นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เนื่อง จาก ปี 2547 เป็นปีแห่งการเคลื่อนไหวเตรียมการเลือกตั้งใหญ่ในเดือน กุมภาพันธ์ 2548 และจะเป็นปีที่มีการเลือกตั้งท้องถิ่น ในปี 2547 ทั้ง ผู้ว่า กทม. อบจ. เทศบาล และ อบต. ตลอดทั้งปีประมาณ 2,859 แห่ง ช่วงเดือน ก.พ — มี.ค 2547 จะมีการเลือกตั้ง 483 แห่ง คือ เทศบาล และ อบจ. โดยเฉพาะช่วงเดือน ก.ค - ก.ย 2547 จะมีการเลือกตั้งมากที่สุดถึง 2,176 แห่ง
นายองอาจกล่าวว่า จากการเฝ้าประมวลข้อมูล ของพรรคประชาธิปัตย์ พบว่า พรรคไทยรักไทย ในฐานะผู้ครอบครองอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จ ได้ กำหนดนโยบายโดยใช้เงินแผ่นดินแปรเป็นนโยบายเพื่อหวังผลการเลือกตั้งทุกระดับ ดังนี้
1) ผู้ว่าฯ ซีอีโอ. ทุกจังหวัด ใช้อำนาจเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2547 เป็นต้นไป ฉะนั้น สัญญาณใด ๆ จาก นายกฯ ทักษิณ จะได้รับการปฎิบัติทันที .. หากไม่ได้ผลตามเป้า ก็จะถูกประเมิน และ ปรับออกไป
2) ขึ้นทะเบียนคนจน ตามโครงการ แปลงสินทรัพย์เป็นทุน อยู่ระหว่างดำเนินการ เม็ดเงิน เกือบ 6 หมื่นล้านบาท ที่จะแจกลงไปในเดือนกรกฎาคม 2547 เป็นจังหวะเดียวที่กำลังมีการเลือกตั้งท้องถิ่นหลายพื้นที่
3) งบกลางปี 2547 1.35 แสนล้าน อำนาจใช้จ่ายขึ้นอยู่กับ นายกฯ ทักษิณ คนเดียว โดยมีเป้าหมาย การใช้จ่ายเงิน ดังนี้
- บำเหน็จดำรงชี พ 33,040 ล้านบาท
- จ่ายโครงการเกษียรอายุราชการก่อนกำหนด 14,590 ล้านบาท
- ค่าตอบแทนบุคลากรของรัฐ 16,570 ล้านบาท
** ทั้ง 3 รายการ จะเบิกจ่ายในช่วง เดือนมีนาคม 2547 ซึ่งตรงกับการเลือกตั้ง อบจ . พอดี
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการแข่งขันและการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน 59,000 ล้านบาท
ยังไม่มีรายละเอียดการใช้จ่ายในรายการนี้ พรรคประชาธิปัตย์ จะทำหน้าที่ ตรวจสอบ เมื่องบประมาณกลางปี เข้าสู่การพิจารณาในสภา ฯ ในเดือน กุมภาพันธ์ นี้
สำคัญที่สุด คือ งบแจกให้ท้องถิ่นถึง 12,300 ล้านบาท ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ที่ ผู้ว่า ซีอีโอ. ได้ประชุม เสนอแผน เซ็นต์สัญญากับ นายกฯ ทักษิณ ไปแล้ว เมื่อปลายปีที่ผ่านมา…ขอให้พี่น้องประชาชนจับตาดูเงินดังกล่าวจะพลงไปในเขตที่มีผู้สมัครกลุ่มไทยรักไทยลงสมัครโดยส่วนใหญ่หรือไม่
จะเห็นว่า เงินแผ่นดินถึง 1.35 แสนล้าน มีการระดมใช้ตั้งแต่ ต้นปี เป็นต้นไป และ ปริมาณเงินจะออกมามากในช่วงกลางปี ซึ่งตรงกับช่วงที่มีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเกือบทั่วประเทศ ซึ่งด้วยปริมาณเงินมหาศาลเช่นนี้ ย่อมส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจบ้าง แต่การใช้เงินเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เป็นกระบวนการที่สร้างวิถีที่เป็นอันตรายทั้งระบบการคลังและประชาธิปไตย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 04/01/47--จบ--
-สส-
นายองอาจกล่าวว่า จากการเฝ้าประมวลข้อมูล ของพรรคประชาธิปัตย์ พบว่า พรรคไทยรักไทย ในฐานะผู้ครอบครองอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จ ได้ กำหนดนโยบายโดยใช้เงินแผ่นดินแปรเป็นนโยบายเพื่อหวังผลการเลือกตั้งทุกระดับ ดังนี้
1) ผู้ว่าฯ ซีอีโอ. ทุกจังหวัด ใช้อำนาจเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2547 เป็นต้นไป ฉะนั้น สัญญาณใด ๆ จาก นายกฯ ทักษิณ จะได้รับการปฎิบัติทันที .. หากไม่ได้ผลตามเป้า ก็จะถูกประเมิน และ ปรับออกไป
2) ขึ้นทะเบียนคนจน ตามโครงการ แปลงสินทรัพย์เป็นทุน อยู่ระหว่างดำเนินการ เม็ดเงิน เกือบ 6 หมื่นล้านบาท ที่จะแจกลงไปในเดือนกรกฎาคม 2547 เป็นจังหวะเดียวที่กำลังมีการเลือกตั้งท้องถิ่นหลายพื้นที่
3) งบกลางปี 2547 1.35 แสนล้าน อำนาจใช้จ่ายขึ้นอยู่กับ นายกฯ ทักษิณ คนเดียว โดยมีเป้าหมาย การใช้จ่ายเงิน ดังนี้
- บำเหน็จดำรงชี พ 33,040 ล้านบาท
- จ่ายโครงการเกษียรอายุราชการก่อนกำหนด 14,590 ล้านบาท
- ค่าตอบแทนบุคลากรของรัฐ 16,570 ล้านบาท
** ทั้ง 3 รายการ จะเบิกจ่ายในช่วง เดือนมีนาคม 2547 ซึ่งตรงกับการเลือกตั้ง อบจ . พอดี
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการแข่งขันและการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน 59,000 ล้านบาท
ยังไม่มีรายละเอียดการใช้จ่ายในรายการนี้ พรรคประชาธิปัตย์ จะทำหน้าที่ ตรวจสอบ เมื่องบประมาณกลางปี เข้าสู่การพิจารณาในสภา ฯ ในเดือน กุมภาพันธ์ นี้
สำคัญที่สุด คือ งบแจกให้ท้องถิ่นถึง 12,300 ล้านบาท ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ที่ ผู้ว่า ซีอีโอ. ได้ประชุม เสนอแผน เซ็นต์สัญญากับ นายกฯ ทักษิณ ไปแล้ว เมื่อปลายปีที่ผ่านมา…ขอให้พี่น้องประชาชนจับตาดูเงินดังกล่าวจะพลงไปในเขตที่มีผู้สมัครกลุ่มไทยรักไทยลงสมัครโดยส่วนใหญ่หรือไม่
จะเห็นว่า เงินแผ่นดินถึง 1.35 แสนล้าน มีการระดมใช้ตั้งแต่ ต้นปี เป็นต้นไป และ ปริมาณเงินจะออกมามากในช่วงกลางปี ซึ่งตรงกับช่วงที่มีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเกือบทั่วประเทศ ซึ่งด้วยปริมาณเงินมหาศาลเช่นนี้ ย่อมส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจบ้าง แต่การใช้เงินเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เป็นกระบวนการที่สร้างวิถีที่เป็นอันตรายทั้งระบบการคลังและประชาธิปไตย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 04/01/47--จบ--
-สส-