กรุงเทพฯ--7 พ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง(GMS Summit) ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงพนมเปญ โดยรัฐบาลกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2545
โครงการ GMS เป็นความร่วมมือของ 6 ประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน (ยูนนาน) ตั้งแต่ปี 2535 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางการค้า การลงทุน อุตสาหกรรม การเกษตร การท่องเที่ยวและบริการ เพื่อสนับสนุนการจ้างงานและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น โดยมีธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank -ADB) เป็นผู้ให้การสนับสนุนอย่างใกล้ชิด
ความร่วมมือของ GMS ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา (2535-2545) มีส่วนผลักดันให้ประเทศสมาชิกขยายความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นและความไว้วางใจซึ่งกัน ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจที่มีความเชื่อมโยงทางคมนาคมตามแนวตะวันออก-ตะวันตก (พม่า-ไทย-ลาว-เวียดนาม) ตามแนวเหนือ-ใต้ (ไทย-ลาว-จีน) ตามแนวชายฝั่งทางใต้ (ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม) การพัฒนาและซื้อขายไฟฟ้าพลังน้ำ การเชื่อมโยงระบบโทรคมนาคมด้วยเครือข่ายใยแก้ว และการส่งเสริมการท่องเที่ยวจุดหมายเดียว (GMS single tourist destination) เป็นต้น
ในระหว่างการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้แสดงเจตนารมณ์ของฝ่ายไทยที่จะให้การสนับสนุนความร่วมมือในกรอบ GMS อย่างเต็มที่ โดยชี้ให้เห็นว่า ในขณะนี้เริ่มมีความคืบหน้าในการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม โทรคมนาคม และอื่นๆ แล้ว จำเป็นที่ ผู้นำ GMS จะต้องร่วมกันผลักดันและสนับสนุนการลดกฎระเบียบ เช่น ด้านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการข้ามแดน การขนส่งค้าขาย การลงทุน และการท่องเที่ยว และโดยที่เชียงใหม่มีท่าอากาศยานนานาชาติที่ได้รับการพัฒนาจนได้ มาตรฐานสากล มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีเส้นทางการบินเชื่อมโยงกับเมืองต่างๆ ของประเทศสมาชิก GMS ทั้งหมดอยู่แล้ว เชียงใหม่พร้อมจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทาง การบินของ GMS โดยไทยยินดีให้สายการบินจาก GMS ขยายการบินเข้าสู่ไทยเพิ่มขึ้น เพื่อขยายการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างกัน
นายกรัฐมนตรี ได้ฝากให้ ADB ไม่ต้องกังวลในเรื่องการให้เงินกู้กับไทย เพราะไทยพร้อมที่จะพึ่งพาตนเอง แต่ขอให้สนับสนุนประเทศ GMS อื่นๆ มากขึ้น ซึ่งเท่ากับเป็นการสนับสนุนไทยไปในตัว เอกสารแนบ 1
ผู้นำได้ยืนยันเจตนารมย์ที่สนับสนุนความร่วมมือ ในด้านต่างๆ ดังนี้
1. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะโครงการ Phnom Penh Plan เพื่อฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ระดับสูงและระดับกลางจากประเทศสมาชิก
2. การปกป้องและพัฒนาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมกัน
3. การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมและการพัฒนาไปสู่ความเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ
4. การอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารผ่านแดน
5. เร่งรัดการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านโทรคมนาคมและพลังงาน
6. ส่งเสริมบรรยากาศการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว โดยในส่วนของการท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ รัฐมนตรีและคณะทำงานที่ดูแลด้านการท่องเที่ยวศึกษาความเป็นไปได้ในการออก GMS VISA เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ ทั้งจากภายในและภายนอกอนุภูมิภาค ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบต่อปฏิญญาร่วม (Joint Summit Declaration -JSD) ที่ระบุถึงวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินการของ GMS ให้บรรลุผลสำเร็จในโครงการต่างๆ ภายใต้กรอบกลยุทธ์การพัฒนาระยะ 10 ปี เอกสารแนบ 2
ภายหลังการประชุมฯ ผู้นำ GMS ทั้ง 6 ประเทศ ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนาม 2 ฉบับ คือ
1. บันทึกความเข้าใจที่เกี่ยวกับความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามพรมแดน เพื่อยอมรับให้จีนมีข้อสงวนชั่วคราวเกี่ยวกับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และ
2. ความตกลงว่าด้วยการซื้อขายและการสร้างเครือข่ายสายส่งไฟฟ้า สรุป
ไทยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันในการผลักดันพัฒนาเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ GMS ทั้งในระดับทวิภาคี ไตรภาคี และอนุภูมิภาค โดยเฉพาะการพัฒนาเส้นทางคมนาคม ที่ช่วยให้ปริมาณการค้าและการลงทุนและการไปมาหาสู่กันเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ไทยยังได้ให้ประเทศสมาชิกให้ความสำคัญเป็นพิเศษแก่การปรับปรุงกฎ ระเบียบ และมาตราการต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคระหว่างกัน เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจของ GMS ในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ไทยสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกร่วมมือกันในลักษณะใต้-ใต้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการค้า การลงทุน การผลิต และบริการระหว่างกัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนภายนอก ภูมิภาค และเพื่อเป็นการลดช่องว่างของการพัฒนา ไทยยินดีจะช่วยเหลือประเทศสมาชิก เพื่อเพิ่มทักษะด้านการเกษตร การศึกษาและสาธารณสุข การยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนในอนุภูมิภาคดังกล่าว จะช่วยลดปัญหาข้ามชาติที่เกิดจากความยากจน เช่น แรงงานเถื่อน การลักลอบขนอาวุธและยาเสพติด ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจยิ่งขึ้นของ GMS จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อาเซียนด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-ศน-
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง(GMS Summit) ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงพนมเปญ โดยรัฐบาลกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2545
โครงการ GMS เป็นความร่วมมือของ 6 ประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน (ยูนนาน) ตั้งแต่ปี 2535 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางการค้า การลงทุน อุตสาหกรรม การเกษตร การท่องเที่ยวและบริการ เพื่อสนับสนุนการจ้างงานและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น โดยมีธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank -ADB) เป็นผู้ให้การสนับสนุนอย่างใกล้ชิด
ความร่วมมือของ GMS ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา (2535-2545) มีส่วนผลักดันให้ประเทศสมาชิกขยายความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นและความไว้วางใจซึ่งกัน ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจที่มีความเชื่อมโยงทางคมนาคมตามแนวตะวันออก-ตะวันตก (พม่า-ไทย-ลาว-เวียดนาม) ตามแนวเหนือ-ใต้ (ไทย-ลาว-จีน) ตามแนวชายฝั่งทางใต้ (ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม) การพัฒนาและซื้อขายไฟฟ้าพลังน้ำ การเชื่อมโยงระบบโทรคมนาคมด้วยเครือข่ายใยแก้ว และการส่งเสริมการท่องเที่ยวจุดหมายเดียว (GMS single tourist destination) เป็นต้น
ในระหว่างการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้แสดงเจตนารมณ์ของฝ่ายไทยที่จะให้การสนับสนุนความร่วมมือในกรอบ GMS อย่างเต็มที่ โดยชี้ให้เห็นว่า ในขณะนี้เริ่มมีความคืบหน้าในการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม โทรคมนาคม และอื่นๆ แล้ว จำเป็นที่ ผู้นำ GMS จะต้องร่วมกันผลักดันและสนับสนุนการลดกฎระเบียบ เช่น ด้านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการข้ามแดน การขนส่งค้าขาย การลงทุน และการท่องเที่ยว และโดยที่เชียงใหม่มีท่าอากาศยานนานาชาติที่ได้รับการพัฒนาจนได้ มาตรฐานสากล มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีเส้นทางการบินเชื่อมโยงกับเมืองต่างๆ ของประเทศสมาชิก GMS ทั้งหมดอยู่แล้ว เชียงใหม่พร้อมจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทาง การบินของ GMS โดยไทยยินดีให้สายการบินจาก GMS ขยายการบินเข้าสู่ไทยเพิ่มขึ้น เพื่อขยายการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างกัน
นายกรัฐมนตรี ได้ฝากให้ ADB ไม่ต้องกังวลในเรื่องการให้เงินกู้กับไทย เพราะไทยพร้อมที่จะพึ่งพาตนเอง แต่ขอให้สนับสนุนประเทศ GMS อื่นๆ มากขึ้น ซึ่งเท่ากับเป็นการสนับสนุนไทยไปในตัว เอกสารแนบ 1
ผู้นำได้ยืนยันเจตนารมย์ที่สนับสนุนความร่วมมือ ในด้านต่างๆ ดังนี้
1. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะโครงการ Phnom Penh Plan เพื่อฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ระดับสูงและระดับกลางจากประเทศสมาชิก
2. การปกป้องและพัฒนาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมกัน
3. การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมและการพัฒนาไปสู่ความเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ
4. การอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารผ่านแดน
5. เร่งรัดการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านโทรคมนาคมและพลังงาน
6. ส่งเสริมบรรยากาศการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว โดยในส่วนของการท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ รัฐมนตรีและคณะทำงานที่ดูแลด้านการท่องเที่ยวศึกษาความเป็นไปได้ในการออก GMS VISA เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ ทั้งจากภายในและภายนอกอนุภูมิภาค ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบต่อปฏิญญาร่วม (Joint Summit Declaration -JSD) ที่ระบุถึงวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินการของ GMS ให้บรรลุผลสำเร็จในโครงการต่างๆ ภายใต้กรอบกลยุทธ์การพัฒนาระยะ 10 ปี เอกสารแนบ 2
ภายหลังการประชุมฯ ผู้นำ GMS ทั้ง 6 ประเทศ ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนาม 2 ฉบับ คือ
1. บันทึกความเข้าใจที่เกี่ยวกับความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามพรมแดน เพื่อยอมรับให้จีนมีข้อสงวนชั่วคราวเกี่ยวกับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และ
2. ความตกลงว่าด้วยการซื้อขายและการสร้างเครือข่ายสายส่งไฟฟ้า สรุป
ไทยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันในการผลักดันพัฒนาเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ GMS ทั้งในระดับทวิภาคี ไตรภาคี และอนุภูมิภาค โดยเฉพาะการพัฒนาเส้นทางคมนาคม ที่ช่วยให้ปริมาณการค้าและการลงทุนและการไปมาหาสู่กันเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ไทยยังได้ให้ประเทศสมาชิกให้ความสำคัญเป็นพิเศษแก่การปรับปรุงกฎ ระเบียบ และมาตราการต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคระหว่างกัน เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจของ GMS ในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ไทยสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกร่วมมือกันในลักษณะใต้-ใต้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการค้า การลงทุน การผลิต และบริการระหว่างกัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนภายนอก ภูมิภาค และเพื่อเป็นการลดช่องว่างของการพัฒนา ไทยยินดีจะช่วยเหลือประเทศสมาชิก เพื่อเพิ่มทักษะด้านการเกษตร การศึกษาและสาธารณสุข การยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนในอนุภูมิภาคดังกล่าว จะช่วยลดปัญหาข้ามชาติที่เกิดจากความยากจน เช่น แรงงานเถื่อน การลักลอบขนอาวุธและยาเสพติด ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจยิ่งขึ้นของ GMS จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อาเซียนด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-ศน-