1.ภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม
ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมถูกกระทบจากปัจจัยชั่วคราวในช่วงต้นปี 2546 ได้แก่สถานการณ์สงครามระหว่างสหรัฐฯกับอิรักและการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง(SARS) ในภูมิภาคเอเชียจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศในไตรมาสที่ 2 จึงลดลงถึงร้อยละ 40.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดีสถานการณ์เริ่มคลี่คลายในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคที่ได้ผล ซึ่งสะท้อนได้จากความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่กลับคืนมา นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการส่งเสริมไทยเที่ยวไทยในช่วงวันหยุดต่อเนื่องระหว่างการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปคและการเปิดเส้นทางสายการบินราคาถูกมีส่วนทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวและกลับสู่ภาวะปกติในไตรมาสที่ 4 รวมทั้งปี 2546 นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 9.95 ล้านคนหรือลดลงร้อยละ 7.8 จากปีก่อน ขณะที่รายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศจากการท่องเที่ยวคิดเป็นมูลค่าประมาณ 323.4 พันล้านบาท และอัตราเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 57 ต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย
โครงสร้างนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2546 ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ทั้งนี้สถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศลดลงทุกประเทศ แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคดังกล่างยังคงมีสัดส่วนสูงที่สุดถึงร้อยละ 56.5 ของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมด รองลงมาได้แก่ กลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกาในสัดส่วนร้อยละ 25.3 และ 6.8 ตามลำดับ
ในปี 2547 ภาวะการท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวของเอเชีย (tourism capital of Asia) โดยมุ่งเน้นการเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่ได้คุณภาพมาตรฐานสากลภายในปี 2549 อนึ่งตลาดการท่องเที่ยวไทยยังสามารถขยายตัวได้อีกมากทั้งจากกลุ่มนักท่องเที่ยว MICE (Meeting Incentive Convention Exhibition) การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และตลาด Long Stay ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องให้ธุรกิจโรงแรมขยายตัวด้วย
2.ภาคอสังหาริมทรัพย์
ในปี 2546 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวในเกณฑ์สูงภายหลังจากที่ผ่านพ้นจุดตกต่ำที่สุดในปี 2543 มาแล้ว มูลค่าการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศในปี 2546 รวมเป็นมูลค่า 437.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64.6 จากปีก่อน โดยในจำนวนนี้ประมาณร้อยละ 25 เป็นการเร่งการโอนในเดือนธันวาคมก่อนที่มาตรการลดหย่อนทางภาษีจะสิ้นสุดลง ประกอบกับยังมีการเร่งโอนก่อน การปรับราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์จะมีผลบังคับใช้ในปี 2547 และการปรับผังเมืองรวมของกรุงเทพมหานครจะส่งผลให้ราคาบ้านและที่ดินเพิ่มขึ้นอีกในปี 2547
มูลค่าการซื้อขายที่ดินและจำนวนธุรกรรมซื้อขายที่สูงมากในเดือนธันวาคม 2546 ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายที่ดินเฉลี่ยต่อเดือนในปีนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2539 (36.8 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นปีที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 และจำนวนธุรกรรมการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2538 (74,402 ราย) ซึ่งเป็นปีที่มีธุรกรรมการซื้อขายสูงสุดก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเครื่องชี้ภาวะอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เช่น พื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างและที่อยู่อาศัยจดทะเบียนเพิ่ม พบว่าแม้ว่าเครื่องชี้เหล่านี้จะขยายตัวสูงแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงสูงสุดก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวดีต่อเนื่องในปี 2546 ได้แก่ ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำที่เอื้อให้ผู้บริโภคสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น กอปรกับการแข่งขันปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ ซึ่ง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2546 มียอดคงค้าง 444.9 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากระยะเดียวกันปีก่อน
แม้ว่าอุปทานจะเข้าสู่ตลาดมากขึ้นในปี 2546 แต่อุปสงค์ที่ขยายตัวสูงมีส่วนเพิ่มแรงกดดันต่อราคาอสังหาริมทรัยพ์ ทั้งนี้ ราคาที่อยู่อาศัยโดยรวมสูงขึ้นประมาณร้อยละ 10 ขณะที่ราคาที่ดินในบางทำเลก็สูงขึ้นและต้นทุนการก่อสร้างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาวัสดุก่อสร้าง ทั้งเหล็กและปูนซีเมนต์ อนึ่ง ดัชนีค่าเช่าอาคารชุดในย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่เพิ่มขึ้นได้สร้างแรงจูงใจให้เกิดความต้องการซื้ออาคารชุดเพื่อการลงทุนมากขึ้นด้วย
ในปี 2547 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะชะลอลงในช่วงไตรมาสแรกของปี ส่วนหนึ่งเพราะมาตรการหย่อนภาษีได้สิ้นสุดลง ประกอบกับมาตรการของ ธปท.น่าจะทำให้การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไรชะลอตัวบ้าง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการขยายตัวในช่วงที่เหลือของปีน่าจะยังดีอยู่ตามความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีมาก ประกอบกับภาวะอัตราดอกเบี้ยยังคงเอื้ออำนวย
ทั้งนี้ อุปสงค์ที่คาดว่าจะชะลอลงบ้าง พร้อมกับอุปทานที่จะเข้าสู่ตลาดมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งมาจากโครงการบ้านเอื้ออาทรนั้น น่าจะทำให้แรงกดดันด้านราคาลดลง
รายละเอียดของแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์แต่ละประเภทมีดังนี้
บ้านจัดสรร ธุรกิจบ้านจัดสรรน่าจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากการชะลอตัวของบ้านระดับบนซึ่งขยายตัวไปมากแล้วในปี 2546 อย่างไรก็ตาม ความต้องการบ้านระดับกลางยังคงมีอยู่มาก
อาคารชุด คาดว่าจะมีอุปทานอาคารชุดเข้าสู่ตลาดมากในปี 2547-2548 เพราะโครงการเปิดใหม่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการขยายตัวของอุปทานดังกล่าวน่าจะช่วยลดอุปสงค์ส่วนเกินที่มีอยู่ในปัจจุบันได้
อาคารสำนักงาน ธุรกิจอาคารสำนักงานเริ่มขยายตัวสูงขึ้นหลังจากที่ไม่มีอุทานเพิ่มในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทั้งนี้ เริ่มมีการนำโครงการที่เคยหยุดก่อสร้างกลับมาพัฒนาใหม่เพื่อตอบสนองต่อการขยายตัวของธุรกิจ
3.ภาคการค้า
ธุรกิจการค้าในปี 2546 ขยายตัวดีทั้งการค้าปลีกและค้าส่ง แม้ในช่วงไตรมาสที่ 2 จะชะลอตัวลงบ้างเพราะได้รับผลกระทบจากโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) แต่ก็ฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 4 เมื่อประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปคและรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมไทยเที่ยวไทยในช่วงวันหยุดต่อเนื่องดังกล่าว
ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจการค้า ได้แก่รายได้เกษตรกรที่อยู่ในเกณฑ์สูง การจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นไม่มาก อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ และการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคของธุรกิจเอกชนที่ไม่ใช่ธนาคารนอกจากนี้ ความสำเร็จของนโยบายส่งเสริมสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (สินค้า OTOP) ของรัฐบาลก็มีส่วนช่วยกระตุ้นธุรกิจการค้า กอปรกับภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องได้ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการดีขึ้น
แนวโน้มธุรกิจการค้าในปี 2547 น่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนซึ่งคาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี
4.ภาคโทรคมนาคม
ธุรกิจโทรคมนาคมขยายตัวสูงในปี 2546 ตามการขยายตัวของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นสำคัญโดยจำนวนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2546 อยู่ที่ 21.6 ล้านเลขหมายหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่จำนวนเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงสองปีที่ผ่านมามีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การขยายตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคนอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีและการส่งเสริมการตลาดของผู้ให้บริการก็มีส่วนทำให้ความต้องการซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการเสริมเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวเนื่องจากจำนวนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อจำนวนประชากรของไทยอยู่ในระดับที่สูงแล้วขณะเดียวกันการแข่งขันด้านการตลาดของผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จะทวีความรุนแรงขึ้นทั้งด้านบริการและราคาจะผลักดันให้อัตราค่าบริการและราคาเครื่องลูกข่ายลดลง สำหรับโทรศัพท์พื้นฐานน่าจะมีการปรับตัวเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยมีการปรับลดค่าบริการและเพิ่มบริการเสริม
ในปี 2547 ธุรกิจโทรคมนาคมน่าจะชะลอตัวต่อเนื่องตามการชะลอตัวของโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนอัตราค่าบริการมีแนวโน้มที่จะลดลงจากการแข่งขันที่รุนแรงขณะที่การให้บริการในธุรกิจนี้จะมีรูปแบบหลากหลายขึ้นตามการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น การส่งข้อมูลสื่อสารด้วยภาพ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ดพ/ลจ-
ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมถูกกระทบจากปัจจัยชั่วคราวในช่วงต้นปี 2546 ได้แก่สถานการณ์สงครามระหว่างสหรัฐฯกับอิรักและการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง(SARS) ในภูมิภาคเอเชียจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศในไตรมาสที่ 2 จึงลดลงถึงร้อยละ 40.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดีสถานการณ์เริ่มคลี่คลายในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคที่ได้ผล ซึ่งสะท้อนได้จากความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่กลับคืนมา นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการส่งเสริมไทยเที่ยวไทยในช่วงวันหยุดต่อเนื่องระหว่างการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปคและการเปิดเส้นทางสายการบินราคาถูกมีส่วนทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวและกลับสู่ภาวะปกติในไตรมาสที่ 4 รวมทั้งปี 2546 นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 9.95 ล้านคนหรือลดลงร้อยละ 7.8 จากปีก่อน ขณะที่รายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศจากการท่องเที่ยวคิดเป็นมูลค่าประมาณ 323.4 พันล้านบาท และอัตราเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 57 ต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย
โครงสร้างนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2546 ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ทั้งนี้สถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศลดลงทุกประเทศ แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคดังกล่างยังคงมีสัดส่วนสูงที่สุดถึงร้อยละ 56.5 ของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมด รองลงมาได้แก่ กลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกาในสัดส่วนร้อยละ 25.3 และ 6.8 ตามลำดับ
ในปี 2547 ภาวะการท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวของเอเชีย (tourism capital of Asia) โดยมุ่งเน้นการเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่ได้คุณภาพมาตรฐานสากลภายในปี 2549 อนึ่งตลาดการท่องเที่ยวไทยยังสามารถขยายตัวได้อีกมากทั้งจากกลุ่มนักท่องเที่ยว MICE (Meeting Incentive Convention Exhibition) การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และตลาด Long Stay ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องให้ธุรกิจโรงแรมขยายตัวด้วย
2.ภาคอสังหาริมทรัพย์
ในปี 2546 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวในเกณฑ์สูงภายหลังจากที่ผ่านพ้นจุดตกต่ำที่สุดในปี 2543 มาแล้ว มูลค่าการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศในปี 2546 รวมเป็นมูลค่า 437.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64.6 จากปีก่อน โดยในจำนวนนี้ประมาณร้อยละ 25 เป็นการเร่งการโอนในเดือนธันวาคมก่อนที่มาตรการลดหย่อนทางภาษีจะสิ้นสุดลง ประกอบกับยังมีการเร่งโอนก่อน การปรับราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์จะมีผลบังคับใช้ในปี 2547 และการปรับผังเมืองรวมของกรุงเทพมหานครจะส่งผลให้ราคาบ้านและที่ดินเพิ่มขึ้นอีกในปี 2547
มูลค่าการซื้อขายที่ดินและจำนวนธุรกรรมซื้อขายที่สูงมากในเดือนธันวาคม 2546 ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายที่ดินเฉลี่ยต่อเดือนในปีนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2539 (36.8 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นปีที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 และจำนวนธุรกรรมการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2538 (74,402 ราย) ซึ่งเป็นปีที่มีธุรกรรมการซื้อขายสูงสุดก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเครื่องชี้ภาวะอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เช่น พื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างและที่อยู่อาศัยจดทะเบียนเพิ่ม พบว่าแม้ว่าเครื่องชี้เหล่านี้จะขยายตัวสูงแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงสูงสุดก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวดีต่อเนื่องในปี 2546 ได้แก่ ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำที่เอื้อให้ผู้บริโภคสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น กอปรกับการแข่งขันปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ ซึ่ง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2546 มียอดคงค้าง 444.9 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากระยะเดียวกันปีก่อน
แม้ว่าอุปทานจะเข้าสู่ตลาดมากขึ้นในปี 2546 แต่อุปสงค์ที่ขยายตัวสูงมีส่วนเพิ่มแรงกดดันต่อราคาอสังหาริมทรัยพ์ ทั้งนี้ ราคาที่อยู่อาศัยโดยรวมสูงขึ้นประมาณร้อยละ 10 ขณะที่ราคาที่ดินในบางทำเลก็สูงขึ้นและต้นทุนการก่อสร้างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาวัสดุก่อสร้าง ทั้งเหล็กและปูนซีเมนต์ อนึ่ง ดัชนีค่าเช่าอาคารชุดในย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่เพิ่มขึ้นได้สร้างแรงจูงใจให้เกิดความต้องการซื้ออาคารชุดเพื่อการลงทุนมากขึ้นด้วย
ในปี 2547 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะชะลอลงในช่วงไตรมาสแรกของปี ส่วนหนึ่งเพราะมาตรการหย่อนภาษีได้สิ้นสุดลง ประกอบกับมาตรการของ ธปท.น่าจะทำให้การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไรชะลอตัวบ้าง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการขยายตัวในช่วงที่เหลือของปีน่าจะยังดีอยู่ตามความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีมาก ประกอบกับภาวะอัตราดอกเบี้ยยังคงเอื้ออำนวย
ทั้งนี้ อุปสงค์ที่คาดว่าจะชะลอลงบ้าง พร้อมกับอุปทานที่จะเข้าสู่ตลาดมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งมาจากโครงการบ้านเอื้ออาทรนั้น น่าจะทำให้แรงกดดันด้านราคาลดลง
รายละเอียดของแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์แต่ละประเภทมีดังนี้
บ้านจัดสรร ธุรกิจบ้านจัดสรรน่าจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากการชะลอตัวของบ้านระดับบนซึ่งขยายตัวไปมากแล้วในปี 2546 อย่างไรก็ตาม ความต้องการบ้านระดับกลางยังคงมีอยู่มาก
อาคารชุด คาดว่าจะมีอุปทานอาคารชุดเข้าสู่ตลาดมากในปี 2547-2548 เพราะโครงการเปิดใหม่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการขยายตัวของอุปทานดังกล่าวน่าจะช่วยลดอุปสงค์ส่วนเกินที่มีอยู่ในปัจจุบันได้
อาคารสำนักงาน ธุรกิจอาคารสำนักงานเริ่มขยายตัวสูงขึ้นหลังจากที่ไม่มีอุทานเพิ่มในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทั้งนี้ เริ่มมีการนำโครงการที่เคยหยุดก่อสร้างกลับมาพัฒนาใหม่เพื่อตอบสนองต่อการขยายตัวของธุรกิจ
3.ภาคการค้า
ธุรกิจการค้าในปี 2546 ขยายตัวดีทั้งการค้าปลีกและค้าส่ง แม้ในช่วงไตรมาสที่ 2 จะชะลอตัวลงบ้างเพราะได้รับผลกระทบจากโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) แต่ก็ฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 4 เมื่อประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปคและรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมไทยเที่ยวไทยในช่วงวันหยุดต่อเนื่องดังกล่าว
ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจการค้า ได้แก่รายได้เกษตรกรที่อยู่ในเกณฑ์สูง การจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นไม่มาก อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ และการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคของธุรกิจเอกชนที่ไม่ใช่ธนาคารนอกจากนี้ ความสำเร็จของนโยบายส่งเสริมสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (สินค้า OTOP) ของรัฐบาลก็มีส่วนช่วยกระตุ้นธุรกิจการค้า กอปรกับภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องได้ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการดีขึ้น
แนวโน้มธุรกิจการค้าในปี 2547 น่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนซึ่งคาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี
4.ภาคโทรคมนาคม
ธุรกิจโทรคมนาคมขยายตัวสูงในปี 2546 ตามการขยายตัวของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นสำคัญโดยจำนวนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2546 อยู่ที่ 21.6 ล้านเลขหมายหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่จำนวนเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงสองปีที่ผ่านมามีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การขยายตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคนอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีและการส่งเสริมการตลาดของผู้ให้บริการก็มีส่วนทำให้ความต้องการซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการเสริมเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวเนื่องจากจำนวนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อจำนวนประชากรของไทยอยู่ในระดับที่สูงแล้วขณะเดียวกันการแข่งขันด้านการตลาดของผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จะทวีความรุนแรงขึ้นทั้งด้านบริการและราคาจะผลักดันให้อัตราค่าบริการและราคาเครื่องลูกข่ายลดลง สำหรับโทรศัพท์พื้นฐานน่าจะมีการปรับตัวเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยมีการปรับลดค่าบริการและเพิ่มบริการเสริม
ในปี 2547 ธุรกิจโทรคมนาคมน่าจะชะลอตัวต่อเนื่องตามการชะลอตัวของโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนอัตราค่าบริการมีแนวโน้มที่จะลดลงจากการแข่งขันที่รุนแรงขณะที่การให้บริการในธุรกิจนี้จะมีรูปแบบหลากหลายขึ้นตามการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น การส่งข้อมูลสื่อสารด้วยภาพ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ดพ/ลจ-