แท็ก
ปชป.
“จุติ" เผย รัฐบาลออกมาตั้งกองทุนน้ำมันและตรึงราคาน้ำมันไม่ให้สูงเกินลิตรละ 16.99 สตางค์ นั้นไม่ได้เป็นการช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงเพราะรัฐบาลกู้เงินมาใช้ตรึงราคาน้ำมันสร้างหนี้ให้กับประชาชน โดยเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวเป็นเพียงการหาเสียง ด้าน “อลงกรณ์” เสนอแนวทางให้รัฐบาลดำเนินนโยบายเชิงรุก สำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำมันในประเทศ โดยการสนับสนุนส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนในรูปของเอทานอล ไบโอดีเซล
การแถลงข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้( 8ก.พ.46) มี นายจุติ ไกรฤกษ์ และนายอลงกรณ์ พลบุตร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพงของรัฐบาลโดยการจัดตั้งกองทุนตรึงราคา ว่า การที่รัฐบาลออกมาบอกว่าจะพยายามตรึงราคาน้ำมันไม่ให้เกินลิตรละ 16.99 บาท เมื่อได้ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นการช่วยเหลือประชาชน แต่เป็นเพียงแค่เป็นการสร้างหนี้เพื่อหาคะแนนเท่านั้น กล่าวคือรัฐบาลกู้เงินมาเพื่อตรึงราคาไว้ และเมื่อราคาน้ำมันลดลงแล้ว ประชาชนก็ต้องเป็นผู้ชำระหนี้ที่รัฐบาลสร้างไว้อยู่ดี
“ในขณะที่รัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเกิดวิกฤตราคาน้ำมันแพง พรรคไทยรักไทยได้เคยตำหนิรัฐบาลในขณะนั้นว่า ไม่มีน้ำยาที่จะแก้ปัญหาเรื่องราคาน้ำมัน และเสนอมาตรการ 6 ข้อให้พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผมจะทวงถามว่า ทำไมตอนนี้ไม่ทำ โดยเฉพาะเรื่องที่บอกว่ามีความสามารถที่เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านซื้อน้ำมันในราคาถูก ถ้าทำได้จริง ก็ไม่จำเป็นต้องไปกู้เงินจากธนาคารออมสินมาตั้งกองทุนตรึงราคาน้ำมัน และที่บอกจะสร้างระบบอัตราภาษีสรรพสามิตของระบบราคาน้ำมันที่มีความยืดหยุ่น เพื่อรับผลกระทบที่จะขึ้นๆลงๆ อันนี้ก็ไม่ทำ แต่กลับไปรีบทำเรื่องภาษีสรรพาสามิตโทรคมนาคม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกพ้องแทน” นายจุติ กล่าว
นายจุติ กล่าวด้วยว่า มาตรการต่างๆที่รัฐบาลกำหนดขึ้นเป็นเพียงระยะชั่วคราว เพราะรัฐบาลเองประเมินไว้ว่าจะไม่เกิน 4 เดือน ซึ่งเวลาเพียงแค่ 4 เดือน ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมีมาตรการแทรกแซง เพราะการที่เข้ามาบิดเบือนตลาดราคาน้ำมัน จะทำให้ประชาชนไม่คำนึงถึงความประหยัด พร้อมทั้งอยากเรียกร้องให้รัฐบาลกลับไปทบทวนมาตรการของตัวเองที่เคยเสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2543 ด้วยว่าที่เคยคุยว่าตัวเองทำได้นั้นจริงหรือไม่
ขณะที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี ในฐานะประธานคณะทำงานด้านพลังงานพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากจะเสนอให้รัฐบาลดำเนินนโยบายเชิงรุก สำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำมันในประเทศ คือการสนับสนุนส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนในรูปของเอทานอล ไบโอดีเซล ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้นผ่านมาสองปีกว่าแล้วยังมีความคืบหน้าน้อยมาก โดยเฉพาะโครงการเอทานอลนั้นจะเป็นการผลิตน้ำมันเพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมันได้ไม่น้อยกว่าปีละ 30,000 ล้านบาท
สำหรับแนวทางที่จะทำให้โครงการดังกล่าวพัฒนาได้อย่างรวดเร็วนั้นมี 2 ทางที่รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการ คือ 1.ควรตั้งกองทุนพัฒนาส่งเสริมพลังงานทดแทนโดยเฉพาะเอทานอลไบโอดีเซล 5,000 ล้านบาท และ2.ควรจะเปิดเสรีแอลกรอฮอล เพื่อให้โรงงานผลิตเอทานองสามารถที่จะผลิตเอทานอลเพื่อใช้ในการทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแรงจูงใจการลงทุนในโครงการเอทานอล ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจแต่ติดขัดข้อระเบียบมากมาย และความไม่ชัดเจนในแนวทางการลงทุนและจำหน่ายของรัฐบาล
(ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์,8/2/2546)--จบ--
-สส-
การแถลงข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้( 8ก.พ.46) มี นายจุติ ไกรฤกษ์ และนายอลงกรณ์ พลบุตร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพงของรัฐบาลโดยการจัดตั้งกองทุนตรึงราคา ว่า การที่รัฐบาลออกมาบอกว่าจะพยายามตรึงราคาน้ำมันไม่ให้เกินลิตรละ 16.99 บาท เมื่อได้ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นการช่วยเหลือประชาชน แต่เป็นเพียงแค่เป็นการสร้างหนี้เพื่อหาคะแนนเท่านั้น กล่าวคือรัฐบาลกู้เงินมาเพื่อตรึงราคาไว้ และเมื่อราคาน้ำมันลดลงแล้ว ประชาชนก็ต้องเป็นผู้ชำระหนี้ที่รัฐบาลสร้างไว้อยู่ดี
“ในขณะที่รัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเกิดวิกฤตราคาน้ำมันแพง พรรคไทยรักไทยได้เคยตำหนิรัฐบาลในขณะนั้นว่า ไม่มีน้ำยาที่จะแก้ปัญหาเรื่องราคาน้ำมัน และเสนอมาตรการ 6 ข้อให้พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผมจะทวงถามว่า ทำไมตอนนี้ไม่ทำ โดยเฉพาะเรื่องที่บอกว่ามีความสามารถที่เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านซื้อน้ำมันในราคาถูก ถ้าทำได้จริง ก็ไม่จำเป็นต้องไปกู้เงินจากธนาคารออมสินมาตั้งกองทุนตรึงราคาน้ำมัน และที่บอกจะสร้างระบบอัตราภาษีสรรพสามิตของระบบราคาน้ำมันที่มีความยืดหยุ่น เพื่อรับผลกระทบที่จะขึ้นๆลงๆ อันนี้ก็ไม่ทำ แต่กลับไปรีบทำเรื่องภาษีสรรพาสามิตโทรคมนาคม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกพ้องแทน” นายจุติ กล่าว
นายจุติ กล่าวด้วยว่า มาตรการต่างๆที่รัฐบาลกำหนดขึ้นเป็นเพียงระยะชั่วคราว เพราะรัฐบาลเองประเมินไว้ว่าจะไม่เกิน 4 เดือน ซึ่งเวลาเพียงแค่ 4 เดือน ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมีมาตรการแทรกแซง เพราะการที่เข้ามาบิดเบือนตลาดราคาน้ำมัน จะทำให้ประชาชนไม่คำนึงถึงความประหยัด พร้อมทั้งอยากเรียกร้องให้รัฐบาลกลับไปทบทวนมาตรการของตัวเองที่เคยเสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2543 ด้วยว่าที่เคยคุยว่าตัวเองทำได้นั้นจริงหรือไม่
ขณะที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี ในฐานะประธานคณะทำงานด้านพลังงานพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากจะเสนอให้รัฐบาลดำเนินนโยบายเชิงรุก สำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำมันในประเทศ คือการสนับสนุนส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนในรูปของเอทานอล ไบโอดีเซล ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้นผ่านมาสองปีกว่าแล้วยังมีความคืบหน้าน้อยมาก โดยเฉพาะโครงการเอทานอลนั้นจะเป็นการผลิตน้ำมันเพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมันได้ไม่น้อยกว่าปีละ 30,000 ล้านบาท
สำหรับแนวทางที่จะทำให้โครงการดังกล่าวพัฒนาได้อย่างรวดเร็วนั้นมี 2 ทางที่รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการ คือ 1.ควรตั้งกองทุนพัฒนาส่งเสริมพลังงานทดแทนโดยเฉพาะเอทานอลไบโอดีเซล 5,000 ล้านบาท และ2.ควรจะเปิดเสรีแอลกรอฮอล เพื่อให้โรงงานผลิตเอทานองสามารถที่จะผลิตเอทานอลเพื่อใช้ในการทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแรงจูงใจการลงทุนในโครงการเอทานอล ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจแต่ติดขัดข้อระเบียบมากมาย และความไม่ชัดเจนในแนวทางการลงทุนและจำหน่ายของรัฐบาล
(ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์,8/2/2546)--จบ--
-สส-