เมื่อเวลา 16.50น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมส.ส.วันนี้(28ต.ค.46)ว่าที่ประชุมวันนี้ได้มีการพูดคุยถึงผลการประชุมเอเปคเมื่อวันที่ 20-21 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ในเนื้อหาสาระของการประชุมครั้งนี้ ไม่มีผลอะไรต่อประเทศไทย เพราะเป็นเพียงการรวมวิสัยทัศน์และความคิดเห็นจากหลายประเทศเท่านั้น
นายองอาจ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีข้อคิดเห็น 3 ประการในการประชุมเอเปคที่เกิดขึ้นว่า
1.ปฏิญญากรุงเทพไม่ใช่สนธิสัญญาหรือข้อตกลง จึงไม่มีผลอะไรต่อประเทศไทย
2. พรรคประชาธิปัตย์จะติดตามในเรื่องของการเปิด FTA โดยจะให้คณะทำงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล และ
3. ในการประชุมเอเปคครั้งนี้ ยังมีข้อตกลงที่ไม่เกี่ยวข้องกับเอเปคและทวิภาคีโดยตรง แต่เป็นเรื่องที่บางประเทศหยิบยกขึ้นมา เช่น กรณีที่สหรัฐยกให้ประเทศไทยเป็นพันธมิตรพิเศษนอกนาโต เป็นต้น อย่างไรก็ตามพรรคจะตั้งกระทู้สดถามในกรณีดังกล่าว เพราะเห็นว่าจะมีผลทำให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายของการก่อการร้าย
อย่างไรก็ตาม การที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาแสดงความเห็น ไม่ใช่เพื่อต้องการทำลายความน่าเชื่อถือ และทำให้เป็นประเด็นทางการเมือง แต่ที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาดำเนินการเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลจะคิดง่ายๆว่า เป็นการประกาศฝ่ายเดียวจากสหรัฐและไม่มีข้อผู้มัดหรือสนธิสัญญา แต่ตนคิดว่าผลกระทบที่ตามมาอาจจะมีมากกว่าที่มีสัญญาก็เป็นได้ เพราะขณะนี้สหรัฐกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการก่อการร้าย ดังนั้นการประกาศพันธมิตรก็เท่ากับว่าเป็นการดึงเอาประเทศไทยเข้าไปร่วมกับประเทศสหรัฐโดยไม่จำเป็น ดูได้จากหลายประเทศที่เป็นพันธมิตรนอกนาโตกับสหรัฐ เช่น เกาหลี หรือญี่ปุ่น ก็ถูกพุ่งเป้าว่าจะถูกโจมตี กรณีนี้จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ - 28/10/2546--จบ--
-สส-
นายองอาจ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีข้อคิดเห็น 3 ประการในการประชุมเอเปคที่เกิดขึ้นว่า
1.ปฏิญญากรุงเทพไม่ใช่สนธิสัญญาหรือข้อตกลง จึงไม่มีผลอะไรต่อประเทศไทย
2. พรรคประชาธิปัตย์จะติดตามในเรื่องของการเปิด FTA โดยจะให้คณะทำงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล และ
3. ในการประชุมเอเปคครั้งนี้ ยังมีข้อตกลงที่ไม่เกี่ยวข้องกับเอเปคและทวิภาคีโดยตรง แต่เป็นเรื่องที่บางประเทศหยิบยกขึ้นมา เช่น กรณีที่สหรัฐยกให้ประเทศไทยเป็นพันธมิตรพิเศษนอกนาโต เป็นต้น อย่างไรก็ตามพรรคจะตั้งกระทู้สดถามในกรณีดังกล่าว เพราะเห็นว่าจะมีผลทำให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายของการก่อการร้าย
อย่างไรก็ตาม การที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาแสดงความเห็น ไม่ใช่เพื่อต้องการทำลายความน่าเชื่อถือ และทำให้เป็นประเด็นทางการเมือง แต่ที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาดำเนินการเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลจะคิดง่ายๆว่า เป็นการประกาศฝ่ายเดียวจากสหรัฐและไม่มีข้อผู้มัดหรือสนธิสัญญา แต่ตนคิดว่าผลกระทบที่ตามมาอาจจะมีมากกว่าที่มีสัญญาก็เป็นได้ เพราะขณะนี้สหรัฐกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการก่อการร้าย ดังนั้นการประกาศพันธมิตรก็เท่ากับว่าเป็นการดึงเอาประเทศไทยเข้าไปร่วมกับประเทศสหรัฐโดยไม่จำเป็น ดูได้จากหลายประเทศที่เป็นพันธมิตรนอกนาโตกับสหรัฐ เช่น เกาหลี หรือญี่ปุ่น ก็ถูกพุ่งเป้าว่าจะถูกโจมตี กรณีนี้จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ - 28/10/2546--จบ--
-สส-