ภาวะเศรษฐกิจและการเงินเดือนนี้ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ราคาข้าวเปลือกปรับสูงขึ้น การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวขึ้น และโรงงานเดิมหลายแห่งขยายการผลิตเพิ่มขึ้น การใช้จ่ายภาคเอกชนเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน
1. ภาคการเกษตร
ข้าว ข้าวเปลือกฤดูการผลิตปี 2546/2547 อยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยว คาดว่าได้ผลผลิตประมาณ 9.55 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 5.1 เนื่องจากสภาพฝนเอื้ออำนวย
ราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อน และยังคงสูงกว่าระยะเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก ราคาขายส่งเฉลี่ยข้าวเปลือกเดือนนี้ โดยข้าวเปลือกเจ้า 5% เกวียนละ 8,285 บาท สูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 46.0 ราคาข้าวเปลือกเหนียว 10% (เมล็ดยาว) เกวียนละ 5,903 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.3
มันสำปะหลัง ฤดูใหม่รุ่นที่ปลูกต้นฤดูฝนอยู่ระหว่างเติบโตทางลำต้น และลงหัว ส่วนมันสำปะหลังรุ่นที่ปลูกปลายฤดูฝน เกษตรกรกำลังเพาะปลูก ด้านราคาขายส่งเฉลี่ยหัวมันสำปะหลังกิโลกรัมละ 0.95 บาท เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนซึ่งกิโลกรัมละ 1.00 บาท ลดลงร้อยละ 5.0 มันเส้นกิโลกรัมละ 2.20 บาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.4
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เกษตรกรเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ผลผลิตที่ได้ความชื้นค่อนข้างสูง ปีนี้คาดว่าได้ผลผลิตประมาณ 0.89 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน ร้อยละ 7.2 เนื่องจากเกษตรกรลดพื้นที่ปลูกเปลี่ยนไปปลูกมันสำปะหลังและอ้อยโรงงานทดแทน ราคาขายส่งเฉลี่ยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เดือนนี้กิโลกรัมละ 4.17 บาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของ ปีก่อนร้อยละ 1.7
2. การใช้จ่ายภาคเอกชน เดือนนี้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยพิจารณาจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.7 เนื่องจากอุตสาหกรรมแป้งมัน อิเล็กทรอนิกส์ เบียร์ รวมทั้งกิจการที่โอนกำไรกลับต่างประเทศ และห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ยื่นชำระภาษีเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.2 และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.4 เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูการจำหน่าย ประกอบกับการแข่งขันทางการตลาดของบริษัทจำหน่ายรถยนต์ที่รุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีรถยนต์บางส่วนที่ชะลอการ
จดทะเบียนรถออกไป เพื่อนำไปจดทะเบียนในช่วงต้นปีหน้า ส่วนรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.4 ผลจากอยู่ในช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตเกษตร ซึ่งในปีนี้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้ผู้ซื้อรถจักรยานยนต์ (ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร) มีกำลังซื้อสูงขึ้น
ปี 2546 การใช้จ่ายภาคเอกชนในภาคฯขยายตัวดีขึ้นจากปีก่อน โดยพิจารณาจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพื่อที่อยู่อาศัย เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณที่อยู่อาศัย เป็นสำคัญ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ของประชาชนทั้งในภาคเกษตรกรรม (ตามการปรับเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตร) และนอกภาคเกษตร รวมทั้งมาตรการภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก เป็นแรงผลักดันให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่หันมาชำระภาษีในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น และโรงงานผลิตเบียร์ สุรา อุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ยื่นชำระภาษีเพิ่มขึ้น
สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.1 รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.5 และรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.8 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจมากขึ้น และมีกำลังซื้อสูงขึ้น ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำมาก และมีแหล่งสนับสนุนสินเชื่อจำนวนมาก รวมทั้งการแข่งขันกันอย่างรุนแรงของธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ในการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อส่งเสริมการขาย ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยต่ำ เงินดาวน์ต่ำ ระยะเวลาการผ่อนชำระนาน และการแจกของแถม ตลอดจนการนำรถรุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
3. การลงทุนภาคเอกชน เดือนนี้ยังดีต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจ ในภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ประกอบกับนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมของภาครัฐ ทำให้มีสินเชื่อเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดังกล่าวมากมาย อีกทั้งการให้ความรู้ทางด้านการลงทุน การดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ออกเผยแพร่ทางสื่อต่าง ๆ จึงมีการจดทะเบียนธุรกิจเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนรายและเงินลงทุน จำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น อีกทั้งการใช้ไฟฟ้าในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมสูงขึ้น
เดือนนี้ การจดทะเบียนธุรกิจ 835 ราย เงินลงทุน 550 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 21.5 และร้อยละ 230.0 ตามลำดับ การจดทะเบียนบริษัทจำกัดและ ห้างหุ้นส่วนจำกัดเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกิจการรับเหมาก่อสร้าง สำหรับกิจการขนาดใหญ่ เงินลงทุนสูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ในเดือนนี้ได้แก่ บริษัทดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ รีสอร์ท บริษัทค้ารถ โรงงานผลิตไม้ปาร์ติเคิล และธุรกิจจำหน่ายสินค้าเกษตร เป็นต้น
จำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในเดือนนี้เพิ่มขึ้น โดยมี 11 โครงการ จากระยะเดียวกันของปีก่อนที่มี 5 โครงการ แต่เงินทุนลดลง เนื่องจากโครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการ SMEs ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมด้านการเกษตร และกิจการหมู่บ้านจัดสรร และการใช้ไฟฟ้าในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5
ปี 2546 การลงทุนภาคเอกชนดีขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากมีนักลงทุน ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในภาคฯมากขึ้น โดยเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยภาพรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น นโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐก็ยังมีการผ่อนคลายเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อเอื้อให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการประกอบกิจการมากขึ้น ดูจากยอดการจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ที่เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนรายและเงินลงทุน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 และร้อยละ 22.6 ตามลำดับ ขณะที่จำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 36 เงินลงทุนลดลงร้อยละ 37.5 เนื่องจากมีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้นในปีก่อนหลายโครงการ และ ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างก็ใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 9.3 เนื่องจากมีการดำเนิน กิจกรรมต่าง ๆ ทางธุรกิจมากขึ้น
4. ภาคการก่อสร้าง เดือนนี้พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในภาคฯเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นของภาครัฐตามมาตรการส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และโครงการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญ ข้าราชการ (กบข.) ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ อีกทั้งธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน มีการแข่งขันมากขึ้นในด้านรูปแบบ ระยะเวลา และเงื่อนไขของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งมีอัตราต่ำ เป็นแรงสนับสนุนให้มีการก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในภาคฯเดือนนี้จำนวน 164,814 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.2 จากระยะเดียวกันของปีก่อน พื้นที่เพื่อที่อยู่อาศัยสัดส่วนร้อยละ 55.2 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดอุดรธานี รองลงมาเป็นจังหวัดนครราชสีมา และขอนแก่น พื้นที่เพื่อ การพาณิชย์สัดส่วนร้อยละ 20.5 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดขอนแก่น รองลงมาเป็นจังหวัดนครราชสีมา และชัยภูมิ เพื่อการบริการสัดส่วนร้อยละ 23.1 เป็นการก่อสร้างโรงมหรสพและหอพักอยู่ในจังหวัดอุดรธานี
ปี 2546 พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างทั้งปี 1,752,774 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.8 จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนเพื่อที่อยู่อาศัยร้อยละ 58.0 เพื่อการพาณิชย์ร้อยละ 25.8 และเพื่อบริการร้อยละ 13.6
5. การผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนนี้การผลิตภาคอุตสาหกรรมสำคัญของภาคฯ ยังดีต่อเนื่อง
อุตสาหกรรมน้ำตาลในเดือนนี้ โรงงานน้ำตาลทั้ง 13 แห่งในภาคฯ ได้ทำการเปิดหีบครบทุกแห่งแล้ว โดยสามารถผลิตน้ำตาลได้ 615,793 ตัน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 26.4 เนื่องจากปีนี้มีปริมาณอ้อยเข้าหีบมากกว่า ณ ระยะเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับ มีการควบคุมคุณภาพอ้อยก่อนเข้าโรงงานอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ปริมาณน้ำตาลที่ได้ต่อ 1 ตันอ้อย สูงกว่าปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับอุตสาหกรรมที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อุตสาหกรรมแหอวน ยังมีการผลิตที่อยู่ในระดับสูง ตามการส่งออกที่สดใส
ปี 2546 ภาคอุตสาหกรรม การผลิตขยายตัวในเกณฑ์ดี อุตสาหกรรมสำคัญ ในภาคฯ เช่น อุตสาหกรรมน้ำตาล อุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง อุตสาหกรรมโรงสีข้าว ขยายตัวเพิ่มขึ้น
6. ภาคการจ้างงาน
การจัดหางานของภาคฯเดือนนี้เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ความต้องการแรงงานจำนวน 7,374 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี ผู้สมัครงานจำนวน 3,483 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดมุกดาหาร สกลนคร และนครราชสีมา ส่วนผู้ที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงานจำนวน 954 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา มุกดาหาร และชัยภูมิ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการได้รับบรรจุเข้าทำงานร้อยละ 12.9 ของตำแหน่งงานว่างตามความเคลื่อนไหวของตลาดแรงงาน อายุของแรงงานที่ต้องการอยู่ระหว่าง 18-24 ปี และวุฒิการศึกษาที่ต้องการคือระดับอาชีวศึกษา ได้แก่ วุฒิ ปวช. (ประกาศนียบัตรวิชาชีพ) ปวท. (ประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค) และ ปวส. (ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง)
ปี 2546 การจัดหางานภาครัฐเมื่อเทียบกับปีก่อน ความต้องการแรงงาน 109,690 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา และสุรินทร์ ผู้สมัครงาน 57,868 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 58.9 อยู่ในจังหวัดนครราชสีมาเป็นส่วนใหญ่ และผู้ได้รับการบรรจุ เข้าทำงาน 14,788 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.0 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดศรีสะเกษและนครราชสีมา
สำหรับแรงงานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศเดือนนี้ จำนวน 6,940 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 จากระยะเดียวกันของปีก่อน อุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีแรงงานเดินทางไปทำงานต่างประเทศมากที่สุดในภาคฯ รองลงมาคือนครราชสีมาและขอนแก่น ประเทศที่แรงงานในภาคฯเดินทางไปทำงานมากที่สุดคือ ไต้หวัน จำนวน 4,128 คน รองลงมาเป็นเกาหลีใต้ จำนวน 753 คน สิงคโปร์ จำนวน 491 คน บรูไน จำนวน 276 คน ลิเบีย จำนวน 246 คน และฮ่องกง จำนวน 187 คน รวมจำนวนแรงงานที่เดินทางไปทำงานใน 6 ประเทศ จำนวน 6,081 คน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 87.6 ของแรงงานทั้งภาคฯที่เดินทางไปทำงานในต่างประเทศเดือนนี้ โดยงานส่วนใหญ่เป็นงานด้านช่างและผู้ใช้อุปกรณ์ในการขนส่ง ซึ่งมีวุฒิการศึกษาประถมศึกษาปีที่ 6
ปี 2546 แรงงานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศทั้งปี 97,475 คน ลดลง ร้อยละ10.0 จากปีก่อน เนื่องจากมีผลกระทบในไตรมาสแรกต่อเนื่องไตรมาสที่สองของปีเกิดภาวะโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน (SARs) ในประเทศเพื่อนบ้าน สาธารณรัฐประชาชนจีน และไต้หวัน อีกทั้งมาตรการที่เข้มงวดด้านแรงงานและการลดสวัสดิการของแรงงานต่างประเทศของประเทศไต้หวันและมาเลเซีย จึงส่งผลให้บริษัทผู้จ้างงานในต่างประเทศชะลอและเลื่อนระยะเวลาการเดินทางไปทำงานของแรงงานจากประเทศไทย โดยในปีนี้แรงงานจากจังหวัดอุดรธานีเดินทางไปทำงานมากที่สุดในภาคฯ รองลงมาเป็นแรงงานจากจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น บุรีรัมย์ และชัยภูมิ
7. การค้าชายแดนไทย-ลาว มูลค่าการค้าชายแดนไทย-ลาวของภาคฯเดือนนี้ ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่าการค้า 1,788.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.6 เนื่องจากมูลค่าการส่งออก 1,431.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.7 เป็นการลดลงของสินค้าหมวดอุปโภคบริโภคเป็นสำคัญ สาเหตุจากสินค้าจากตลาดจีนเข้าสู่ตลาด สปป.ลาว มากขึ้น เช่น ยานพาหนะและอุปกรณ์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกันมูลค่าการนำเข้า 356.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.4 เนื่องจากมีการนำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปลดลง
มูลค่าการส่งออก 1,431.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.7 สินค้าส่งออกสำคัญที่ลดลงได้แก่ สินค้าหมวดอุปโภคบริโภค 407.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.6 ส่วนสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้แก่ สินค้าหมวดวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบ 115.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 สินค้าหมวดทุน 141.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 และสินค้าหมวดเชื้อเพลิงอื่น ๆ 278.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.5 ตามรายละเอียดดังนี้
สินค้าอุปโภคบริโภค 407.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.6 สินค้าสำคัญที่ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะและอุปกรณ์ 106.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 36.5 เนื่องจากมีสินค้าจากจีนเข้าสู่ตลาด สปป.ลาว มากขึ้น และราคาถูกกว่าสินค้าที่นำเข้าจากไทย ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า 101.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.0
สินค้าวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบ 115.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 อุปกรณ์ตัดเย็บ 28.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.1 เหล็กและเหล็กกล้า 26.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 สินค้าที่ลดลงได้แก่ ผ้าผืน 41.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7.1
สินค้าทุน 141.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้นได้แก่ วัสดุก่อสร้าง 110.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.8 ส่วนสินค้าที่สำคัญที่ลดลง คือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ 141.4 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 สาเหตุจากมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานใน สปป.ลาว ซึ่งได้รับเงินกู้และเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นสำคัญ
สินค้าอื่น ๆ น้ำมันปิโตรเลียมและเชื้อเพลิง 278.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.5
มูลค่าการนำเข้า 356.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.4 สินค้าสำคัญที่ลดลงยังคงเป็นไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 272.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19.2 ของป่า 4.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 72.3 ส่วนสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้แก่ สินแร่ 1.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.7 พืชไร่ 35.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัว
ปี 2546 การค้าชายแดนไทย-ลาว เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน มูลค่าการค้าทั้งสิ้น 20,613.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 เนื่องจากการส่งออก 16,562.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 เป็นการเพิ่มขึ้นของสินค้าหมวดทุนและสินค้าวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบ สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง เหล็กและเหล็กกล้า เนื่องจาก สปป.ลาว มีโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยได้รับเงินกู้และเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นหลัก สำหรับการนำเข้า 4,050.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้เป็นสำคัญ
8. ภาคการเงิน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2546 ธนาคารพาณิชย์ในภาคฯมีสาขาทั้งสิ้น 482 สำนักงาน (รวมสาขาย่อย 54 สำนักงาน) เพิ่มขึ้น 3 สำนักงานจากเดือนก่อน
จากข้อมูลเบื้องต้น ธนาคารพาณิชย์ในภาคฯมีเงินฝากคงค้าง 267,178.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 จากระยะเดียวกันของปีก่อน และมียอดสินเชื่อคงค้าง 199,914.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากระยะเดียวกันของปีก่อนซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยส่วนบุคคล เป็นต้น ทั้งนี้ อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากลดลงจากปีก่อนจากอัตราส่วนร้อยละ 76.0 มาอยู่ที่ร้อยละ 74.8
สินเชื่อธนาคารอาคารสงเคราะห์คงค้างเดือนนี้ 39,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3 จากระยะเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นการให้สินเชื่อของจังหวัดขอนแก่น รองลงมาเป็นจังหวัดอุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี และสกลนคร
9. ภาคการคลังรัฐบาล เดือนนี้การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในภาคฯเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 27.7 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท ยกเว้นภาษี ดอกเบี้ยเงินฝาก โดยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 ผลจากการจัดเก็บรายได้ หัก ณ ที่จ่าย เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเงินได้จากการขายพืชผลทางการเกษตรและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเร่งโอนให้ทันก่อนสิ้นปี ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.2 ตามผลการประกอบการที่ดีขึ้นของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจเกษตร ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่โอนกำไรกลับไปต่างประเทศยื่นชำระภาษีเพิ่มขึ้นมาก
ภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 เนื่องจากอุตสาหกรรมแป้งมัน อิเล็กทรอนิกส์ และเบียร์ รวมทั้งกิจการที่โอนกำไรกลับต่างประเทศ และห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ยื่นชำระภาษี เพิ่มขึ้น ภาษีสุราเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 47.1 ผลการจัดเก็บภาษีเบียร์เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสริมจากการจัดเก็บภาษีสุราแช่พื้นเมือง สุราผลไม้ และสุรากลั่นชุมชน เพิ่มขึ้น ด้านการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 เนื่องจากการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 และรายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 ผลจากการเบิกจ่ายงบประมาณผูกพันจากปีก่อนเพิ่มขึ้น
ปี 2546 การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในภาคฯเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 15.3 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นทั้งจากฐานรายได้และฐานการบริโภคของประชาชน ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และการใช้จ่ายของประชาชนที่มากขึ้น ประกอบกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ ได้แก่ การให้บริการยื่นแบบชำระภาษีผ่านระบบ internet และมีระบบการกำกับดูแลผู้เสียภาษี ทำให้ผู้เสียภาษีสมัครใจเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น
ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณกลับลดลงร้อยละ 2.7 ผลจากการปฏิรูประบบราชการ ประกอบกับการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนโครงการถ่ายโอนงาน หรือกิจกรรมการบริการสาธารณะที่ถ่ายโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้น
10. ระดับราคา อัตราเงินเฟ้อ วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปในภาคฯสูงขึ้นร้อยละ 2.3 จากระยะเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 4.4 โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้นคือ ผักและผลไม้ ซึ่งมีปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดลดลง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่งปรับราคาสูงขึ้น สำหรับราคาสินค้าในหมวดอื่น ๆ
ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 1.2 สินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ สินค้าในหมวดพาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง
ปี 2546 อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นร้อยละ 2.2 เป็นผลจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 4.1 โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้นคือ ผักและผลไม้ เนื่องจากปริมาณ ผลผลิตเข้าสู่ตลาดน้อยกว่าความต้องการอีกทั้งต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับราคาสูงขึ้น และราคาสินค้าในหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 1.2 สินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ สินค้าในหมวดพาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับสูงขึ้นตามราคาตลาดโลกและตลาดน้ำมันสิงคโปร์
--ธนาคารแห่งประเทศไทย /สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ--
-ยก-
1. ภาคการเกษตร
ข้าว ข้าวเปลือกฤดูการผลิตปี 2546/2547 อยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยว คาดว่าได้ผลผลิตประมาณ 9.55 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 5.1 เนื่องจากสภาพฝนเอื้ออำนวย
ราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อน และยังคงสูงกว่าระยะเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก ราคาขายส่งเฉลี่ยข้าวเปลือกเดือนนี้ โดยข้าวเปลือกเจ้า 5% เกวียนละ 8,285 บาท สูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 46.0 ราคาข้าวเปลือกเหนียว 10% (เมล็ดยาว) เกวียนละ 5,903 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.3
มันสำปะหลัง ฤดูใหม่รุ่นที่ปลูกต้นฤดูฝนอยู่ระหว่างเติบโตทางลำต้น และลงหัว ส่วนมันสำปะหลังรุ่นที่ปลูกปลายฤดูฝน เกษตรกรกำลังเพาะปลูก ด้านราคาขายส่งเฉลี่ยหัวมันสำปะหลังกิโลกรัมละ 0.95 บาท เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนซึ่งกิโลกรัมละ 1.00 บาท ลดลงร้อยละ 5.0 มันเส้นกิโลกรัมละ 2.20 บาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.4
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เกษตรกรเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ผลผลิตที่ได้ความชื้นค่อนข้างสูง ปีนี้คาดว่าได้ผลผลิตประมาณ 0.89 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน ร้อยละ 7.2 เนื่องจากเกษตรกรลดพื้นที่ปลูกเปลี่ยนไปปลูกมันสำปะหลังและอ้อยโรงงานทดแทน ราคาขายส่งเฉลี่ยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เดือนนี้กิโลกรัมละ 4.17 บาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของ ปีก่อนร้อยละ 1.7
2. การใช้จ่ายภาคเอกชน เดือนนี้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยพิจารณาจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.7 เนื่องจากอุตสาหกรรมแป้งมัน อิเล็กทรอนิกส์ เบียร์ รวมทั้งกิจการที่โอนกำไรกลับต่างประเทศ และห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ยื่นชำระภาษีเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.2 และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.4 เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูการจำหน่าย ประกอบกับการแข่งขันทางการตลาดของบริษัทจำหน่ายรถยนต์ที่รุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีรถยนต์บางส่วนที่ชะลอการ
จดทะเบียนรถออกไป เพื่อนำไปจดทะเบียนในช่วงต้นปีหน้า ส่วนรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.4 ผลจากอยู่ในช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตเกษตร ซึ่งในปีนี้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้ผู้ซื้อรถจักรยานยนต์ (ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร) มีกำลังซื้อสูงขึ้น
ปี 2546 การใช้จ่ายภาคเอกชนในภาคฯขยายตัวดีขึ้นจากปีก่อน โดยพิจารณาจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพื่อที่อยู่อาศัย เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณที่อยู่อาศัย เป็นสำคัญ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ของประชาชนทั้งในภาคเกษตรกรรม (ตามการปรับเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตร) และนอกภาคเกษตร รวมทั้งมาตรการภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก เป็นแรงผลักดันให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่หันมาชำระภาษีในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น และโรงงานผลิตเบียร์ สุรา อุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ยื่นชำระภาษีเพิ่มขึ้น
สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.1 รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.5 และรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.8 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจมากขึ้น และมีกำลังซื้อสูงขึ้น ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำมาก และมีแหล่งสนับสนุนสินเชื่อจำนวนมาก รวมทั้งการแข่งขันกันอย่างรุนแรงของธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ในการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อส่งเสริมการขาย ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยต่ำ เงินดาวน์ต่ำ ระยะเวลาการผ่อนชำระนาน และการแจกของแถม ตลอดจนการนำรถรุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
3. การลงทุนภาคเอกชน เดือนนี้ยังดีต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจ ในภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ประกอบกับนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมของภาครัฐ ทำให้มีสินเชื่อเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดังกล่าวมากมาย อีกทั้งการให้ความรู้ทางด้านการลงทุน การดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ออกเผยแพร่ทางสื่อต่าง ๆ จึงมีการจดทะเบียนธุรกิจเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนรายและเงินลงทุน จำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น อีกทั้งการใช้ไฟฟ้าในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมสูงขึ้น
เดือนนี้ การจดทะเบียนธุรกิจ 835 ราย เงินลงทุน 550 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 21.5 และร้อยละ 230.0 ตามลำดับ การจดทะเบียนบริษัทจำกัดและ ห้างหุ้นส่วนจำกัดเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกิจการรับเหมาก่อสร้าง สำหรับกิจการขนาดใหญ่ เงินลงทุนสูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ในเดือนนี้ได้แก่ บริษัทดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ รีสอร์ท บริษัทค้ารถ โรงงานผลิตไม้ปาร์ติเคิล และธุรกิจจำหน่ายสินค้าเกษตร เป็นต้น
จำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในเดือนนี้เพิ่มขึ้น โดยมี 11 โครงการ จากระยะเดียวกันของปีก่อนที่มี 5 โครงการ แต่เงินทุนลดลง เนื่องจากโครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการ SMEs ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมด้านการเกษตร และกิจการหมู่บ้านจัดสรร และการใช้ไฟฟ้าในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5
ปี 2546 การลงทุนภาคเอกชนดีขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากมีนักลงทุน ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในภาคฯมากขึ้น โดยเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยภาพรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น นโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐก็ยังมีการผ่อนคลายเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อเอื้อให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการประกอบกิจการมากขึ้น ดูจากยอดการจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ที่เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนรายและเงินลงทุน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 และร้อยละ 22.6 ตามลำดับ ขณะที่จำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 36 เงินลงทุนลดลงร้อยละ 37.5 เนื่องจากมีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้นในปีก่อนหลายโครงการ และ ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างก็ใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 9.3 เนื่องจากมีการดำเนิน กิจกรรมต่าง ๆ ทางธุรกิจมากขึ้น
4. ภาคการก่อสร้าง เดือนนี้พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในภาคฯเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นของภาครัฐตามมาตรการส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และโครงการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญ ข้าราชการ (กบข.) ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ อีกทั้งธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน มีการแข่งขันมากขึ้นในด้านรูปแบบ ระยะเวลา และเงื่อนไขของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งมีอัตราต่ำ เป็นแรงสนับสนุนให้มีการก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในภาคฯเดือนนี้จำนวน 164,814 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.2 จากระยะเดียวกันของปีก่อน พื้นที่เพื่อที่อยู่อาศัยสัดส่วนร้อยละ 55.2 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดอุดรธานี รองลงมาเป็นจังหวัดนครราชสีมา และขอนแก่น พื้นที่เพื่อ การพาณิชย์สัดส่วนร้อยละ 20.5 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดขอนแก่น รองลงมาเป็นจังหวัดนครราชสีมา และชัยภูมิ เพื่อการบริการสัดส่วนร้อยละ 23.1 เป็นการก่อสร้างโรงมหรสพและหอพักอยู่ในจังหวัดอุดรธานี
ปี 2546 พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างทั้งปี 1,752,774 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.8 จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนเพื่อที่อยู่อาศัยร้อยละ 58.0 เพื่อการพาณิชย์ร้อยละ 25.8 และเพื่อบริการร้อยละ 13.6
5. การผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนนี้การผลิตภาคอุตสาหกรรมสำคัญของภาคฯ ยังดีต่อเนื่อง
อุตสาหกรรมน้ำตาลในเดือนนี้ โรงงานน้ำตาลทั้ง 13 แห่งในภาคฯ ได้ทำการเปิดหีบครบทุกแห่งแล้ว โดยสามารถผลิตน้ำตาลได้ 615,793 ตัน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 26.4 เนื่องจากปีนี้มีปริมาณอ้อยเข้าหีบมากกว่า ณ ระยะเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับ มีการควบคุมคุณภาพอ้อยก่อนเข้าโรงงานอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ปริมาณน้ำตาลที่ได้ต่อ 1 ตันอ้อย สูงกว่าปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับอุตสาหกรรมที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อุตสาหกรรมแหอวน ยังมีการผลิตที่อยู่ในระดับสูง ตามการส่งออกที่สดใส
ปี 2546 ภาคอุตสาหกรรม การผลิตขยายตัวในเกณฑ์ดี อุตสาหกรรมสำคัญ ในภาคฯ เช่น อุตสาหกรรมน้ำตาล อุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง อุตสาหกรรมโรงสีข้าว ขยายตัวเพิ่มขึ้น
6. ภาคการจ้างงาน
การจัดหางานของภาคฯเดือนนี้เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ความต้องการแรงงานจำนวน 7,374 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี ผู้สมัครงานจำนวน 3,483 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดมุกดาหาร สกลนคร และนครราชสีมา ส่วนผู้ที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงานจำนวน 954 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา มุกดาหาร และชัยภูมิ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการได้รับบรรจุเข้าทำงานร้อยละ 12.9 ของตำแหน่งงานว่างตามความเคลื่อนไหวของตลาดแรงงาน อายุของแรงงานที่ต้องการอยู่ระหว่าง 18-24 ปี และวุฒิการศึกษาที่ต้องการคือระดับอาชีวศึกษา ได้แก่ วุฒิ ปวช. (ประกาศนียบัตรวิชาชีพ) ปวท. (ประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค) และ ปวส. (ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง)
ปี 2546 การจัดหางานภาครัฐเมื่อเทียบกับปีก่อน ความต้องการแรงงาน 109,690 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา และสุรินทร์ ผู้สมัครงาน 57,868 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 58.9 อยู่ในจังหวัดนครราชสีมาเป็นส่วนใหญ่ และผู้ได้รับการบรรจุ เข้าทำงาน 14,788 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.0 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดศรีสะเกษและนครราชสีมา
สำหรับแรงงานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศเดือนนี้ จำนวน 6,940 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 จากระยะเดียวกันของปีก่อน อุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีแรงงานเดินทางไปทำงานต่างประเทศมากที่สุดในภาคฯ รองลงมาคือนครราชสีมาและขอนแก่น ประเทศที่แรงงานในภาคฯเดินทางไปทำงานมากที่สุดคือ ไต้หวัน จำนวน 4,128 คน รองลงมาเป็นเกาหลีใต้ จำนวน 753 คน สิงคโปร์ จำนวน 491 คน บรูไน จำนวน 276 คน ลิเบีย จำนวน 246 คน และฮ่องกง จำนวน 187 คน รวมจำนวนแรงงานที่เดินทางไปทำงานใน 6 ประเทศ จำนวน 6,081 คน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 87.6 ของแรงงานทั้งภาคฯที่เดินทางไปทำงานในต่างประเทศเดือนนี้ โดยงานส่วนใหญ่เป็นงานด้านช่างและผู้ใช้อุปกรณ์ในการขนส่ง ซึ่งมีวุฒิการศึกษาประถมศึกษาปีที่ 6
ปี 2546 แรงงานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศทั้งปี 97,475 คน ลดลง ร้อยละ10.0 จากปีก่อน เนื่องจากมีผลกระทบในไตรมาสแรกต่อเนื่องไตรมาสที่สองของปีเกิดภาวะโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน (SARs) ในประเทศเพื่อนบ้าน สาธารณรัฐประชาชนจีน และไต้หวัน อีกทั้งมาตรการที่เข้มงวดด้านแรงงานและการลดสวัสดิการของแรงงานต่างประเทศของประเทศไต้หวันและมาเลเซีย จึงส่งผลให้บริษัทผู้จ้างงานในต่างประเทศชะลอและเลื่อนระยะเวลาการเดินทางไปทำงานของแรงงานจากประเทศไทย โดยในปีนี้แรงงานจากจังหวัดอุดรธานีเดินทางไปทำงานมากที่สุดในภาคฯ รองลงมาเป็นแรงงานจากจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น บุรีรัมย์ และชัยภูมิ
7. การค้าชายแดนไทย-ลาว มูลค่าการค้าชายแดนไทย-ลาวของภาคฯเดือนนี้ ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่าการค้า 1,788.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.6 เนื่องจากมูลค่าการส่งออก 1,431.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.7 เป็นการลดลงของสินค้าหมวดอุปโภคบริโภคเป็นสำคัญ สาเหตุจากสินค้าจากตลาดจีนเข้าสู่ตลาด สปป.ลาว มากขึ้น เช่น ยานพาหนะและอุปกรณ์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกันมูลค่าการนำเข้า 356.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.4 เนื่องจากมีการนำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปลดลง
มูลค่าการส่งออก 1,431.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.7 สินค้าส่งออกสำคัญที่ลดลงได้แก่ สินค้าหมวดอุปโภคบริโภค 407.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.6 ส่วนสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้แก่ สินค้าหมวดวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบ 115.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 สินค้าหมวดทุน 141.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 และสินค้าหมวดเชื้อเพลิงอื่น ๆ 278.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.5 ตามรายละเอียดดังนี้
สินค้าอุปโภคบริโภค 407.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.6 สินค้าสำคัญที่ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะและอุปกรณ์ 106.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 36.5 เนื่องจากมีสินค้าจากจีนเข้าสู่ตลาด สปป.ลาว มากขึ้น และราคาถูกกว่าสินค้าที่นำเข้าจากไทย ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า 101.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.0
สินค้าวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบ 115.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 อุปกรณ์ตัดเย็บ 28.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.1 เหล็กและเหล็กกล้า 26.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 สินค้าที่ลดลงได้แก่ ผ้าผืน 41.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7.1
สินค้าทุน 141.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้นได้แก่ วัสดุก่อสร้าง 110.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.8 ส่วนสินค้าที่สำคัญที่ลดลง คือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ 141.4 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 สาเหตุจากมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานใน สปป.ลาว ซึ่งได้รับเงินกู้และเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นสำคัญ
สินค้าอื่น ๆ น้ำมันปิโตรเลียมและเชื้อเพลิง 278.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.5
มูลค่าการนำเข้า 356.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.4 สินค้าสำคัญที่ลดลงยังคงเป็นไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 272.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19.2 ของป่า 4.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 72.3 ส่วนสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้แก่ สินแร่ 1.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.7 พืชไร่ 35.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัว
ปี 2546 การค้าชายแดนไทย-ลาว เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน มูลค่าการค้าทั้งสิ้น 20,613.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 เนื่องจากการส่งออก 16,562.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 เป็นการเพิ่มขึ้นของสินค้าหมวดทุนและสินค้าวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบ สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง เหล็กและเหล็กกล้า เนื่องจาก สปป.ลาว มีโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยได้รับเงินกู้และเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นหลัก สำหรับการนำเข้า 4,050.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้เป็นสำคัญ
8. ภาคการเงิน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2546 ธนาคารพาณิชย์ในภาคฯมีสาขาทั้งสิ้น 482 สำนักงาน (รวมสาขาย่อย 54 สำนักงาน) เพิ่มขึ้น 3 สำนักงานจากเดือนก่อน
จากข้อมูลเบื้องต้น ธนาคารพาณิชย์ในภาคฯมีเงินฝากคงค้าง 267,178.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 จากระยะเดียวกันของปีก่อน และมียอดสินเชื่อคงค้าง 199,914.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากระยะเดียวกันของปีก่อนซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยส่วนบุคคล เป็นต้น ทั้งนี้ อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากลดลงจากปีก่อนจากอัตราส่วนร้อยละ 76.0 มาอยู่ที่ร้อยละ 74.8
สินเชื่อธนาคารอาคารสงเคราะห์คงค้างเดือนนี้ 39,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3 จากระยะเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นการให้สินเชื่อของจังหวัดขอนแก่น รองลงมาเป็นจังหวัดอุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี และสกลนคร
9. ภาคการคลังรัฐบาล เดือนนี้การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในภาคฯเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 27.7 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท ยกเว้นภาษี ดอกเบี้ยเงินฝาก โดยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 ผลจากการจัดเก็บรายได้ หัก ณ ที่จ่าย เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเงินได้จากการขายพืชผลทางการเกษตรและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเร่งโอนให้ทันก่อนสิ้นปี ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.2 ตามผลการประกอบการที่ดีขึ้นของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจเกษตร ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่โอนกำไรกลับไปต่างประเทศยื่นชำระภาษีเพิ่มขึ้นมาก
ภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 เนื่องจากอุตสาหกรรมแป้งมัน อิเล็กทรอนิกส์ และเบียร์ รวมทั้งกิจการที่โอนกำไรกลับต่างประเทศ และห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ยื่นชำระภาษี เพิ่มขึ้น ภาษีสุราเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 47.1 ผลการจัดเก็บภาษีเบียร์เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสริมจากการจัดเก็บภาษีสุราแช่พื้นเมือง สุราผลไม้ และสุรากลั่นชุมชน เพิ่มขึ้น ด้านการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 เนื่องจากการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 และรายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 ผลจากการเบิกจ่ายงบประมาณผูกพันจากปีก่อนเพิ่มขึ้น
ปี 2546 การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในภาคฯเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 15.3 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นทั้งจากฐานรายได้และฐานการบริโภคของประชาชน ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และการใช้จ่ายของประชาชนที่มากขึ้น ประกอบกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ ได้แก่ การให้บริการยื่นแบบชำระภาษีผ่านระบบ internet และมีระบบการกำกับดูแลผู้เสียภาษี ทำให้ผู้เสียภาษีสมัครใจเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น
ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณกลับลดลงร้อยละ 2.7 ผลจากการปฏิรูประบบราชการ ประกอบกับการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนโครงการถ่ายโอนงาน หรือกิจกรรมการบริการสาธารณะที่ถ่ายโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้น
10. ระดับราคา อัตราเงินเฟ้อ วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปในภาคฯสูงขึ้นร้อยละ 2.3 จากระยะเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 4.4 โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้นคือ ผักและผลไม้ ซึ่งมีปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดลดลง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่งปรับราคาสูงขึ้น สำหรับราคาสินค้าในหมวดอื่น ๆ
ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 1.2 สินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ สินค้าในหมวดพาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง
ปี 2546 อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นร้อยละ 2.2 เป็นผลจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 4.1 โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้นคือ ผักและผลไม้ เนื่องจากปริมาณ ผลผลิตเข้าสู่ตลาดน้อยกว่าความต้องการอีกทั้งต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับราคาสูงขึ้น และราคาสินค้าในหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 1.2 สินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ สินค้าในหมวดพาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับสูงขึ้นตามราคาตลาดโลกและตลาดน้ำมันสิงคโปร์
--ธนาคารแห่งประเทศไทย /สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ--
-ยก-