรมด้วย
ประธานฯ ได้กล่าวตอบว่า เห็นด้วยกับแนวคิดของท่านทูตที่เห็นประโยชน์ในการ
สร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาทั้งสองประเทศ การกระชับความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่าง
สองสภา หมายถึง ความเข้าใจของประชาชน 2 ประเทศ สิ่งที่คิดในเบื้องต้นซึ่งสามารถสร้างภาพ
ของความสัมพันธ์ได้ชัดเจนและความเข้าใจที่ดีนั้น คณะกรรมาธิการของสภาได้ไปแลกเปลี่ยน
การเยือนซึ่งกันและกัน เพื่อที่จะมีการริเริ่มจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพไทย-ลิทัวเนีย ขึ้น และจะได้เชิญ
คณะกรรมาธิการลิทัวเนียมาเยือนรัฐสภาไทยในโอกาสต่อไป
-----------------------------------------------------------
สภาผู้แทนราษฎร และนางศิริลักษณ์ ปั้นบำรุงกิจ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมให้การรับรอง
นายกีนูติส เดนีอุส วอเวริส เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐลิทัวเนียประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาส
เข้ารับตำแหน่งใหม่ ณ ห้องรับรอง 1 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 1
ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูต
ที่ได้รับเกียรติในการเป็นตัวแทนของประเทศลิทัวเนีย และได้กล่าวว่ารัฐสภาไทยประกอบด้วยสมาชิก
จำนวน 700 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 500 คน และสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 200 คน
มาจากการแต่งตั้ง ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีวาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ส่วนสมาชิกวุฒิสภา
จะมีวาระในการดำรงตำแหน่ง 6 ปี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีหน้าที่ในการพิจารณากฎหมายและ
ส่งต่อไปยังวุฒิสภา วุฒิสภามีอำนาจมากในการแต่งตั้งบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งในองค์กรพิเศษ
เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและสามารถพิจารณาปลดบุคคลสำคัญ ๆ ออกจากตำแหน่งได้ตั้งแต่
นายกรัฐมนตรีลงมา
เอกอัครราชทูตลิทัวเนียได้กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับแต่งตั้งเป็นทูตคนแรก
ของสาธารณรัฐลิทัวเนียประจำประเทศไทย และขอส่งมอบความระลึกถึงจากประธานสภาลิทัวเนียมายัง
ประธานรัฐสภาของไทยด้วย ภายใต้ยุคโลกาภิวัฒน์นี้ เทคโนโลยีทางการสื่อสารความห่างไกล
มิใช่ปัญหา แต่สิ่งทีสำคัญที่สุด คือ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนต่อประชาชน ในช่วง
การดำรงตำแหน่งนี้จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการสร้างความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของ
สองประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรของรัฐบาลร่วมกับ
องค์กรของภาคเอกชน ความสัมพันธ์ระดับกรรมาธิการกับระดับสมาชิกในการแบ่งปันความรู้และ
ประสบการณ์ระหว่างกัน เป็นสิ่งจำเป็นและได้พยายามจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพขึ้นในสาธารณรัฐลิทัวเนีย
และเชื่อว่าประเทศทั้งสองจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ได้มากขึ้นทั้งด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และวัฒนธรรมด้วย
ประธานฯ ได้กล่าวตอบว่า เห็นด้วยกับแนวคิดของท่านทูตที่เห็นประโยชน์ในการ
สร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาทั้งสองประเทศ การกระชับความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่าง
สองสภา หมายถึง ความเข้าใจของประชาชน 2 ประเทศ สิ่งที่คิดในเบื้องต้นซึ่งสามารถสร้างภาพ
ของความสัมพันธ์ได้ชัดเจนและความเข้าใจที่ดีนั้น คณะกรรมาธิการของสภาได้ไปแลกเปลี่ยน
การเยือนซึ่งกันและกัน เพื่อที่จะมีการริเริ่มจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพไทย-ลิทัวเนีย ขึ้น และจะได้เชิญ
คณะกรรมาธิการลิทัวเนียมาเยือนรัฐสภาไทยในโอกาสต่อไป
-----------------------------------------------------------