ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. กองทุนฟื้นฟูฯ เห็นด้วยกับแนวทางการควบรวมกิจการ ธ.ยูโอบีรัตนสิน กับ ธ.เอเชีย ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การควบรวมกิจการของ ธ.ยูโอบีรัตนสิน กับ ธ.เอเชีย โดย ธ.ยู
โอบีสิงคโปร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ตกลงจะยุบ ธ.ยูโอบีรัตนสิน เพื่อดำเนินการในชื่อ ธ.เอเชีย และได้แจ้งให้ตลาดหลัก
ทรัพย์ฯ รับทราบแล้วนั้น ในฐานะที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เป็นผู้ถือหุ้น ธ.ยูโอบีรัตนสิน
ด้วย ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด เพียงแต่ให้ทาง ธ.ยูโอบีสิงคโปร์มาซื้อหุ้นทั้งหมดจากกองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งกองทุนฟื้นฟูฯ
จะพิจารณาขายหุ้นเมื่อมีกำไรเท่านั้น สำหรับหุ้นที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่ใน ธ.ยูโอบีรัตนสิน มีประมาณ 16% จากการ
เข้าไปช่วยเหลือทางการเงินมาตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ธ.ยูโอบีสิงคโปร์ยังไม่ได้มีการ
ติดต่อขอเจรจาซื้อหุ้นดังกล่าวเข้ามาที่ ธปท. (โลกวันนี้, ข่าวสด, แนวหน้า)
2. ธปท.พร้อมทำงานร่วมกับ รมว.คลังในรัฐบาลชุดใหม่ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) กล่าวถึงแนวทางการแต่งตั้ง รมว.คลังของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่ง นรม.เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า กำลัง
พิจารณา ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ และ ดร.โอฬาร ไชยประวัติ อยู่ โดยกล่าวว่าไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็น รมว.
คลัง ก็สามารถทำงานร่วมได้ทั้งสิ้น ส่วนทิศทางเศรษฐกิจต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้น จะต้องรอให้มีการจัดตั้งคณะ
กรรมการบริหารเศรษฐกิจที่ชัดเจนก่อน (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
3. ธปท.เตรียมหารือผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อบุคคลเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์การให้บริการต่างๆ
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อบุคคล เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้นัดผู้ประกอบสิน
เชื่ออุปโภคบริโภคทั้ง ธพ. และบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อบุคคล (นอนแบงก์) เข้าหารือถึงการกำหนดกฎเกณฑ์การให้
บริการสินเชื่อ การคิดดอกเบี้ย และการคิดค่าธรรมเนียมใหม่ ทั้งสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต ในวันที่ 10
ก.พ.48 เวลา 9.00-12.00 น. ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดปัญหาการร้องเรียนกันมากถึงการเรียกเก็บอัตรา
ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเงินกู้ที่ซ้ำซ้อนจนทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากเดือดร้อนและเข้าไปแจ้งให้สำนักงานคณะ
กรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้ามาดูแล (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ก.คลังแก้ไขกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคด้านภาษีและเอื้อต่อการลงทุนใน พธบ.รัฐบาลของนักลงทุน
ต่างประเทศ ผอ.สำนักบริหารหนี้สาธารณะ ก.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ก.คลังได้ลดอุปสรรคทางด้านภาษีเพื่อเอื้อ
ต่อการลงทุนใน พธบ.รัฐบาล และ พธบ.ที่ออกโดยสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะของไทยจัดตั้งขึ้นของนักลงทุน
ต่างประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และไม่ได้ประกอบกิจการใน
ประเทศไทย หรือนอนเรสซิเดนท์ โดย ก.คลังได้แก้ไขกฎหมายเพื่อยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินให้
แก่นอนเรสซิเดนท์ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว ได้แก่ ดอกเบี้ย พธบ. หรือดอกเบี้ยหุ้นกู้ขององค์กรรัฐบาล ผลต่างระหว่าง
ราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่าย พธบ.หรือหุ้นกู้ที่ออกและจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอนหรือส่วนลดที่ได้
จากการขาย รวมถึงยกเว้นภาษีสำหรับผลประโยชน์ที่ได้จากการโอน พธบ.หรือหุ้นกู้ (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
5. คาดว่าการจัดทำเขตการค้าเสรีของไทยกับประเทศเป้าหมายจะเสร็จสิ้นภายในปี 48
เลขานุการคณะกรรมการจัดทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เปิดเผยว่า การเจรจาจัดทำเอฟทีเอของไทยกับ
ประเทศเป้าหมาย 8 ประเทศ และ 2 กลุ่มเศรษฐกิจ จะดำเนินการต่อหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เสร็จสิ้น
โดยคาดว่าทุกกรอบการเจรจาจะเสร็จภายในปี 48 ทั้งนี้ เอฟทีเอเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันและเพิ่ม มูลค่า
การค้าระหว่างไทยกับประเทศที่ทำเอฟทีเอขึ้นอีกเท่าตัว หรือมีสัดส่วนเกิน 80% ของมูลค่าการค้าไทยกับทั่วโลก
โดยคาดว่าการทำเอฟทีเอกับประเทศเป้าหมายจะทำให้มูลค่าการค้าไทยกับประเทศเหล่านั้นเพิ่มขึ้นเป็น
153,912.55 ล.ดอลลาร์ สรอ.ในอีก 4 ปีข้างหน้า บนสมมติฐานการส่งออกขยายตัวปีละ 15% โดยเพิ่มขึ้นจากปี
47 ที่มีมูลค่าการค้า 2 ฝ่ายรวมทั้งสิ้น 87,799.5 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็น 45.57% จากมูลค่าการค้าของ
ไทยกับทั่วโลกที่มีมูลค่ารวม 192,679.2 ล.ดอลลาร์ สรอ. (ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าการขาดดุลการค้าของ สรอ. เดือน ธ.ค.47 จะลดลงเหลือ 57 พันล้านดอลลาร์
สรอ. รายงานจากกรุงนิวยอร์ค ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 8 ก.พ.48 ผลสำรวจความคิดเห็นนัก
เศรษฐศาสตร์ 35 คน ของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่า สรอ. จะขาดดุลการค้าในเดือน ธ.ค.47 ลดลงเหลือ 57
พันล้านดอลลาร์ สรอ. (ตัวเลขคาดการณ์อยู่ระหว่าง 52 ถึง 67 พันล้านดอลลาร์ สรอ.)จากที่ขาดดุลการค้า
60.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน พ.ย.47 โดยมีสาเหตุจากการนำเข้าลดลง รวมทั้งการปรับตัวลดลงของ
ราคาน้ำมัน ในขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้นประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่อ่อน
ตัวลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังเฝ้าจับตามองการทบทวนตัวเลขการขาดดุลการค้าของ สรอ. ของเดือน พ.
ย.47 ที่คาดว่าจะมีการปรับลดลงอย่างมากหลังจากเกิดปัญหาทางเทคนิคเกี่ยวกับข้อมูลการค้าชายแดนระหว่าง
สรอ. — แคนาดา ทำให้มูลค่าการส่งออกหายไปประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ ก.พาณิชย์ สรอ. จะ
แถลงตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ก.พ.48 (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ในเดือน ธ.ค.47 รายงานจากเบอร์ลิน
เมื่อ 8 ก.พ.48 ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 จากเดือนก่อนเพิ่มขึ้นใน
อัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.47 และเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน นอกจากนี้ยังเพิ่มขึ้นในอัตราสูง
กว่าร้อยละ 1.0 ที่คาดไว้จากผลสำรวจโดยรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ แม้ว่าค่าเงินยูโรจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงกว่า
1.36 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโรในเดือน ธ.ค.47 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ตาม โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้น
ของภาคการก่อสร้างที่ขยายตัวถึงร้อยละ 6.1 ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเดือนสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.46 ในขณะที่
ภาคการผลิตและภาคพลังงานก็มีส่วนช่วยให้ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นโดยภาคการผลิตขยายตัว
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ในขณะที่ภาคพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 จากเดือนก่อน จากตัวเลขเบื้องต้นเศรษฐกิจเยอรมนี
ขยายตัวร้อยละ 1.7 ในปี 47 สูงสุดนับตั้งแต่ปี 43 และสูงกว่าที่รัฐบาลคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ
1.6 แม้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ปี 47 ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 ก็ตาม สนง.สถิติกลางของเยอรมนีมี
กำหนดจะรายงานตัวเลขการค้าของเดือน ธ.ค.47 ในวันที่ 10 ก.พ.48 เวลา 7.00 น.ตามเวลากรีนนิช และ
ตัวเลขเบื้องต้น GDP ของไตรมาสที่ 4 ปี 47 ในวันที่ 15 ก.พ.48 นี้ (รอยเตอร์)
3. คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับร้อยละ 4.75 รายงานจากกรุงลอนดอน
ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.48 ผลการสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 50 คน ของสำนักข่าวรอย
เตอร์คาดว่า Monetary Policy Committee (MPC) ของอังกฤษ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อย
ละ 4.75 เท่าเดิมในการประชุมประจำเดือนนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ 22 คน คาดว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ใน
ระดับสูงสุดแล้ว ขณะที่อีก 25 คน คาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง ภายในปีนี้ ทั้งนี้ อัตราเงิน
เฟ้อเดือน ธ.ค.47 ที่เพิ่มขึ้นจนเกือบถึงระดับร้อยละ 2 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ MPC กำหนดไว้ และเศรษฐกิจที่ขยาย
ตัวอย่างมากในไตรมาส 4 ปี 47 รวมทั้งราคาบ้านที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมายในปีนี้หลังจากที่ปรับตัวลดลง
ในช่วงหลายเดือนก่อนหน้า ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยอดการค้า
ปลีกเดือน ธ.ค.47 ที่ปรับลดลงครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ปี 2524 และผลการสำรวจที่แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตมีอัตรา
การเติบโตลดลงในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา อาจจะทำให้ ธ.กลางอังกฤษไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลานี้ ซึ่งผู้
ว่าการ ธ.กลางอังกฤษได้กล่าวว่า MPC จะต้องคอยให้ภาพเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ มีความชัดเจนก่อนที่จะตัดสินใจ
ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (รอยเตอร์)
4. รอยเตอร์คาดว่าจีดีพีญี่ปุ่นในไตรมาส 4 ปี 47 จะขยายตัวร้อยละ 0.1 เทียบต่อไตรมาส
รายงานจากโตเกียว เมื่อ 8 ก.พ.48 ผลสำรวจโดยรอยเตอร์ พบว่า นักวิเคราะห์ประมาณการผลิตภัณฑ์ใน
ประเทศที่แท้จริง (จีดีพี) ของญี่ปุ่นในไตรมาส 4 ปี 47 จะขยายตัวร้อยละ 0.1 เทียบต่อไตรมาส และหากเทียบ
ต่อปีขยายตัวร้อยละ 0.5 โดยในไตรมาส 3 และ 2 ของปี 47 จีดีพีของญี่ปุ่นเติบโตที่ร้อยละ 0.1 ซึ่งชะลอตัวจาก
ร้อยละ 1.7 ในไตรมาสแรกปี 47 ทั้งนี้ สาเหตุที่จีดีพีในไตรมาส 4 ขยายตัวในระดับเดิมเนื่องจากการใช้จ่ายของ
ผู้บริโภคเบาบางลง รวมทั้งภาวะการส่งออกและผลผลิตในประเทศชะลอตัว โดยการใช้จ่ายภาคเอกชน ซึ่งมีสัดส่วน
ถึงร้อยละ 55 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นคาดว่าจะลดลงใน 3 เดือนสุดท้ายของปี 47 เนื่องจากฤดูกาลที่
อบอุ่น ประกอบกับเหตุการณ์พายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี ทำให้คาดว่าการบริโภคจะลดลงร้อย
ละ 0.1 ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าความต้องการสินค้าจากต่างประเทศจะลดลงในไตรมาส
4 (ซึ่งลดลงติดต่อกันมาแล้ว 2 ไตรมาส) ทั้งนี้ การส่งออกเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการฟื้นตัวทาง
เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันผลผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับอยู่ในภาวะชะลอตัว นักวิเคราะห์
คาดว่าความต้องการสินค้าจากภายนอกประเทศ (หรือการส่งออกหักลบด้วยการนำเข้า) จะส่งผลต่อการเติบโตทาง
เศรษฐกิจลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1 แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุการณ์ที่สร้างความสดใสต่อเศรษฐกิจ คือ การใช้
จ่ายด้านการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 เทียบต่อไตรมาส อนึ่ง Nominal GDP (จีดีพีก่อนปรับปัจจัยด้าน
ราคา) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากไตรมาสก่อนหน้าเช่นกัน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
จะยังคงเติบโตในระดับที่เหมาะสมในไตรมาส 1 ปี 48 ไม่ตกอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากการส่งออกและการ
บริโภคส่วนบุคคลกลับมาขยายตัวอีกครั้ง อนึ่ง ตัวเลขจีดีพีเบื้องต้นในไตรมาส 4 รัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศเป็นทางการ
ในวันพุธที่ 16 ก.พ.48 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 9 ก.พ. 48 8 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.435 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.2177/38.5049 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 731.42/18.99 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,550/7,650 7,550/7,650 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 37.69 37.41 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.69*/14.59 19.69*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ม.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. กองทุนฟื้นฟูฯ เห็นด้วยกับแนวทางการควบรวมกิจการ ธ.ยูโอบีรัตนสิน กับ ธ.เอเชีย ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การควบรวมกิจการของ ธ.ยูโอบีรัตนสิน กับ ธ.เอเชีย โดย ธ.ยู
โอบีสิงคโปร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ตกลงจะยุบ ธ.ยูโอบีรัตนสิน เพื่อดำเนินการในชื่อ ธ.เอเชีย และได้แจ้งให้ตลาดหลัก
ทรัพย์ฯ รับทราบแล้วนั้น ในฐานะที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เป็นผู้ถือหุ้น ธ.ยูโอบีรัตนสิน
ด้วย ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด เพียงแต่ให้ทาง ธ.ยูโอบีสิงคโปร์มาซื้อหุ้นทั้งหมดจากกองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งกองทุนฟื้นฟูฯ
จะพิจารณาขายหุ้นเมื่อมีกำไรเท่านั้น สำหรับหุ้นที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่ใน ธ.ยูโอบีรัตนสิน มีประมาณ 16% จากการ
เข้าไปช่วยเหลือทางการเงินมาตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ธ.ยูโอบีสิงคโปร์ยังไม่ได้มีการ
ติดต่อขอเจรจาซื้อหุ้นดังกล่าวเข้ามาที่ ธปท. (โลกวันนี้, ข่าวสด, แนวหน้า)
2. ธปท.พร้อมทำงานร่วมกับ รมว.คลังในรัฐบาลชุดใหม่ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) กล่าวถึงแนวทางการแต่งตั้ง รมว.คลังของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่ง นรม.เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า กำลัง
พิจารณา ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ และ ดร.โอฬาร ไชยประวัติ อยู่ โดยกล่าวว่าไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็น รมว.
คลัง ก็สามารถทำงานร่วมได้ทั้งสิ้น ส่วนทิศทางเศรษฐกิจต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้น จะต้องรอให้มีการจัดตั้งคณะ
กรรมการบริหารเศรษฐกิจที่ชัดเจนก่อน (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
3. ธปท.เตรียมหารือผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อบุคคลเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์การให้บริการต่างๆ
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อบุคคล เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้นัดผู้ประกอบสิน
เชื่ออุปโภคบริโภคทั้ง ธพ. และบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อบุคคล (นอนแบงก์) เข้าหารือถึงการกำหนดกฎเกณฑ์การให้
บริการสินเชื่อ การคิดดอกเบี้ย และการคิดค่าธรรมเนียมใหม่ ทั้งสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต ในวันที่ 10
ก.พ.48 เวลา 9.00-12.00 น. ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดปัญหาการร้องเรียนกันมากถึงการเรียกเก็บอัตรา
ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเงินกู้ที่ซ้ำซ้อนจนทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากเดือดร้อนและเข้าไปแจ้งให้สำนักงานคณะ
กรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้ามาดูแล (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ก.คลังแก้ไขกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคด้านภาษีและเอื้อต่อการลงทุนใน พธบ.รัฐบาลของนักลงทุน
ต่างประเทศ ผอ.สำนักบริหารหนี้สาธารณะ ก.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ก.คลังได้ลดอุปสรรคทางด้านภาษีเพื่อเอื้อ
ต่อการลงทุนใน พธบ.รัฐบาล และ พธบ.ที่ออกโดยสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะของไทยจัดตั้งขึ้นของนักลงทุน
ต่างประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และไม่ได้ประกอบกิจการใน
ประเทศไทย หรือนอนเรสซิเดนท์ โดย ก.คลังได้แก้ไขกฎหมายเพื่อยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินให้
แก่นอนเรสซิเดนท์ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว ได้แก่ ดอกเบี้ย พธบ. หรือดอกเบี้ยหุ้นกู้ขององค์กรรัฐบาล ผลต่างระหว่าง
ราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่าย พธบ.หรือหุ้นกู้ที่ออกและจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอนหรือส่วนลดที่ได้
จากการขาย รวมถึงยกเว้นภาษีสำหรับผลประโยชน์ที่ได้จากการโอน พธบ.หรือหุ้นกู้ (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
5. คาดว่าการจัดทำเขตการค้าเสรีของไทยกับประเทศเป้าหมายจะเสร็จสิ้นภายในปี 48
เลขานุการคณะกรรมการจัดทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เปิดเผยว่า การเจรจาจัดทำเอฟทีเอของไทยกับ
ประเทศเป้าหมาย 8 ประเทศ และ 2 กลุ่มเศรษฐกิจ จะดำเนินการต่อหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เสร็จสิ้น
โดยคาดว่าทุกกรอบการเจรจาจะเสร็จภายในปี 48 ทั้งนี้ เอฟทีเอเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันและเพิ่ม มูลค่า
การค้าระหว่างไทยกับประเทศที่ทำเอฟทีเอขึ้นอีกเท่าตัว หรือมีสัดส่วนเกิน 80% ของมูลค่าการค้าไทยกับทั่วโลก
โดยคาดว่าการทำเอฟทีเอกับประเทศเป้าหมายจะทำให้มูลค่าการค้าไทยกับประเทศเหล่านั้นเพิ่มขึ้นเป็น
153,912.55 ล.ดอลลาร์ สรอ.ในอีก 4 ปีข้างหน้า บนสมมติฐานการส่งออกขยายตัวปีละ 15% โดยเพิ่มขึ้นจากปี
47 ที่มีมูลค่าการค้า 2 ฝ่ายรวมทั้งสิ้น 87,799.5 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็น 45.57% จากมูลค่าการค้าของ
ไทยกับทั่วโลกที่มีมูลค่ารวม 192,679.2 ล.ดอลลาร์ สรอ. (ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าการขาดดุลการค้าของ สรอ. เดือน ธ.ค.47 จะลดลงเหลือ 57 พันล้านดอลลาร์
สรอ. รายงานจากกรุงนิวยอร์ค ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 8 ก.พ.48 ผลสำรวจความคิดเห็นนัก
เศรษฐศาสตร์ 35 คน ของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่า สรอ. จะขาดดุลการค้าในเดือน ธ.ค.47 ลดลงเหลือ 57
พันล้านดอลลาร์ สรอ. (ตัวเลขคาดการณ์อยู่ระหว่าง 52 ถึง 67 พันล้านดอลลาร์ สรอ.)จากที่ขาดดุลการค้า
60.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน พ.ย.47 โดยมีสาเหตุจากการนำเข้าลดลง รวมทั้งการปรับตัวลดลงของ
ราคาน้ำมัน ในขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้นประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่อ่อน
ตัวลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังเฝ้าจับตามองการทบทวนตัวเลขการขาดดุลการค้าของ สรอ. ของเดือน พ.
ย.47 ที่คาดว่าจะมีการปรับลดลงอย่างมากหลังจากเกิดปัญหาทางเทคนิคเกี่ยวกับข้อมูลการค้าชายแดนระหว่าง
สรอ. — แคนาดา ทำให้มูลค่าการส่งออกหายไปประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ ก.พาณิชย์ สรอ. จะ
แถลงตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ก.พ.48 (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ในเดือน ธ.ค.47 รายงานจากเบอร์ลิน
เมื่อ 8 ก.พ.48 ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 จากเดือนก่อนเพิ่มขึ้นใน
อัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.47 และเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน นอกจากนี้ยังเพิ่มขึ้นในอัตราสูง
กว่าร้อยละ 1.0 ที่คาดไว้จากผลสำรวจโดยรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ แม้ว่าค่าเงินยูโรจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงกว่า
1.36 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโรในเดือน ธ.ค.47 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ตาม โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้น
ของภาคการก่อสร้างที่ขยายตัวถึงร้อยละ 6.1 ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเดือนสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.46 ในขณะที่
ภาคการผลิตและภาคพลังงานก็มีส่วนช่วยให้ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นโดยภาคการผลิตขยายตัว
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ในขณะที่ภาคพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 จากเดือนก่อน จากตัวเลขเบื้องต้นเศรษฐกิจเยอรมนี
ขยายตัวร้อยละ 1.7 ในปี 47 สูงสุดนับตั้งแต่ปี 43 และสูงกว่าที่รัฐบาลคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ
1.6 แม้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ปี 47 ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 ก็ตาม สนง.สถิติกลางของเยอรมนีมี
กำหนดจะรายงานตัวเลขการค้าของเดือน ธ.ค.47 ในวันที่ 10 ก.พ.48 เวลา 7.00 น.ตามเวลากรีนนิช และ
ตัวเลขเบื้องต้น GDP ของไตรมาสที่ 4 ปี 47 ในวันที่ 15 ก.พ.48 นี้ (รอยเตอร์)
3. คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับร้อยละ 4.75 รายงานจากกรุงลอนดอน
ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.48 ผลการสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 50 คน ของสำนักข่าวรอย
เตอร์คาดว่า Monetary Policy Committee (MPC) ของอังกฤษ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อย
ละ 4.75 เท่าเดิมในการประชุมประจำเดือนนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ 22 คน คาดว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ใน
ระดับสูงสุดแล้ว ขณะที่อีก 25 คน คาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง ภายในปีนี้ ทั้งนี้ อัตราเงิน
เฟ้อเดือน ธ.ค.47 ที่เพิ่มขึ้นจนเกือบถึงระดับร้อยละ 2 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ MPC กำหนดไว้ และเศรษฐกิจที่ขยาย
ตัวอย่างมากในไตรมาส 4 ปี 47 รวมทั้งราคาบ้านที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมายในปีนี้หลังจากที่ปรับตัวลดลง
ในช่วงหลายเดือนก่อนหน้า ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยอดการค้า
ปลีกเดือน ธ.ค.47 ที่ปรับลดลงครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ปี 2524 และผลการสำรวจที่แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตมีอัตรา
การเติบโตลดลงในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา อาจจะทำให้ ธ.กลางอังกฤษไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลานี้ ซึ่งผู้
ว่าการ ธ.กลางอังกฤษได้กล่าวว่า MPC จะต้องคอยให้ภาพเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ มีความชัดเจนก่อนที่จะตัดสินใจ
ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (รอยเตอร์)
4. รอยเตอร์คาดว่าจีดีพีญี่ปุ่นในไตรมาส 4 ปี 47 จะขยายตัวร้อยละ 0.1 เทียบต่อไตรมาส
รายงานจากโตเกียว เมื่อ 8 ก.พ.48 ผลสำรวจโดยรอยเตอร์ พบว่า นักวิเคราะห์ประมาณการผลิตภัณฑ์ใน
ประเทศที่แท้จริง (จีดีพี) ของญี่ปุ่นในไตรมาส 4 ปี 47 จะขยายตัวร้อยละ 0.1 เทียบต่อไตรมาส และหากเทียบ
ต่อปีขยายตัวร้อยละ 0.5 โดยในไตรมาส 3 และ 2 ของปี 47 จีดีพีของญี่ปุ่นเติบโตที่ร้อยละ 0.1 ซึ่งชะลอตัวจาก
ร้อยละ 1.7 ในไตรมาสแรกปี 47 ทั้งนี้ สาเหตุที่จีดีพีในไตรมาส 4 ขยายตัวในระดับเดิมเนื่องจากการใช้จ่ายของ
ผู้บริโภคเบาบางลง รวมทั้งภาวะการส่งออกและผลผลิตในประเทศชะลอตัว โดยการใช้จ่ายภาคเอกชน ซึ่งมีสัดส่วน
ถึงร้อยละ 55 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นคาดว่าจะลดลงใน 3 เดือนสุดท้ายของปี 47 เนื่องจากฤดูกาลที่
อบอุ่น ประกอบกับเหตุการณ์พายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี ทำให้คาดว่าการบริโภคจะลดลงร้อย
ละ 0.1 ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าความต้องการสินค้าจากต่างประเทศจะลดลงในไตรมาส
4 (ซึ่งลดลงติดต่อกันมาแล้ว 2 ไตรมาส) ทั้งนี้ การส่งออกเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการฟื้นตัวทาง
เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันผลผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับอยู่ในภาวะชะลอตัว นักวิเคราะห์
คาดว่าความต้องการสินค้าจากภายนอกประเทศ (หรือการส่งออกหักลบด้วยการนำเข้า) จะส่งผลต่อการเติบโตทาง
เศรษฐกิจลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1 แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุการณ์ที่สร้างความสดใสต่อเศรษฐกิจ คือ การใช้
จ่ายด้านการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 เทียบต่อไตรมาส อนึ่ง Nominal GDP (จีดีพีก่อนปรับปัจจัยด้าน
ราคา) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากไตรมาสก่อนหน้าเช่นกัน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
จะยังคงเติบโตในระดับที่เหมาะสมในไตรมาส 1 ปี 48 ไม่ตกอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากการส่งออกและการ
บริโภคส่วนบุคคลกลับมาขยายตัวอีกครั้ง อนึ่ง ตัวเลขจีดีพีเบื้องต้นในไตรมาส 4 รัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศเป็นทางการ
ในวันพุธที่ 16 ก.พ.48 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 9 ก.พ. 48 8 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.435 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.2177/38.5049 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 731.42/18.99 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,550/7,650 7,550/7,650 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 37.69 37.41 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.69*/14.59 19.69*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ม.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--