เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ในรายการ “ ข่าวมื้อเช้า ” ทางสถานีวิทยูเอฟเอ็ม 101.0 เมกกะเฮิร์ท นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ แสดงความเห็นถึงสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ทั้งเรื่อง การทุจริตในรัฐบาลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การทำงานของคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร การกระจายอำนาจ และการสัมมนาภาคอีสานของพรรคประชาธิปัตย์
นายอภิสิทธ์ กล่าวถึงเหตุการณ์ทุจริตที่เกิดขึ้นในรัฐบาลในขณะนี้ว่า อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันนำข้อเท็จจริงมาเปิดเผย สำหรับพรรคฝ่ายค้านก็ทำงานอย่างตรงไปตรงมา สำหรับกรณีการทุจริตปุ๋ยที่พรรคฝ่ายค้านได้ติดตามมาแล้วนั้น ก็ได้จัดทำเป็นสมุดปกดำ ทั้งฉบับที่ยื่นให้กับ ปปช. ดำเนินการแล้ว และฉบับที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ
“ ขอยืนยันว่า เป็นการทำหน้าที่ของพรรคการเมือง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ ถ้าหากว่าท่านนายกฯ หรือว่ารัฐบาลติดใจ ก็สามารถที่จะมาเอาข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เป็นประโยชน์ได้ ซึ่งตอนแรกท่านเป็นผู้ปฏิเสธเอง ตอนนี้ท่านก็เรียกร้อง ”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนการทำงานของคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรว่า ตอนแรกก็มีข่าวจากพรรคไทยรักไทย ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนประธานกรรมาธิการในส่วนของพรรคไทยรักไทย ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ ที่สามารถทำได้ แต่ต่อมาหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ก็มีการตั้งกรรมการขึ้นมาทบทวนใหม่ทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าให้สอดคล้องกับการปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม ซึ่งตนเห็นว่าไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้อง เพราะแต่เดิมกรรมาธิการก็ไม่ตั้งตามโครงสร้างราชการ แต่ตั้งขึ้นตามเรื่องที่ควรจะมีการติดตาม ซึ่งหากอยากจะมีการปรับเปลี่ยนก็ควรแสดงเหตุผลที่แท้จริง
“ ผมไม่เห็นว่ามันมีความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนหรือ รื้อกรรมาธิการทั้งหมด เพื่อมารองรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม ใหม่ แต่ถ้าเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะตั้งกรรมาธิการเพิ่ม เช่น อยากจะตั้งคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศขึ้นมาเป็นการเฉพาะ ก็มีการเสนอได้ ” นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า การรื้อคณะกรรมาธิการใหม่ทั้งหมด จะทำให้เกิดความยุ่งยาก เพราะต้องแก้ข้อบังคับของสภาขึ้นใหม่ และคณะกรรมาธิการที่ฝ่ายค้านเป็นประธานอยู่ ซึ่งมีการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง ก็อาจไม่ได้ทำหน้าที่เดิมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ตนหวังว่าเรื่องนี้คงไม่ได้เกิดจากความต้องการที่จะขัดขวางการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง
“ ในกรณีที่เห็นว่าฝ่ายรัฐบาลมีน้อย ก็ขอให้เลื่อนการประชุมออกไป อันนี้เป็นสิ่งที่นายกฯปรารภใน ครม.ก่อนหน้านี้ แล้วก็เป็นมติ ครม.ที่เวียนออกไป ซึ่งอันนี้สมาชิกของเราก็เคยสอบถามประธานว่า นี่มันเป็นการแทรกแซงการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติหรือเปล่า ผมหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะบอกว่า ความกังวลว่าการมารื้อกรรมาธิการครั้งนี้ มันมีวัตถุประสงค์แอบแฝงหรือไม่ คงไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอย ” นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมีการสัมมนาของพรรค ที่จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 1- 3 ธันวาคม ในหัวข้อ “ ร่วมฟังร่วมคิด ร่วมพิชิตปัญหา ” และ “ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น อำนาจของประชาชนเพื่อชุมชน ” ซึ่งในการสัมมนาได้เชิญตัวแทนจากภาคประชาชนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อนำไปสู่แนวทางการแก้ปัญหาในเรื่องต่างๆ ต่อไป
“ พรรคประชาธิปัตย์ต้องการที่จะเปิดเวทีสำหรับการสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นปัญหา และกระบวนการนี้ก็ถือเป็นกระบวนหนึ่งที่นำไปสู่การจัดทำนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ”
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงปัญหาของการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ตอบว่า เป็นปกติที่ต้องมีปัญหาบ้าง เพราะการกระจายอำนาจมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ในทันทีทันใด อย่างไรก็ตามหากมีทัศนะที่ตรงกันว่า การกระจายอำนาจถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองในระบอบประชาธิปัตไตย ก็ควรดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป ทั้งนี้รัฐบาลถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะเป็นกลุ่มที่มีความพร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินการ “ อยากให้มองในมุมนี้ มากกว่าไปมองว่า มันมีปัญหาก็คิดจะไปยุบเลิก หรือว่าหันหลังกลับว่าจะไม่กระจายอำนาจ เป็นสิ่งที่คิดว่าอยากให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ”
(ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์,27/11/2545)--จบ--
-สส-
นายอภิสิทธ์ กล่าวถึงเหตุการณ์ทุจริตที่เกิดขึ้นในรัฐบาลในขณะนี้ว่า อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันนำข้อเท็จจริงมาเปิดเผย สำหรับพรรคฝ่ายค้านก็ทำงานอย่างตรงไปตรงมา สำหรับกรณีการทุจริตปุ๋ยที่พรรคฝ่ายค้านได้ติดตามมาแล้วนั้น ก็ได้จัดทำเป็นสมุดปกดำ ทั้งฉบับที่ยื่นให้กับ ปปช. ดำเนินการแล้ว และฉบับที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ
“ ขอยืนยันว่า เป็นการทำหน้าที่ของพรรคการเมือง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ ถ้าหากว่าท่านนายกฯ หรือว่ารัฐบาลติดใจ ก็สามารถที่จะมาเอาข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เป็นประโยชน์ได้ ซึ่งตอนแรกท่านเป็นผู้ปฏิเสธเอง ตอนนี้ท่านก็เรียกร้อง ”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนการทำงานของคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรว่า ตอนแรกก็มีข่าวจากพรรคไทยรักไทย ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนประธานกรรมาธิการในส่วนของพรรคไทยรักไทย ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ ที่สามารถทำได้ แต่ต่อมาหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ก็มีการตั้งกรรมการขึ้นมาทบทวนใหม่ทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าให้สอดคล้องกับการปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม ซึ่งตนเห็นว่าไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้อง เพราะแต่เดิมกรรมาธิการก็ไม่ตั้งตามโครงสร้างราชการ แต่ตั้งขึ้นตามเรื่องที่ควรจะมีการติดตาม ซึ่งหากอยากจะมีการปรับเปลี่ยนก็ควรแสดงเหตุผลที่แท้จริง
“ ผมไม่เห็นว่ามันมีความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนหรือ รื้อกรรมาธิการทั้งหมด เพื่อมารองรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม ใหม่ แต่ถ้าเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะตั้งกรรมาธิการเพิ่ม เช่น อยากจะตั้งคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศขึ้นมาเป็นการเฉพาะ ก็มีการเสนอได้ ” นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า การรื้อคณะกรรมาธิการใหม่ทั้งหมด จะทำให้เกิดความยุ่งยาก เพราะต้องแก้ข้อบังคับของสภาขึ้นใหม่ และคณะกรรมาธิการที่ฝ่ายค้านเป็นประธานอยู่ ซึ่งมีการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง ก็อาจไม่ได้ทำหน้าที่เดิมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ตนหวังว่าเรื่องนี้คงไม่ได้เกิดจากความต้องการที่จะขัดขวางการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง
“ ในกรณีที่เห็นว่าฝ่ายรัฐบาลมีน้อย ก็ขอให้เลื่อนการประชุมออกไป อันนี้เป็นสิ่งที่นายกฯปรารภใน ครม.ก่อนหน้านี้ แล้วก็เป็นมติ ครม.ที่เวียนออกไป ซึ่งอันนี้สมาชิกของเราก็เคยสอบถามประธานว่า นี่มันเป็นการแทรกแซงการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติหรือเปล่า ผมหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะบอกว่า ความกังวลว่าการมารื้อกรรมาธิการครั้งนี้ มันมีวัตถุประสงค์แอบแฝงหรือไม่ คงไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอย ” นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมีการสัมมนาของพรรค ที่จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 1- 3 ธันวาคม ในหัวข้อ “ ร่วมฟังร่วมคิด ร่วมพิชิตปัญหา ” และ “ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น อำนาจของประชาชนเพื่อชุมชน ” ซึ่งในการสัมมนาได้เชิญตัวแทนจากภาคประชาชนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อนำไปสู่แนวทางการแก้ปัญหาในเรื่องต่างๆ ต่อไป
“ พรรคประชาธิปัตย์ต้องการที่จะเปิดเวทีสำหรับการสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นปัญหา และกระบวนการนี้ก็ถือเป็นกระบวนหนึ่งที่นำไปสู่การจัดทำนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ”
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงปัญหาของการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ตอบว่า เป็นปกติที่ต้องมีปัญหาบ้าง เพราะการกระจายอำนาจมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ในทันทีทันใด อย่างไรก็ตามหากมีทัศนะที่ตรงกันว่า การกระจายอำนาจถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองในระบอบประชาธิปัตไตย ก็ควรดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป ทั้งนี้รัฐบาลถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะเป็นกลุ่มที่มีความพร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินการ “ อยากให้มองในมุมนี้ มากกว่าไปมองว่า มันมีปัญหาก็คิดจะไปยุบเลิก หรือว่าหันหลังกลับว่าจะไม่กระจายอำนาจ เป็นสิ่งที่คิดว่าอยากให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ”
(ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์,27/11/2545)--จบ--
-สส-