เมื่อเวลา 08.30น. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ เจาะลึกทั่วไทย ” ทางสถานีวิทยุ 96.5 เมกะเฮิร์ท กรณีได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานศูนย์อำนวยการ
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ติดตามทางการเมืองมาตลอด การมาทำหน้าที่ตรงนี้ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เรื่องแพ้ชนะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยแนวทางในการดำเนินการจะเปิดกว้างให้คนรุ่นใหม่มาผสมกับคนเก่าของพรรคให้มากขึ้น
“ เรื่องการปรับปรุงคณะผู้บริหารนั้นยังปรับปรุงไม่ได้นะครับ คณะผู้บริหารยังเป็นชุดเดิมอยู่ แต่คนที่จะเข้ามาร่วมมือทางการเมืองนั้นเราก็จะระดมคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน เราก็จะเป็นพี่เลี้ยงให้นะครับ พรรคประชาธิปัตย์ในตอนนี้มีผู้มีความรู้ความสามารถมาก ” พล.ต.สนั่น กล่าวและว่า “ ในส่วนของโครงสร้างพรรคที่จะนำคนรุ่นใหม่เข้าไปทำงานนั้น ผมเรียนว่า ในการรบถ้าเชื่อในตัวแม่ทัพ ถ้าเชื่อในตัวแม่ทัพเขาก็คงจะไม่รังเกียจที่จะเข้าสนามรบด้วยกัน”
พล.ต.สนั่น ยังกล่าวด้วยว่า ที่พรรคเชิญตนไปในครั้งนี้ก็เพื่อวางแผนทางการเลือกตั้ง และโดยพรรคได้มอบหมายให้ดูแลศูนย์อำนวยการเลือกเพื่อช่วยดูแลในเรื่องการเลือกตั้งโดยเฉพาะ โดยจะทำหน้าที่กำหนดบทบาท วางยุทธศาสตร์ ในการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว
เมื่อถูกถามถึงความขัดแย้งภายในนั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนเป็นเลขาธิการพรรคมา 13 ปีกว่า และสามารถที่จะรวมพลังให้พรรคมีเอกภาพมาตลอด ซึ่งก็จะได้ไปพูดจากัน และทั้ง 2 ฝ่ายต้องหันมาร่วมมือกันในภาวะที่พรรคอยู่ในช่วงคับคัน โดยตนจะให้ความเสมอภาคและความยุติธรรมกับทุกฝ่าย
“ ตอนนี้เราสู้กับตัวเองเพื่อให้ประชาชนหันกลับมาให้ความนิยมกลับพรรค เราไม่จำเป็นต้องสู้กับพรรคไทยรักไทย นโยบายพรรคปประชาธิปัตย์ที่ออกไปถ้าเราทำไม่ได้เราไม่นำมากำหนดเป็นนโยบาย”
ส่วนกรณีที่ตนเองไม่ได้สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ ให้เป็นหัวหน้าพรรคนั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ถือเป็นเพชรเม็ดงามของพรรค ต้องดูจังหวะที่เขาจะขึ้นมาเป็นผู้นำ วาระการดำรงตำแหน่งของหน.พรรค คือ 4 ปี
“ ตรงนี้มันเป็นสิทธิของหัวหน้าพรรค มันเป็นประเพณีเรายังไม่เคยทำอะไรที่มันนอกประเพณีของพรรคนะครับ”
ถ้าเกิดว่าการที่คุณบัญญัติเป็นหน.พรรค แต่ในการหาเสียงเลือกตั้งชูให้คนอภิสิทธิ์ เป็นว่าที่นายกฯคนต่อไปถ้าประชาชนกลับมาเลือกประชาธิปัตย์ นายสนั่น กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ เพราะถือว่าเป็นสิทธิของหน.พรรคที่จะประกาศให้มีการดำเนินการอย่างใด และยังได้กล่าวถึงกรณีนายประดิษฐ์ กับ นายอภิสิทธิ์ ว่า สามารถทำงานร่วมงานกันได้ เพราะไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเพียงการทำหน้าที่ในช่วงการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเท่านั้น แต่เมื่อถึงเวลาที่พรรคต้องการความร่วมแรงร่วมใจ เชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างดี
พล.ต.สนั่น ยังกล่าวถึงกรณีที่จะส.ส.ภายในพรรคจะย้ายออกจากพรรคว่า เวลาที่เหลืออีก 1 ปีก่อนที่จะถึงการเลือกตั้ง ตนเองจะพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจแต่ก็ต้องอยู่กับส.ส.เหล่านั้น ว่าจะปฏิบัติอย่างไร
การเลือกตั้งในระดับการเมืองท้องถิ่นนั้นที่มีกระแสข่าวว่านายสุวโรช พะลัง นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร นายไพร พัฒโน จะลงสมัครเลือกตั้ง พล.ต.สนั่น กล่าวว่าได้พูดคุยกับทุกท่านแล้ว ยืนยันว่ามีเพียงคุณไพร ที่จะลงสมัคร และในส่วนของดร.สุรินทร์ที่จะลงเลือกตั้งนายกฯเทศบาล อบจ.นั้น ไม่มีทางที่ท่านะจะลงสมัครในตำแหน่งนี้
“ส่วนตัวผมคิดว่า ดร.สุรินทร์ ไม่ลง มาในระดับนี้แล้ว มีแต่ว่าจะไปอยู่ยูเอ็นเมื่อไหร่ เท่านั้น คงไม่กลับถอยหลังไปอยู่ อบจ.คงเป็นไปไม่ได้”
ในส่วนของการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ พล.ต.สนั่น มั่นใจว่า ส.ส.เขต และส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรค จะไม่มีทางกระเด็นไปพรรคไทยรักไทยแน่ เพราะประชาชนในภาคใต้ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด ในส่วนของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ยังได้รับการแก้ไขที่ไม่ถูกจุด จึงเป็นประเด็นที่ทำให้คนในพื้นที่ในภาคใต้ขาดความมั่นใจในการทำงานของรัฐบาล--
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 08/01/47--จบ--
-สส-
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ติดตามทางการเมืองมาตลอด การมาทำหน้าที่ตรงนี้ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เรื่องแพ้ชนะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยแนวทางในการดำเนินการจะเปิดกว้างให้คนรุ่นใหม่มาผสมกับคนเก่าของพรรคให้มากขึ้น
“ เรื่องการปรับปรุงคณะผู้บริหารนั้นยังปรับปรุงไม่ได้นะครับ คณะผู้บริหารยังเป็นชุดเดิมอยู่ แต่คนที่จะเข้ามาร่วมมือทางการเมืองนั้นเราก็จะระดมคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน เราก็จะเป็นพี่เลี้ยงให้นะครับ พรรคประชาธิปัตย์ในตอนนี้มีผู้มีความรู้ความสามารถมาก ” พล.ต.สนั่น กล่าวและว่า “ ในส่วนของโครงสร้างพรรคที่จะนำคนรุ่นใหม่เข้าไปทำงานนั้น ผมเรียนว่า ในการรบถ้าเชื่อในตัวแม่ทัพ ถ้าเชื่อในตัวแม่ทัพเขาก็คงจะไม่รังเกียจที่จะเข้าสนามรบด้วยกัน”
พล.ต.สนั่น ยังกล่าวด้วยว่า ที่พรรคเชิญตนไปในครั้งนี้ก็เพื่อวางแผนทางการเลือกตั้ง และโดยพรรคได้มอบหมายให้ดูแลศูนย์อำนวยการเลือกเพื่อช่วยดูแลในเรื่องการเลือกตั้งโดยเฉพาะ โดยจะทำหน้าที่กำหนดบทบาท วางยุทธศาสตร์ ในการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว
เมื่อถูกถามถึงความขัดแย้งภายในนั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนเป็นเลขาธิการพรรคมา 13 ปีกว่า และสามารถที่จะรวมพลังให้พรรคมีเอกภาพมาตลอด ซึ่งก็จะได้ไปพูดจากัน และทั้ง 2 ฝ่ายต้องหันมาร่วมมือกันในภาวะที่พรรคอยู่ในช่วงคับคัน โดยตนจะให้ความเสมอภาคและความยุติธรรมกับทุกฝ่าย
“ ตอนนี้เราสู้กับตัวเองเพื่อให้ประชาชนหันกลับมาให้ความนิยมกลับพรรค เราไม่จำเป็นต้องสู้กับพรรคไทยรักไทย นโยบายพรรคปประชาธิปัตย์ที่ออกไปถ้าเราทำไม่ได้เราไม่นำมากำหนดเป็นนโยบาย”
ส่วนกรณีที่ตนเองไม่ได้สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ ให้เป็นหัวหน้าพรรคนั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ถือเป็นเพชรเม็ดงามของพรรค ต้องดูจังหวะที่เขาจะขึ้นมาเป็นผู้นำ วาระการดำรงตำแหน่งของหน.พรรค คือ 4 ปี
“ ตรงนี้มันเป็นสิทธิของหัวหน้าพรรค มันเป็นประเพณีเรายังไม่เคยทำอะไรที่มันนอกประเพณีของพรรคนะครับ”
ถ้าเกิดว่าการที่คุณบัญญัติเป็นหน.พรรค แต่ในการหาเสียงเลือกตั้งชูให้คนอภิสิทธิ์ เป็นว่าที่นายกฯคนต่อไปถ้าประชาชนกลับมาเลือกประชาธิปัตย์ นายสนั่น กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ เพราะถือว่าเป็นสิทธิของหน.พรรคที่จะประกาศให้มีการดำเนินการอย่างใด และยังได้กล่าวถึงกรณีนายประดิษฐ์ กับ นายอภิสิทธิ์ ว่า สามารถทำงานร่วมงานกันได้ เพราะไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเพียงการทำหน้าที่ในช่วงการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเท่านั้น แต่เมื่อถึงเวลาที่พรรคต้องการความร่วมแรงร่วมใจ เชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างดี
พล.ต.สนั่น ยังกล่าวถึงกรณีที่จะส.ส.ภายในพรรคจะย้ายออกจากพรรคว่า เวลาที่เหลืออีก 1 ปีก่อนที่จะถึงการเลือกตั้ง ตนเองจะพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจแต่ก็ต้องอยู่กับส.ส.เหล่านั้น ว่าจะปฏิบัติอย่างไร
การเลือกตั้งในระดับการเมืองท้องถิ่นนั้นที่มีกระแสข่าวว่านายสุวโรช พะลัง นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร นายไพร พัฒโน จะลงสมัครเลือกตั้ง พล.ต.สนั่น กล่าวว่าได้พูดคุยกับทุกท่านแล้ว ยืนยันว่ามีเพียงคุณไพร ที่จะลงสมัคร และในส่วนของดร.สุรินทร์ที่จะลงเลือกตั้งนายกฯเทศบาล อบจ.นั้น ไม่มีทางที่ท่านะจะลงสมัครในตำแหน่งนี้
“ส่วนตัวผมคิดว่า ดร.สุรินทร์ ไม่ลง มาในระดับนี้แล้ว มีแต่ว่าจะไปอยู่ยูเอ็นเมื่อไหร่ เท่านั้น คงไม่กลับถอยหลังไปอยู่ อบจ.คงเป็นไปไม่ได้”
ในส่วนของการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ พล.ต.สนั่น มั่นใจว่า ส.ส.เขต และส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรค จะไม่มีทางกระเด็นไปพรรคไทยรักไทยแน่ เพราะประชาชนในภาคใต้ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด ในส่วนของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ยังได้รับการแก้ไขที่ไม่ถูกจุด จึงเป็นประเด็นที่ทำให้คนในพื้นที่ในภาคใต้ขาดความมั่นใจในการทำงานของรัฐบาล--
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 08/01/47--จบ--
-สส-