แท็ก
อุตสาหกรรม
ภาคอุตสาหกรรม
การผลิตภาคอุตสาหกรรมในปี 2546 เร่งตัวขึ้นจากปีก่อนทั้งในกลุ่มสินค้าที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและในกลุ่มสินค้าที่ผลิตเพื่อส่งออก ทั้งนี้ การขยายตัวของการผลิตแสดงแนวโน้มการกระจายตัวไปสู่สาขาอุตสาหกรรมต่างๆ มากกว่าเมื่อช่วง 2-3 ปีก่อน
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index: MPI) ขยายตัวร้อยละ 12.3 ในปี 2546 เร่งขึ้นจากร้อยละ 8.5 ในปีก่อน โดยรายได้และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ได้ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ (ส่งออกน้อยกว่าร้อยละ 30) ขยายตัวดี โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง รถจักรยานยนต์ และเครื่องดื่ม ขณเดียวกันอุปสงค์จากต่างประเทศที่เร่งตัวก็เป็นปัจจัยสำคัยที่ทำให้อุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อส่งออก(ส่งออกมากกว่าร้อยละ60) ขยายตัวสูงกว่าปีก่อนมากโดยเฉพาะการผลิตแผงวงจรรวม อาหาร และผลิตภัณฑ์ยางแท่ง อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่ผลิตทั้งเพื่อส่งออกและจำหน่ายในประเทศ(ส่งออกร้อยละ 30-60)ชะลอตัวจากปีก่อนเล็กน้อยตามการผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กและสิ่งทอบางประเภทเป็นสำคัญ
อัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization Rate) ของภาคอุตสาหกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 66.3 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 59.3 ในปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการเร่งตัวของผลผลิตอุตสาหกรรม
รายละเอียดของอุตสาหกรรมที่ผลผลิตขยายตัวดีในปี 2546 มีดังนี้
หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่งมีการขยายการผลิตในอัตราร้อยละ 32.1 ตามการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์รถยนต์ทั้งจากตลาดในประเทศและตลาดส่งออกโดยเฉพาะรถยนต์นั่งซึ่งมีรถรุ่นใหม่ออกมากระตุ้นตลาดเป็นระยะๆ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2545 ประกอบกับมีแรงจูงใจผู้บริโภคภายในประเทศ ทั้งจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในระดับต่ำและกลยุทธ์ส่งเสริมการขายของผู้ผลิต เช่น การเสนอเงื่อนไขการชำระเงินที่ผ่อนปรนและการแถมประกันภัย เป็นต้น ขณะที่การส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นในเกณฑ์สูงจากการขยายโครงการผลิตเพื่อส่งออก ทั้งนี้ อัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมนี้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 54.6 ในปีก่อนเป็นร้อยละ 69.4 ในปีนี้
หมวดอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ขยายตัวสูงต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีที่การผลิตแผงวงจรเร่งตัวตามวัฎจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลก ประกอบกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญกำลังฟื้นตัวนอกจากนี้ การผลิตเครื่องรับโทรทัศน์ขยายตัวดีจากการขยายตลาดส่งออกในกลุ่มประเทศยุโรปและภูมิภาคตะวันออกกลาง อัตรการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมนี้จึงเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 55.4 ในปีก่อนเป็นร้อยละ 62.1
หมวดเครื่องดื่มขยายตัวร้อยละ 17.7 ในปี 2546 จากการผลิตเบียร์เป็นสำคัญ ซึ่งเป็นการเร่งตัวตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ดีขึ้นเป็นลำคัญ ประกอบกับปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การแข่งขันผลิตเบียร์ราคาถูกเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด เฉลี่ยทั้งปีอัตราการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มอยู่ทีร้อยละ 56.6 เทียบกับร้อยละ 50.5 ในปีก่อน
หมวดอาหารขยายตัวดีเกือบทุกสินค้า โดยการผลิตน้ำตาลและสับปะรดกระป๋องเพิ่มขึ้นมากตามการขยายพื้นที่เพาะปลูกและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ขณะที่การผลิตอาหารทะเลทั้งแช่แข็งและบรรจุกระป๋องขยายตัวสูงโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีที่เกิดสงครามในอิรักและมีการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ในประเทศคู่แข่งสำคัญ ได้แก่ จีน และเวียดนาม เฉลี่ยทั้งปีอัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมนี้อยู่ที่ร้อยละ 54.0 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 45.1 ในปีก่อน
หมวดปิโตรเลียมขยายการผลิตร้อยละ 4.4 ซึ่งเป็นอัตราที่เร่งขึ้นจากปีก่อนตามอุปสงค์ในประเทศเป็นสำคัญ ทั้งนี้ อัตราการใข้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรม ปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 79.5 ในปี 2546 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 76.2 ในปี 2545
หมวดสินค้าอื่นๆ มีการผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาก โดยเฉพาะปิโตรเคมีขั้นต้นและยางแท่งที่ความต้องการเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศและประเทศคู่ค้า ประกอบกับมีแรงจูงใจจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย อัตราการใช้กำลังการผลิตในหมวดนี้เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 74.0 สูงกว่าร้อยละ 71.4 ในปีก่อน
สำหรับอุตสาหกรรมที่การผลิตชะลอตัวในปี 2546 ได้แก่วัสดุก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์เหล็กโดยการผลิตในหมวดวัสดุก่อสร้างขยายตัวเพียงร้อยละ 1.5 ชะลอลงมากจากร้อยละ 13.4 ในปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลจากฐานปี 2545 ซึ่งสูงเพราะการแข่งขันด้านราคาและการเร่งผลิตเพื่อรักษาครึ่งแรกของปีดังกล่าว ส่วนหมวดผลิตภัณฑ์เหล็กประสบปัญหาราคาวัตถุดิบสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ผู้ผลิตไม่สามารถปรับขึ้นราคาขายได้จึงจำเป็นต้องลดการผลิตในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2546 ทำให้เฉลี่ยทั้งปีการผลิตของอุตสาหกรรมนี้ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.1 เทียบกับร้อยละ 24.3 ในปีก่อนอย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 4 การผลิตปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์เหล็กเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากมีความต้องการสินค้ามากในภาคก่อสร้าง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ดพ-
การผลิตภาคอุตสาหกรรมในปี 2546 เร่งตัวขึ้นจากปีก่อนทั้งในกลุ่มสินค้าที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและในกลุ่มสินค้าที่ผลิตเพื่อส่งออก ทั้งนี้ การขยายตัวของการผลิตแสดงแนวโน้มการกระจายตัวไปสู่สาขาอุตสาหกรรมต่างๆ มากกว่าเมื่อช่วง 2-3 ปีก่อน
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index: MPI) ขยายตัวร้อยละ 12.3 ในปี 2546 เร่งขึ้นจากร้อยละ 8.5 ในปีก่อน โดยรายได้และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ได้ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ (ส่งออกน้อยกว่าร้อยละ 30) ขยายตัวดี โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง รถจักรยานยนต์ และเครื่องดื่ม ขณเดียวกันอุปสงค์จากต่างประเทศที่เร่งตัวก็เป็นปัจจัยสำคัยที่ทำให้อุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อส่งออก(ส่งออกมากกว่าร้อยละ60) ขยายตัวสูงกว่าปีก่อนมากโดยเฉพาะการผลิตแผงวงจรรวม อาหาร และผลิตภัณฑ์ยางแท่ง อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่ผลิตทั้งเพื่อส่งออกและจำหน่ายในประเทศ(ส่งออกร้อยละ 30-60)ชะลอตัวจากปีก่อนเล็กน้อยตามการผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กและสิ่งทอบางประเภทเป็นสำคัญ
อัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization Rate) ของภาคอุตสาหกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 66.3 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 59.3 ในปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการเร่งตัวของผลผลิตอุตสาหกรรม
รายละเอียดของอุตสาหกรรมที่ผลผลิตขยายตัวดีในปี 2546 มีดังนี้
หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่งมีการขยายการผลิตในอัตราร้อยละ 32.1 ตามการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์รถยนต์ทั้งจากตลาดในประเทศและตลาดส่งออกโดยเฉพาะรถยนต์นั่งซึ่งมีรถรุ่นใหม่ออกมากระตุ้นตลาดเป็นระยะๆ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2545 ประกอบกับมีแรงจูงใจผู้บริโภคภายในประเทศ ทั้งจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในระดับต่ำและกลยุทธ์ส่งเสริมการขายของผู้ผลิต เช่น การเสนอเงื่อนไขการชำระเงินที่ผ่อนปรนและการแถมประกันภัย เป็นต้น ขณะที่การส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นในเกณฑ์สูงจากการขยายโครงการผลิตเพื่อส่งออก ทั้งนี้ อัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมนี้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 54.6 ในปีก่อนเป็นร้อยละ 69.4 ในปีนี้
หมวดอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ขยายตัวสูงต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีที่การผลิตแผงวงจรเร่งตัวตามวัฎจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลก ประกอบกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญกำลังฟื้นตัวนอกจากนี้ การผลิตเครื่องรับโทรทัศน์ขยายตัวดีจากการขยายตลาดส่งออกในกลุ่มประเทศยุโรปและภูมิภาคตะวันออกกลาง อัตรการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมนี้จึงเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 55.4 ในปีก่อนเป็นร้อยละ 62.1
หมวดเครื่องดื่มขยายตัวร้อยละ 17.7 ในปี 2546 จากการผลิตเบียร์เป็นสำคัญ ซึ่งเป็นการเร่งตัวตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ดีขึ้นเป็นลำคัญ ประกอบกับปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การแข่งขันผลิตเบียร์ราคาถูกเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด เฉลี่ยทั้งปีอัตราการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มอยู่ทีร้อยละ 56.6 เทียบกับร้อยละ 50.5 ในปีก่อน
หมวดอาหารขยายตัวดีเกือบทุกสินค้า โดยการผลิตน้ำตาลและสับปะรดกระป๋องเพิ่มขึ้นมากตามการขยายพื้นที่เพาะปลูกและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ขณะที่การผลิตอาหารทะเลทั้งแช่แข็งและบรรจุกระป๋องขยายตัวสูงโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีที่เกิดสงครามในอิรักและมีการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ในประเทศคู่แข่งสำคัญ ได้แก่ จีน และเวียดนาม เฉลี่ยทั้งปีอัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมนี้อยู่ที่ร้อยละ 54.0 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 45.1 ในปีก่อน
หมวดปิโตรเลียมขยายการผลิตร้อยละ 4.4 ซึ่งเป็นอัตราที่เร่งขึ้นจากปีก่อนตามอุปสงค์ในประเทศเป็นสำคัญ ทั้งนี้ อัตราการใข้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรม ปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 79.5 ในปี 2546 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 76.2 ในปี 2545
หมวดสินค้าอื่นๆ มีการผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาก โดยเฉพาะปิโตรเคมีขั้นต้นและยางแท่งที่ความต้องการเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศและประเทศคู่ค้า ประกอบกับมีแรงจูงใจจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย อัตราการใช้กำลังการผลิตในหมวดนี้เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 74.0 สูงกว่าร้อยละ 71.4 ในปีก่อน
สำหรับอุตสาหกรรมที่การผลิตชะลอตัวในปี 2546 ได้แก่วัสดุก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์เหล็กโดยการผลิตในหมวดวัสดุก่อสร้างขยายตัวเพียงร้อยละ 1.5 ชะลอลงมากจากร้อยละ 13.4 ในปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลจากฐานปี 2545 ซึ่งสูงเพราะการแข่งขันด้านราคาและการเร่งผลิตเพื่อรักษาครึ่งแรกของปีดังกล่าว ส่วนหมวดผลิตภัณฑ์เหล็กประสบปัญหาราคาวัตถุดิบสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ผู้ผลิตไม่สามารถปรับขึ้นราคาขายได้จึงจำเป็นต้องลดการผลิตในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2546 ทำให้เฉลี่ยทั้งปีการผลิตของอุตสาหกรรมนี้ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.1 เทียบกับร้อยละ 24.3 ในปีก่อนอย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 4 การผลิตปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์เหล็กเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากมีความต้องการสินค้ามากในภาคก่อสร้าง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ดพ-