ให้ความเห็นผ่านรายการข่าวมื้อเช้า ช่วง “ตรงไปตรงมากับอภิสิทธิ์” ทางคลื่นวิทยุ 101 เมกกะเฮิร์ต ถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยได้จัดทำแบบสอบถามเพื่อแจกจ่ายให้ ส.ส.และอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคทุกเขตทั่วประเทศทำการบันทึกสรุปข้อมูลพื้นฐานของแต่ละจังหวัด เพื่อจัดเก็บเป็นข้อมูลของพรรคไทยรักไทย ว่า วานนี้(14พ.ย.) ยังเป็นแค่รายงานข่าว แต่วันนี้เป็นข้อเท็จออกมาแล้วว่าพรรคไทยรักไทยได้จัดทำแบบสำรวจโดยให้ ส.ส.เป็นผู้กรอกข้อมูล ซึ่งการจะทำอย่างนี้มันคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะพรรคการเมืองก็ควรจะมีฐานข้อมูลในการทำงาน...
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แต่ในการสำรวจครั้งนี้มีประเด็นที่ตนคิดว่าล่อแหลมและเป็นอันตรายพอสมควร เพราะดูจากแบบสอบถามที่ให้ไปกรอกนั้น นอกจากจะระบุให้กรอกข้อมูลที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและ ข้อมูลทางการเมืองแล้ว ยังให้กรอกด้วยว่าข้าราชการหรือพนักงานของท้องถิ่นตั้งแต่ผู้ว่าฯ นายอำเภอไปจนถึงปลัด อบต. มีท่าทีต่อพรรคประชาธิปัตย์และพรรคไทยรักไทยอย่างไร ซึ่งในขณะที่พรรคไทยรักไทยถืออำนาจรัฐและในช่วงที่ผ่านมาก็ใช้อำนาจนั้นค่อนข้างที่จะเด็ดขาดในการตัดสินใจโยกย้ายต่าง ๆ แน่นอนว่าข้อมูลจากการสำรวจเหล่านี้ต้องถึงนายกฯ คณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และรัฐมนตรี ที่อาจจะนำไปใช้ประโยชน์ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ตนจึงคิดว่าการกระทำอย่างนี้เป็นลักษณะของการกดดันข้าราชการ
“ ผมคิดว่าถ้าสมมติจะให้ส.ส.ประเมินว่าผู้ว่าท่านนั้น ท่านนี้ว่า สนองนโยบายดีแค่ไหน อาจจะดูล่อแหลมเหมือนกัน แต่ผมว่ายังมีเหตุผลในทางการเมือง แต่ถ้าบอกว่าข้าราชการแต่ละท่านฝักใฝ่หรือว่ามีท่าทีสนับสนุนพรรคการเมืองใด ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่อันตราย และไม่อยากให้เป็นแบบอย่างในการที่จะทำให้ต่อไปข้าราชการมีความรู้สึกกดดัน เพราะเราบอกว่าปฏิรูปราชการ เราอยากเห็นการประเมิน แต่เมื่อการประเมินต้องว่าด้วยเรื่องผลงานไม่ใช่ไปบอกว่าข้าราชการแต่ละท่านฝักใฝ่หรือว่ามีท่าทีสนับสนุนพรรคการเมืองใดผมว่ามันเกินเลยไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
(ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์,13/11/2545)
-สส-