นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี
2546 (ม.ค. — ต.ค.) ไทย ส่งออกไปอาเซียน 9 ประเทศ มีมูลค่า 13,621.10 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งมีมูลค่า 11,436.42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ
คิดเป็นร้อยละ 19.10
การส่งออกโดยใช้ Form D ภายใต้ CEPT ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2546 มีมูลค่า
3,259.06 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งมีมูลค่า 1,115.46 ล้าน
เหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 192.17 ประเทศไทยส่งออกภายใต้ CEPT ไปมาเลเซียสูงเป็นอันดับแรก
ด้วยมีมูลค่า 1,025.94 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รองลงมาได้แก่ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ
939.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 661.28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ ส่วนประเทศพม่า และ
เวียดนามมีมูลค่าการใช้สิทธิเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,740 และ 495.56 ตามลำดับ
โครงสร้างสินค้าที่ได้รับสิทธิ CEPT ส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้าอุตสาหกรรม โดยในช่วง 10 เดือน
แรกของปี 2546 มีมูลค่าส่งออก 2,807.08 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นร้อยละ 86.13 สำหรับ
สินค้าเกษตรมีมูลค่า 451.99 หรือคิดเป็นร้อยละ 13.87
สินค้าสำคัญที่ไทยใช้สิทธิ CEPT สูง 5 อันดับแรก ได้แก่ ซีเมนต์เม็ด ,ส่วนประกอบและอุปกรณ์
ยานยนต์ , แชมพู , ยานยนต์ และอาหารปรุงแต่ง
นายราเชนทร์ พจนสุนทร ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งรวมทั้งไทยได้
ลงนามภายใต้ ้กรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน — จีน โดยตกลงที่จะลดภาษีในสินค้า
พิกัดศุลกากร 01 — 08 เหลือร้อยละ 0 ภายใน 3 ปี โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547
ทั้งนี้ผู้ส่งออกที่ต้องการใช้สิทธิภายใต้เขตการค้าเสรีดังกล่าว สามารถมาขอหนังสือรับรองฯ Form E
จากกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อไปลดภาษีนำเข้ายังประเทศจีนได้และยังสามารถใช้สิทธิพิเศษการลดภาษี
ระหว่างสมาชิกอาเซียนภายใต้กรอบความตกลงดังกล่าว ที่บางรายการได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าอัตราภาษีภายใต้
CEPT
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อที่กองสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ
โทร. 0-2547-4872 โทรสาร 0-2547-4816 e-mail : tpdft@mocmet.moc.go.th
--กรมการค้าต่างประเทศ ธันวาคม 2546--
-สส-
2546 (ม.ค. — ต.ค.) ไทย ส่งออกไปอาเซียน 9 ประเทศ มีมูลค่า 13,621.10 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งมีมูลค่า 11,436.42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ
คิดเป็นร้อยละ 19.10
การส่งออกโดยใช้ Form D ภายใต้ CEPT ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2546 มีมูลค่า
3,259.06 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งมีมูลค่า 1,115.46 ล้าน
เหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 192.17 ประเทศไทยส่งออกภายใต้ CEPT ไปมาเลเซียสูงเป็นอันดับแรก
ด้วยมีมูลค่า 1,025.94 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รองลงมาได้แก่ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ
939.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 661.28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ ส่วนประเทศพม่า และ
เวียดนามมีมูลค่าการใช้สิทธิเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,740 และ 495.56 ตามลำดับ
โครงสร้างสินค้าที่ได้รับสิทธิ CEPT ส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้าอุตสาหกรรม โดยในช่วง 10 เดือน
แรกของปี 2546 มีมูลค่าส่งออก 2,807.08 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นร้อยละ 86.13 สำหรับ
สินค้าเกษตรมีมูลค่า 451.99 หรือคิดเป็นร้อยละ 13.87
สินค้าสำคัญที่ไทยใช้สิทธิ CEPT สูง 5 อันดับแรก ได้แก่ ซีเมนต์เม็ด ,ส่วนประกอบและอุปกรณ์
ยานยนต์ , แชมพู , ยานยนต์ และอาหารปรุงแต่ง
นายราเชนทร์ พจนสุนทร ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งรวมทั้งไทยได้
ลงนามภายใต้ ้กรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน — จีน โดยตกลงที่จะลดภาษีในสินค้า
พิกัดศุลกากร 01 — 08 เหลือร้อยละ 0 ภายใน 3 ปี โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547
ทั้งนี้ผู้ส่งออกที่ต้องการใช้สิทธิภายใต้เขตการค้าเสรีดังกล่าว สามารถมาขอหนังสือรับรองฯ Form E
จากกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อไปลดภาษีนำเข้ายังประเทศจีนได้และยังสามารถใช้สิทธิพิเศษการลดภาษี
ระหว่างสมาชิกอาเซียนภายใต้กรอบความตกลงดังกล่าว ที่บางรายการได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าอัตราภาษีภายใต้
CEPT
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อที่กองสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ
โทร. 0-2547-4872 โทรสาร 0-2547-4816 e-mail : tpdft@mocmet.moc.go.th
--กรมการค้าต่างประเทศ ธันวาคม 2546--
-สส-