กรุงเทพ--21 ส.ค.--กระทรวงต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกประจำปี 2546 ขึ้น ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม - 3 กันยายน 2546 โดยรูปแบบของการประชุมฯ ในครั้งนี้ จะเป็นการผสมผสานระหว่างการรับฟังนโยบายและการประชุมหารือในด้านยุทธศาสตร์ร่วมกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล ภาครัฐ และภาคเอกชนในกรุงเทพมหานคร และการจัดกิจกรรมให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ได้เดินทางพบปะภาคประชาชนในจังหวัดต่างๆ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และปัญหาจากท้องถิ่น แล้วนำไปประกอบการกำหนดและดำเนินนโยบายต่างประเทศกับประเทศต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการทูตยุคใหม่ที่เน้น “การทูตเพื่อประชาชน” นอกจากนั้น ยังเปิดโอกาสให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ได้เยี่ยมชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม ณ แหลมผักเบี้ย จังหวัดราชบุรี กิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียม โรงเรียนวังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับฟังและเยี่ยมชมการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาลในสถานที่จริง อาทิ โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และโครงการ Unseen Thailand และสิ่งอันเป็นมงคลสูงสุด คือ การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ได้เข้าเฝ้าฯ ในวันจันทร์ที่ 1 กันยายน 2546 ที่วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
การประชุมหารือร่วมกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 27 สิงหาคม 2546 จะเน้นการประเมินผลงานโครงการนำร่องการบริหารงานแบบบูรณาการของคณะผู้บริหารประเทศไทยหรือ ทูต CEO ใน 6 แห่ง ได้แก่ จีน สหภาพยุโรป อินเดีย ญี่ปุ่น ลาว และสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เริ่มโครงการนำร่องอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2545 หลังจากที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้มอบแนวนโยบาย และได้มีการมอบหมายให้คณะผู้วิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย หรือ สกว. นำโดย รศ. ดร. ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาข้าราชการ (กพร.) รศ. ดร. ไชยวัฒน์ ค้ำชู อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์ศุภมิตร ปิติพัฒน์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ประเมินผลตามโครงการนำร่อง นอกจากนั้น ที่ประชุมจะได้รับฟังแนวนโยบายและข้อคิดเห็นของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทุกแห่งที่จะปรับเข้าสู่ระบบการบริหารงานแบบบูรณาการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนิน การบริหารงานแบบบูรณาการภายในประเทศคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด CEO กับการบริหารงานแบบบูรณาการในต่างประเทศคือ เอกอัครราชทูต CEO คู่ขนานไปด้วยกันอย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนั้น การประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกในวันที่ 28 สิงหาคม 2546 ตลอดทั้งวันจะเน้นการหารือเกี่ยวกับ “ยุทธศาสตร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยภายใต้สถานการณ์ใหม่ของเศรษฐกิจโลก” ซึ่งจะได้มีการอภิปรายแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมในภาพรวม และรายอุตสาหกรรมที่ไทยมีจุดแข็ง เช่น อุตสาหกรรมอาหาร แฟชั่นดีไซน์ การแพทย์และสาธารณสุขไทย เพื่อให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกสามารถดำเนินบทบาทในการสนับสนุนยุทธศาสตร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมบทบาทนำของไทยในเวทีระหว่างประเทศ
การเปิดประตูและขยายช่องทางในระดับสูง เพื่อผลักดัน Global Niches ของไทยในด้านต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศในปัจจุบันที่เน้นนโยบาย การทูตเชิงรุกด้านเศรษฐกิจ โดยอาศัยกลไกสอท. และสกญ. ทั่วโลก ภายใต้การบริหารงานแบบบูรณาการ
ในการจัดวางเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ต่อประเทศต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในความสัมพันธ์อย่างเต็มที่ เพื่อมุ่งเพิ่มรายได้เข้าสู่ประเทศและยกสถานะในการแข่งขันระหว่างประเทศของไทยสำหรับกิจกรรมในต่างจังหวัดซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2546 นั้น นอกจากเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่จะได้พบปะภาคประชาชนใน 3 จังหวัดคือ นครปฐม ราชบุรี และเพชรบุรีแล้ว ยังจะได้พบกับเยาวชนในโครงการ “ยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ” ในจังหวัดทั้งสามด้วย ทั้งนี้
โครงการดังกล่าวเป็นความริเริ่มของกระทรวงการต่างประเทศและดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และประสงค์จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในระดับเยาวชนซึ่งจะเป็นอนาคต และเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกประจำปี 2546 ขึ้น ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม - 3 กันยายน 2546 โดยรูปแบบของการประชุมฯ ในครั้งนี้ จะเป็นการผสมผสานระหว่างการรับฟังนโยบายและการประชุมหารือในด้านยุทธศาสตร์ร่วมกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล ภาครัฐ และภาคเอกชนในกรุงเทพมหานคร และการจัดกิจกรรมให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ได้เดินทางพบปะภาคประชาชนในจังหวัดต่างๆ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และปัญหาจากท้องถิ่น แล้วนำไปประกอบการกำหนดและดำเนินนโยบายต่างประเทศกับประเทศต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการทูตยุคใหม่ที่เน้น “การทูตเพื่อประชาชน” นอกจากนั้น ยังเปิดโอกาสให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ได้เยี่ยมชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม ณ แหลมผักเบี้ย จังหวัดราชบุรี กิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียม โรงเรียนวังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับฟังและเยี่ยมชมการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาลในสถานที่จริง อาทิ โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และโครงการ Unseen Thailand และสิ่งอันเป็นมงคลสูงสุด คือ การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ได้เข้าเฝ้าฯ ในวันจันทร์ที่ 1 กันยายน 2546 ที่วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
การประชุมหารือร่วมกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 27 สิงหาคม 2546 จะเน้นการประเมินผลงานโครงการนำร่องการบริหารงานแบบบูรณาการของคณะผู้บริหารประเทศไทยหรือ ทูต CEO ใน 6 แห่ง ได้แก่ จีน สหภาพยุโรป อินเดีย ญี่ปุ่น ลาว และสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เริ่มโครงการนำร่องอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2545 หลังจากที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้มอบแนวนโยบาย และได้มีการมอบหมายให้คณะผู้วิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย หรือ สกว. นำโดย รศ. ดร. ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาข้าราชการ (กพร.) รศ. ดร. ไชยวัฒน์ ค้ำชู อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์ศุภมิตร ปิติพัฒน์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ประเมินผลตามโครงการนำร่อง นอกจากนั้น ที่ประชุมจะได้รับฟังแนวนโยบายและข้อคิดเห็นของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทุกแห่งที่จะปรับเข้าสู่ระบบการบริหารงานแบบบูรณาการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนิน การบริหารงานแบบบูรณาการภายในประเทศคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด CEO กับการบริหารงานแบบบูรณาการในต่างประเทศคือ เอกอัครราชทูต CEO คู่ขนานไปด้วยกันอย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนั้น การประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกในวันที่ 28 สิงหาคม 2546 ตลอดทั้งวันจะเน้นการหารือเกี่ยวกับ “ยุทธศาสตร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยภายใต้สถานการณ์ใหม่ของเศรษฐกิจโลก” ซึ่งจะได้มีการอภิปรายแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมในภาพรวม และรายอุตสาหกรรมที่ไทยมีจุดแข็ง เช่น อุตสาหกรรมอาหาร แฟชั่นดีไซน์ การแพทย์และสาธารณสุขไทย เพื่อให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกสามารถดำเนินบทบาทในการสนับสนุนยุทธศาสตร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมบทบาทนำของไทยในเวทีระหว่างประเทศ
การเปิดประตูและขยายช่องทางในระดับสูง เพื่อผลักดัน Global Niches ของไทยในด้านต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศในปัจจุบันที่เน้นนโยบาย การทูตเชิงรุกด้านเศรษฐกิจ โดยอาศัยกลไกสอท. และสกญ. ทั่วโลก ภายใต้การบริหารงานแบบบูรณาการ
ในการจัดวางเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ต่อประเทศต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในความสัมพันธ์อย่างเต็มที่ เพื่อมุ่งเพิ่มรายได้เข้าสู่ประเทศและยกสถานะในการแข่งขันระหว่างประเทศของไทยสำหรับกิจกรรมในต่างจังหวัดซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2546 นั้น นอกจากเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่จะได้พบปะภาคประชาชนใน 3 จังหวัดคือ นครปฐม ราชบุรี และเพชรบุรีแล้ว ยังจะได้พบกับเยาวชนในโครงการ “ยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ” ในจังหวัดทั้งสามด้วย ทั้งนี้
โครงการดังกล่าวเป็นความริเริ่มของกระทรวงการต่างประเทศและดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และประสงค์จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในระดับเยาวชนซึ่งจะเป็นอนาคต และเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-