นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกฯออกมาให้สัมภาษณ์ประณามผู้รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ที่มีการปล่อยให้มีการเผาโรงเรียนและปล้นอาวุธปืน จนทำให้ทหารของกองพันทหารพัฒนาที่ 4 จำนวน 4 นายเสียชีวิตว่ามีทหารอยู่ทั้งกองพันแล้วยังประมาทอยู่ก็ถือว่าสมควรตายนั้น ว่า คำพูดดังกล่าวของนายกฯถือเป็นการลบหลู่เกียรติภูมิศักดิ์ศรีของทหารเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทหารทั้ง 4 นายเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของทหารอย่างดีที่สุดในสภาวะเช่นนั้น เพราะฉะนั้นเขาก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรีที่ได้รับการยกย่องและสดุดีเหมือนกับทหารที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่โดยทั่วไป ดังนั้นตนจึงอยากจะเรียกร้องให้ปลัดกระทรวงกลาโหมและผบ.สส.ออกมาปกป้องเกียรติภูมิของทหารทั้ง 4 ที่เสียชีวิตและครอบครัว โดยต้องชี้แจงว่าทหารทั้ง 4 สมควรตายเหมือนอย่างที่นายกฯพูดหรือไม่ หรือว่าตายในขณะปฏิบัติหน้าที่อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรีอย่างชายชาติทหาร
“ถ้าบุคคลทั้งสองไม่ออกมาปกป้องเกียรติภูมิของทหาร ตนเชื่อว่าขวัญและกำลังใจของทหารจะสูญเสียไป นอกจากนี้บุคคลทั้งสองก็สมควรมีสถานะเป็นเพียงหัวหน้ายามของบริษัทเอไอเอสเท่านั้น แต่ถ้าได้ออกมาปกป้องเกียรติภูมิของทหารครั้งนี้ก็สมควรที่จะเป็นผู้บังคับบัญชาของทหารอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี” นายนิพิฎฐ์ กล่าว
นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ตนก็อยากเรียกร้องไปยังครอบครัวของทหารทั้ง 4 ว่า ถ้านายกฯได้นำพวงหรีดไปเคารพศพก็ควรจะปฏิเสธไม่รับพวงหรีดของนายกฯ เพราะจากคำพูดของนายกฯถือเป็นการไม่ให้เกียรติในการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร
นายนิพิฎฐ์ กล่าวด้วยว่า รมว.กลาโหมและหัวหน้าหน่วยทหารที่รับผิดชอบต้องขอพระราชทานยศให้นายทหารทั้ง 4 ที่เสียชีวิตให้เหมือนกับทหาร 2 นายที่เสียชีวิตในประเทศอิรัก คือต้องไปรับพระราชทานยศเป็นพันเอก แต่ถ้าได้รับพระราชทานยศต่ำกว่าพันเอก รมว.กลาโหมและหัวหน้าหน่วยทหารก็ต้องมีคำตอบให้ทหารเหล่านั้นว่าทำไมทหารที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศแล้วเสียชีวิตได้รับพระราชทานยศเป็นพันเอก แต่ทหารที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศกลับได้รับพระราชทานยศที่ต่ำกว่า ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าผู้บังคับบัญชาทหารเลือกปฏิบัติและจะทำให้ขวัญและกำลังใจของทหารในการปฏิบัติหน้าที่ลดน้อยลง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 06/01/47--จบ--
-สส-
“ถ้าบุคคลทั้งสองไม่ออกมาปกป้องเกียรติภูมิของทหาร ตนเชื่อว่าขวัญและกำลังใจของทหารจะสูญเสียไป นอกจากนี้บุคคลทั้งสองก็สมควรมีสถานะเป็นเพียงหัวหน้ายามของบริษัทเอไอเอสเท่านั้น แต่ถ้าได้ออกมาปกป้องเกียรติภูมิของทหารครั้งนี้ก็สมควรที่จะเป็นผู้บังคับบัญชาของทหารอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี” นายนิพิฎฐ์ กล่าว
นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ตนก็อยากเรียกร้องไปยังครอบครัวของทหารทั้ง 4 ว่า ถ้านายกฯได้นำพวงหรีดไปเคารพศพก็ควรจะปฏิเสธไม่รับพวงหรีดของนายกฯ เพราะจากคำพูดของนายกฯถือเป็นการไม่ให้เกียรติในการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร
นายนิพิฎฐ์ กล่าวด้วยว่า รมว.กลาโหมและหัวหน้าหน่วยทหารที่รับผิดชอบต้องขอพระราชทานยศให้นายทหารทั้ง 4 ที่เสียชีวิตให้เหมือนกับทหาร 2 นายที่เสียชีวิตในประเทศอิรัก คือต้องไปรับพระราชทานยศเป็นพันเอก แต่ถ้าได้รับพระราชทานยศต่ำกว่าพันเอก รมว.กลาโหมและหัวหน้าหน่วยทหารก็ต้องมีคำตอบให้ทหารเหล่านั้นว่าทำไมทหารที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศแล้วเสียชีวิตได้รับพระราชทานยศเป็นพันเอก แต่ทหารที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศกลับได้รับพระราชทานยศที่ต่ำกว่า ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าผู้บังคับบัญชาทหารเลือกปฏิบัติและจะทำให้ขวัญและกำลังใจของทหารในการปฏิบัติหน้าที่ลดน้อยลง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 06/01/47--จบ--
-สส-