แท็ก
ตลาดหลักทรัพย์
1. ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน
-ผลประกอบการและสภาพคล่องในไตรมาสที่ 3 ปี 2547
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2547 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินยังคงมีผลประกอบการที่อยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 12.2 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อนมาเป็นร้อยละ 13.2 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้พิเศษจากการปรับโครงสร้างหนี้ของบางบริษัท อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) แล้วจะพบว่ามีการปรับตัวลดลงจากร้อยละ 27.0 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อนมาเป็นร้อยละ 21.4 ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
สำหรับแนวโน้มของอัตรากำไรสุทธิของกลุ่มธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนนั้น กลุ่มการผลิตภาคอุตสาหกรรมมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 13.4 จากร้อยละ 8.3 ขณะที่ในอีก 3 กลุ่มที่เหลือมีแนวโน้มลดลง โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลงเหลือร้อยละ 23.1 จากร้อยละ 33.4 กลุ่มรับเหมาก่อสร้างลดลงเหลือร้อยละ 4.1 จากร้อยละ 12.2 และกลุ่มพาณิชย์ลดลงเหลือร้อยละ 3.0 จากร้อยละ 3.3
สภาพคล่องของภาคธุรกิจยังคงอยู่ในระดับสูง โดยอัตราส่วนเงินสดต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ร้อยละ 6.5 เทียบกับร้อยละ 5.7 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน และสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 2.2
-โครงสร้างทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้
โครงสร้างทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนฯยังแสดงความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2547 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity ratio: D/E) ลดลงเหลือเพียง 1.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤติที่ 1.7 เท่า ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยอัตราส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายและภาษีต่อดอกเบี้ยจ่าย (Time Interest Earned: TIE) เพิ่มขึ้นเป็น 8.4 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤติที่ 3.2 เท่า ซึ่งเป็นผลจากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงเหลือร้อยละ 1.7 ของรายได้รวม เทียบกับร้อยละ 2.5 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน รวมทั้งการที่บริษัทจดทะเบียนฯ มีกำไรสะสมสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4
-แนวโน้มการลงทุน
สัญาณการลงทุนของกลุ่มการผลิตในภาคอุตสาหกรรมยังคงมีความชัดเจน แสดงจากการสะสมสินทรัพย์ถาวรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากต้นปี 2546
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ผลประกอบการและสภาพคล่องในไตรมาสที่ 3 ปี 2547
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2547 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินยังคงมีผลประกอบการที่อยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 12.2 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อนมาเป็นร้อยละ 13.2 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้พิเศษจากการปรับโครงสร้างหนี้ของบางบริษัท อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) แล้วจะพบว่ามีการปรับตัวลดลงจากร้อยละ 27.0 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อนมาเป็นร้อยละ 21.4 ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
สำหรับแนวโน้มของอัตรากำไรสุทธิของกลุ่มธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนนั้น กลุ่มการผลิตภาคอุตสาหกรรมมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 13.4 จากร้อยละ 8.3 ขณะที่ในอีก 3 กลุ่มที่เหลือมีแนวโน้มลดลง โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลงเหลือร้อยละ 23.1 จากร้อยละ 33.4 กลุ่มรับเหมาก่อสร้างลดลงเหลือร้อยละ 4.1 จากร้อยละ 12.2 และกลุ่มพาณิชย์ลดลงเหลือร้อยละ 3.0 จากร้อยละ 3.3
สภาพคล่องของภาคธุรกิจยังคงอยู่ในระดับสูง โดยอัตราส่วนเงินสดต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ร้อยละ 6.5 เทียบกับร้อยละ 5.7 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน และสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 2.2
-โครงสร้างทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้
โครงสร้างทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนฯยังแสดงความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2547 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity ratio: D/E) ลดลงเหลือเพียง 1.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤติที่ 1.7 เท่า ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยอัตราส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายและภาษีต่อดอกเบี้ยจ่าย (Time Interest Earned: TIE) เพิ่มขึ้นเป็น 8.4 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยก่อนวิกฤติที่ 3.2 เท่า ซึ่งเป็นผลจากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงเหลือร้อยละ 1.7 ของรายได้รวม เทียบกับร้อยละ 2.5 ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน รวมทั้งการที่บริษัทจดทะเบียนฯ มีกำไรสะสมสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4
-แนวโน้มการลงทุน
สัญาณการลงทุนของกลุ่มการผลิตในภาคอุตสาหกรรมยังคงมีความชัดเจน แสดงจากการสะสมสินทรัพย์ถาวรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากต้นปี 2546
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--