กรุงเทพ--8 ธ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ผลการหารือระหว่าง ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับนาย Theodore Stevens ผู้รักษาการประธานวุฒิสภาสหรัฐ ฯ และประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภาสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2546 นาย Theodore Stevens รักษาการประธานวุฒิสภาสหรัฐ ฯ และประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภาสหรัฐฯ และคณะได้เข้าพบและหารือข้อราชการกับ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการหารือ ดร.สุรเกียรติ์ ฯ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สรุปได้ดังนี้
1. นาย Theodore Stevens เป็นบุคคลสำคัญของสหรัฐ ฯ เนื่องจากเป็นผู้รักษาการประธานวุฒิสภาและเป็นบุคคลหมายเลข 4 ของสหรัฐ ฯ รองจากประธานาธิบดี รองประธานาธิบดีและประธานรัฐสภา การเดินทางเยือนไทยครั้งนี้จะมีโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีและพบปะกับภาคเอกชนของไทยด้วย
2. นาย Stevens ได้แสดงความขอบคุณประเทศไทยที่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในเรื่องความมั่นคงต่าง ๆ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสหรัฐฯ กับประเทศไทยซึ่งดำเนินมากว่าหนึ่งร้อยปีราบรื่นและความสัมพันธ์จะดำเนินต่อไปในทุก ๆ ด้าน สหรัฐ ฯ จะให้การสนับสนุนประเทศไทยอย่างเต็มที่ในเรื่องของความร่วมมือทางการค้าอย่างปลอดภัย ( Secure Trade ) เช่น การที่ประเทศไทยร่วมมือกับประเทศ สหรัฐ ฯ ในการตรวจสอบเอ็กซ์เรย์ตู้ Container ที่แหลมฉบัง เพื่อให้มีความมั่นใจว่าปลอดภัย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคเอกชนของไทย เนื่องจากสินค้าไทยที่ผ่านการ ตรวจสอบแล้วจะสามารถนำเข้าประเทศสหรัฐ ฯ ได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบซ้ำอีก นอกจากนี้ไทยกับสหรัฐ ฯ มีความร่วมมือกันในการใช้เครื่องดาวเทียมที่สามารถติดตาม ตู้ Container ตั้งแต่แหลมฉบังไปจนถึงเมืองซีแอตเติล ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าระหว่างการขนส่งมีผู้ก่อการร้ายเข้าแทรกแซงหรือไม่ หรือมีการเปลี่ยนตู้ Container ไปลงที่ไหนหรือไม่ ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้การส่งออกของประเทศไทยไปยังสหรัฐ ฯ เป็นไปได้อย่างดีและราบรื่น และจะเป็นประโยชน์ต่อภาคเอกชนของไทยด้วย
3. นาย Stevens แจ้งว่าจะให้การสนับสนุนการเริ่มเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหรัฐ ฯ ทั้งนี้ ตามขั้นตอนของกฎหมายของสหรัฐ ฯ ในช่วงเดือนมกราคม 2547 ประธานาธิบดีซึ่งเป็นฝ่ายบริหารจะต้องเสนอต่อรัฐสภาสหรัฐ ฯ เพื่อขอความเห็นชอบจากสภาว่าจะเริ่มการเจรจาการค้าเสรีกับประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งนาย Stevens จะให้การสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว ซึ่งในเรื่องนี้ ดร. สุรเกียรติ์ฯ เห็นว่า การเจรจาเปิดการค้าเสรีกับสหรัฐฯ จะมีประโยชน์มาก เพราะสหรัฐ ฯ เป็นตลาดที่ใหญ่มาก แต่ฝ่ายไทย จะต้องมีความรอบคอบทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยจะต้องเตรียมทำงานกันอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกพร้อมที่จะเปิดตลาดการค้าให้กับประเทศไทยถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งให้นาย Stevens ทราบเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ( ECS ) ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ริเริ่มขึ้น ซึ่ง นาย Stevens แจ้งว่าจะให้การสนับสนุนเต็มที่และในฐานะที่ตนเป็นประธานกรรมาธิการงบประมาณด้วยก็จะให้การสนับสนุน ให้ประเทศสหรัฐ ฯ เข้ามาเป็นหุ้นส่วนกับประเทศไทยในโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศลาวและประเทศกัมพูชา ส่วนประเทศพม่านั้นสหรัฐ ฯ อาจมีข้อสงวนอยู่ ซึ่งในเรื่องนี้ก็เป็นไปตามความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีที่ ต้องการชักชวนประเทศต่างๆ เข้ามาเป็นหุ้นส่วน นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และอังกฤษก็ได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วย
5. ดร.สุรเกียรติ์ ฯ แจ้งแก่นาย Stevens ว่าไทยกับสหรัฐ ฯ มีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่ต้องการเร่งให้มีกระบวนการปรองดองแห่งชาติและนำไปสู่ประชาธิปไตยในพม่า แต่วิธีการอาจมีความแตกต่างกันบ้าง เนื่องจากประเทศพม่าเป็นประเทศเพื่อนบ้านของไทย ซึ่งนาย Stevens ก็มีความเข้าใจในเรื่องนี้ดี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ผลการหารือระหว่าง ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับนาย Theodore Stevens ผู้รักษาการประธานวุฒิสภาสหรัฐ ฯ และประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภาสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2546 นาย Theodore Stevens รักษาการประธานวุฒิสภาสหรัฐ ฯ และประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภาสหรัฐฯ และคณะได้เข้าพบและหารือข้อราชการกับ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการหารือ ดร.สุรเกียรติ์ ฯ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สรุปได้ดังนี้
1. นาย Theodore Stevens เป็นบุคคลสำคัญของสหรัฐ ฯ เนื่องจากเป็นผู้รักษาการประธานวุฒิสภาและเป็นบุคคลหมายเลข 4 ของสหรัฐ ฯ รองจากประธานาธิบดี รองประธานาธิบดีและประธานรัฐสภา การเดินทางเยือนไทยครั้งนี้จะมีโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีและพบปะกับภาคเอกชนของไทยด้วย
2. นาย Stevens ได้แสดงความขอบคุณประเทศไทยที่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในเรื่องความมั่นคงต่าง ๆ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสหรัฐฯ กับประเทศไทยซึ่งดำเนินมากว่าหนึ่งร้อยปีราบรื่นและความสัมพันธ์จะดำเนินต่อไปในทุก ๆ ด้าน สหรัฐ ฯ จะให้การสนับสนุนประเทศไทยอย่างเต็มที่ในเรื่องของความร่วมมือทางการค้าอย่างปลอดภัย ( Secure Trade ) เช่น การที่ประเทศไทยร่วมมือกับประเทศ สหรัฐ ฯ ในการตรวจสอบเอ็กซ์เรย์ตู้ Container ที่แหลมฉบัง เพื่อให้มีความมั่นใจว่าปลอดภัย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคเอกชนของไทย เนื่องจากสินค้าไทยที่ผ่านการ ตรวจสอบแล้วจะสามารถนำเข้าประเทศสหรัฐ ฯ ได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบซ้ำอีก นอกจากนี้ไทยกับสหรัฐ ฯ มีความร่วมมือกันในการใช้เครื่องดาวเทียมที่สามารถติดตาม ตู้ Container ตั้งแต่แหลมฉบังไปจนถึงเมืองซีแอตเติล ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าระหว่างการขนส่งมีผู้ก่อการร้ายเข้าแทรกแซงหรือไม่ หรือมีการเปลี่ยนตู้ Container ไปลงที่ไหนหรือไม่ ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้การส่งออกของประเทศไทยไปยังสหรัฐ ฯ เป็นไปได้อย่างดีและราบรื่น และจะเป็นประโยชน์ต่อภาคเอกชนของไทยด้วย
3. นาย Stevens แจ้งว่าจะให้การสนับสนุนการเริ่มเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหรัฐ ฯ ทั้งนี้ ตามขั้นตอนของกฎหมายของสหรัฐ ฯ ในช่วงเดือนมกราคม 2547 ประธานาธิบดีซึ่งเป็นฝ่ายบริหารจะต้องเสนอต่อรัฐสภาสหรัฐ ฯ เพื่อขอความเห็นชอบจากสภาว่าจะเริ่มการเจรจาการค้าเสรีกับประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งนาย Stevens จะให้การสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว ซึ่งในเรื่องนี้ ดร. สุรเกียรติ์ฯ เห็นว่า การเจรจาเปิดการค้าเสรีกับสหรัฐฯ จะมีประโยชน์มาก เพราะสหรัฐ ฯ เป็นตลาดที่ใหญ่มาก แต่ฝ่ายไทย จะต้องมีความรอบคอบทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยจะต้องเตรียมทำงานกันอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกพร้อมที่จะเปิดตลาดการค้าให้กับประเทศไทยถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งให้นาย Stevens ทราบเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ( ECS ) ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ริเริ่มขึ้น ซึ่ง นาย Stevens แจ้งว่าจะให้การสนับสนุนเต็มที่และในฐานะที่ตนเป็นประธานกรรมาธิการงบประมาณด้วยก็จะให้การสนับสนุน ให้ประเทศสหรัฐ ฯ เข้ามาเป็นหุ้นส่วนกับประเทศไทยในโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศลาวและประเทศกัมพูชา ส่วนประเทศพม่านั้นสหรัฐ ฯ อาจมีข้อสงวนอยู่ ซึ่งในเรื่องนี้ก็เป็นไปตามความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีที่ ต้องการชักชวนประเทศต่างๆ เข้ามาเป็นหุ้นส่วน นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และอังกฤษก็ได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วย
5. ดร.สุรเกียรติ์ ฯ แจ้งแก่นาย Stevens ว่าไทยกับสหรัฐ ฯ มีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่ต้องการเร่งให้มีกระบวนการปรองดองแห่งชาติและนำไปสู่ประชาธิปไตยในพม่า แต่วิธีการอาจมีความแตกต่างกันบ้าง เนื่องจากประเทศพม่าเป็นประเทศเพื่อนบ้านของไทย ซึ่งนาย Stevens ก็มีความเข้าใจในเรื่องนี้ดี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-