นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวมื้อเช้า ทางคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 101 เมกะเฮิร์ต ซึ่งผู้ดำเนินรายการได้สอบถามถึงความเห็นต่อสภาวะสงครามที่จะมีสหรัฐอเมริกาเป็นแกนนำในการต่อสู้กับอิรัก ว่า ในการประชุมส.ส.ของพรรควานนี้(18มี.ค.)ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีต รมว.ต่างประเทศก็ได้วิเคราะห์และลำดับเหตุการณ์ให้ฟังถึงความพยายามดำเนินงานทางการทูต เพื่อจะแก้ปัญหาผ่านกระบวนการของสหประชาชาติที่ผ่านมาจนถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็มองเห็นชัดเจนว่ามีการขีดเส้นตายและจะนำไปสู่การใช้กำลังกัน ฉะนั้นจากนี้ไปในส่วนของประเทศไทยก็เป็นเรื่องของการแสวงหาท่าทีที่เหมาะสม และเตรียมมาตรการต่างๆที่จะรองรับ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนความเป็นห่วงภายในประเทศในแง่ของของผลกระทบที่จะตามมาทางเศรษฐกิจ ท่าทีที่เหมาะสมที่อยากเห็นก็คือ ต้องไม่ตื่นตระหนกและไม่ประมาท เพราะก็เรามีประสบการณ์จากเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่มีการสู้รบเช่นนี้ และเห็นว่าผลกระทบที่ตามมามันมีในลักษณะอย่างไรบ้าง ถ้าหากว่าการใช้กำลังการสู้รบมันจบลงเร็ว ผลกระทบก็อาจจะมีไม่มากอย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวลกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความจะไม่มีหรือมีน้อยเสียทีเดียว เพราะบทเรียนเมื่อสิบปีที่แล้วก็ยังมีอยู่ แต่ถ้าหากมีการยืดเยื้อแน่นอนผลกระทบก็จะมากกว่า
ทั้งนี้ในส่วนสิ่งที่รัฐบาลก็คงจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ก็คือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมบางอุตสาหกรรม เช่น การท่องเที่ยว และมาตรการของรัฐบาลในเรื่องของน้ำมันในขณะนี้ ก็จะเป็นจุดที่มีความละเอียดอ่อนเป็นพิเศษขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวและระยะเวลาของความผันผวน หรือการที่ราคาน้ำมันจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะเป็นคุณหรือเป็นโทษ ฉะนั้นรัฐบาลคงจะต้องเตรียมแผนไว้เพื่อรองรับในทุกสถานการณ์
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามถึงการจับตาดูท่าทีของรัฐบาลในการกำหนดสถานะของประเทศไทยต่อเหตุสงครามที่จะเกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องดูว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร เข้าใจว่าวันนี้(19มี.ค.) รมว.ต่างประเทศจะมีการหารือในกลุ่มอาเซียน ซึ่งการหารือในกลุ่มเป็นเรื่องที่ดี เพราะการที่จะใช้องค์กรอย่างนี้มาช่วยเพื่อที่จะให้ท่าทีของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับ
ส่วนข้อถามที่ว่าในช่วงนี้ถ้าจะดำเนินวิถีทางการทูตให้ได้ประโยชน์มากที่สุด คิดว่าควรจะไปในแนวไหน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบว่า ดีที่สุดขณะนี้ต้องเริ่มต้นจากการที่จะหารือกับประเทศในกลุ่ม และแสวงหาพันธมิตร และท่าทีที่ออกมารัฐบาลก็คงคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดในแง่ของผลประโยชน์ของชาติอยู่แล้ว แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังเพราะว่ามันมีความความละเอียดอ่อนขึ้น ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าการจะหาฉันทามติในหมู่ประเทศต่างๆ แม้แต่ในตะวันตกเอง ก็เป็นเรื่องที่พยายามกันมายาวนาน และมันก็ไม่เป็นอย่างที่คิด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ - 19/3/2546--จบ--
-สส-
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนความเป็นห่วงภายในประเทศในแง่ของของผลกระทบที่จะตามมาทางเศรษฐกิจ ท่าทีที่เหมาะสมที่อยากเห็นก็คือ ต้องไม่ตื่นตระหนกและไม่ประมาท เพราะก็เรามีประสบการณ์จากเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่มีการสู้รบเช่นนี้ และเห็นว่าผลกระทบที่ตามมามันมีในลักษณะอย่างไรบ้าง ถ้าหากว่าการใช้กำลังการสู้รบมันจบลงเร็ว ผลกระทบก็อาจจะมีไม่มากอย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวลกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความจะไม่มีหรือมีน้อยเสียทีเดียว เพราะบทเรียนเมื่อสิบปีที่แล้วก็ยังมีอยู่ แต่ถ้าหากมีการยืดเยื้อแน่นอนผลกระทบก็จะมากกว่า
ทั้งนี้ในส่วนสิ่งที่รัฐบาลก็คงจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ก็คือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมบางอุตสาหกรรม เช่น การท่องเที่ยว และมาตรการของรัฐบาลในเรื่องของน้ำมันในขณะนี้ ก็จะเป็นจุดที่มีความละเอียดอ่อนเป็นพิเศษขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวและระยะเวลาของความผันผวน หรือการที่ราคาน้ำมันจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะเป็นคุณหรือเป็นโทษ ฉะนั้นรัฐบาลคงจะต้องเตรียมแผนไว้เพื่อรองรับในทุกสถานการณ์
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามถึงการจับตาดูท่าทีของรัฐบาลในการกำหนดสถานะของประเทศไทยต่อเหตุสงครามที่จะเกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องดูว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร เข้าใจว่าวันนี้(19มี.ค.) รมว.ต่างประเทศจะมีการหารือในกลุ่มอาเซียน ซึ่งการหารือในกลุ่มเป็นเรื่องที่ดี เพราะการที่จะใช้องค์กรอย่างนี้มาช่วยเพื่อที่จะให้ท่าทีของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับ
ส่วนข้อถามที่ว่าในช่วงนี้ถ้าจะดำเนินวิถีทางการทูตให้ได้ประโยชน์มากที่สุด คิดว่าควรจะไปในแนวไหน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบว่า ดีที่สุดขณะนี้ต้องเริ่มต้นจากการที่จะหารือกับประเทศในกลุ่ม และแสวงหาพันธมิตร และท่าทีที่ออกมารัฐบาลก็คงคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดในแง่ของผลประโยชน์ของชาติอยู่แล้ว แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังเพราะว่ามันมีความความละเอียดอ่อนขึ้น ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าการจะหาฉันทามติในหมู่ประเทศต่างๆ แม้แต่ในตะวันตกเอง ก็เป็นเรื่องที่พยายามกันมายาวนาน และมันก็ไม่เป็นอย่างที่คิด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ - 19/3/2546--จบ--
-สส-