แท็ก
อุตสาหกรรม
ในปี 2546 จำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 2.4 โดยเป็นการขยายตัวของแรงงานในภาคนอกเกษตรร้อยละ 5.0 สอดคล้องกับการขยายตัวสูงของแรงงานในภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้าง การโรงแรมภัตตาคาร และการค้าปลีกค้าส่ง ขณะที่แรงงานในภาคเกษตรหดตัวร้อยละ 1.2 เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งและความต้องการแรงงานในภาคนอกเกษตรที่เพิ่มขึ้นทำให้แรงงานบางส่วนเคลื่อนย้ายเข้าสู่ภาคนอกเกษตร
เมื่อจำแนกตามภูมิภาคพบว่า การจ้างงานเพิ่มขึ้นในทุกภาคของประเทศโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการว่างงานลดลงมากที่สุดส่วนหนึ่งเพราะแรงงานเคลื่อนย้ายเข้ามาทำงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
เมื่อพิจารณาการจ้างงานภาคเอกชนจากเครื่องชี้รายเดือน ณ สิ้นปี 2546 จำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมมีจำนวนทั้งสิ้น 7.43 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2545 ประมาณ 5 แสนคนหรือร้อยละ 7.7 สะท้อนภาวะการจ้างงานภาคเอกชนในระบบ (formal sector) ที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง
อนึ่งประเด็นด้านแรงงานที่จำเป็นต้องติดตามในระยะต่อไปคือตลาดแรงงานจะเริ่มตึงตัวและอาจสร้างแรงกดดันต่อค่าจ้างแรงงานเมื่อใด ทั้งนี้ จำนวนผู้มีงานทำที่ขยายตัวสูงตามภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทำให้อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา โดยในปี 2546 อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ลดลงจากร้อยละ 2.4 ในปี 2545 ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ยของช่วงปี 2533-2539 อีกด้วย แนวโน้มดังกล่าวประกอบกับอัตราการทำงานต่ำกว่าระดับที่ลดลงและการประกาศหาคนเพื่อบรรจุตำแหน่งงานว่างที่เริ่มสูงขึ้นแสดงว่าตลาดแรงงานน่าจะดึงตัวขึ้นในระยะต่อไป อย่างไรก็ดี ในระยะที่ผ่านมายังไม่มีแรงกดดันต่อค่าจ้างแรงงานเพราะระบบเศรษฐกิจยังมีแรงงานส่วนเกินในภาคเกษตรซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานในภาคนอกเกษตรได้
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ดพ/ลจ-
เมื่อจำแนกตามภูมิภาคพบว่า การจ้างงานเพิ่มขึ้นในทุกภาคของประเทศโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการว่างงานลดลงมากที่สุดส่วนหนึ่งเพราะแรงงานเคลื่อนย้ายเข้ามาทำงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
เมื่อพิจารณาการจ้างงานภาคเอกชนจากเครื่องชี้รายเดือน ณ สิ้นปี 2546 จำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมมีจำนวนทั้งสิ้น 7.43 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2545 ประมาณ 5 แสนคนหรือร้อยละ 7.7 สะท้อนภาวะการจ้างงานภาคเอกชนในระบบ (formal sector) ที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง
อนึ่งประเด็นด้านแรงงานที่จำเป็นต้องติดตามในระยะต่อไปคือตลาดแรงงานจะเริ่มตึงตัวและอาจสร้างแรงกดดันต่อค่าจ้างแรงงานเมื่อใด ทั้งนี้ จำนวนผู้มีงานทำที่ขยายตัวสูงตามภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทำให้อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา โดยในปี 2546 อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ลดลงจากร้อยละ 2.4 ในปี 2545 ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ยของช่วงปี 2533-2539 อีกด้วย แนวโน้มดังกล่าวประกอบกับอัตราการทำงานต่ำกว่าระดับที่ลดลงและการประกาศหาคนเพื่อบรรจุตำแหน่งงานว่างที่เริ่มสูงขึ้นแสดงว่าตลาดแรงงานน่าจะดึงตัวขึ้นในระยะต่อไป อย่างไรก็ดี ในระยะที่ผ่านมายังไม่มีแรงกดดันต่อค่าจ้างแรงงานเพราะระบบเศรษฐกิจยังมีแรงงานส่วนเกินในภาคเกษตรซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานในภาคนอกเกษตรได้
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ดพ/ลจ-