จากกรณีที่นายสุรนันท์ เวชชาชีวะนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์จะแต่งตั้ง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งทั่วประเทศ ว่า เรื่องนี้พรรคไทยรักไทยไม่หวั่นไหว เพราะพรรคประชาธิปัตย์พยายามค้นหาอนาคตจากอดีต และเป็นอดีตที่ไม่ค่อยสดใสนั้น
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่โฆษกพรรคไทยรักไทยโจมตี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์คงเกิดจากความวิตกกังวลว่าพรรคไทยรักไทยกำลังจะเจอศึกหนักจากอดีตแม่ทัพของพรรคซึ่งมีความสามารถสูง จึงได้รีบออกมากล่าวถ้อยคำรุนแรง พร้อมทั้งแนะนำว่าพรรคไทยรักไทยไม่ควรวิตกเกินกว่าเหตุ
นายองอาจ กล่าวว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์จะจบสิ้นหรือดำรงอยู่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับลมปากของโฆษกพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าไม่ได้เป็นลมปากของคนที่ทำหน้าที่นักการเมือง แต่เป็นลมปากของทาสซึ่งพยายามทำงานให้เป็นที่ถูกใจนายทาสเท่านั้น หากแต่ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของประชาชน ซึ่งโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยังคงยืนหยัดอยู่คู่ประเทศไทยต่อไป เพราะเป็นพรรคการเมืองของประชาชนทุกชั้นอาชีพไม่เหมือนพรรคไทยรักไทยที่เป็นพรรคการเมืองของหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียวซึ่งเปรียบเสมือนนายทาสคุมทาสรูปแบบต่างๆ อย่างที่สื่อมวลชนตั้งฉายาให้
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า โฆษกพรรคไทยรักไทยกำลังลดคุณค่าตนเอง จากการที่พยายามทำตัวเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ให้กลายเป็นนักการเมืองน้ำเน่า ซึ่งตกยุคไปหมดแล้ว ดังนั้นโฆษกพรรคไทยรักไทยไม่ควรมีพฤติกรรมการกล่าวกระแนะกระแหนการทำงานของพรรคการเมืองอื่นเกินความเป็นจริง นอกจากนี้นายองอาจชี้แจงว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้นำอดีตมาเป็นจุดขาย แต่พรรคได้นำบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมมือร่วมใจกันทำงานเพื่อต่อสู้กับอำนาจความชั่วร้าย ซึ่งสร้างขึ้นโดยรัฐบาลในชุดปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจรัฐที่สกปรก การใช้อำนาจเงินซึ่งมีที่มาอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีความจำเป็นที่จะต้องรวมพลัง ระดมบุคลากรของพรรคเพื่อจะต่อสู้กับความชั่วร้ายดังกล่าวเหล่านี้ ซึ่งสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายอะไร แต่สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำในขณะนี้คือการนำเงินในอนาคตมาให้ประชาชนใช้ในปัจจุบันน่าจะเป็นอันตรายมากกว่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 08/01/47--จบ--
-สส-
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่โฆษกพรรคไทยรักไทยโจมตี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์คงเกิดจากความวิตกกังวลว่าพรรคไทยรักไทยกำลังจะเจอศึกหนักจากอดีตแม่ทัพของพรรคซึ่งมีความสามารถสูง จึงได้รีบออกมากล่าวถ้อยคำรุนแรง พร้อมทั้งแนะนำว่าพรรคไทยรักไทยไม่ควรวิตกเกินกว่าเหตุ
นายองอาจ กล่าวว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์จะจบสิ้นหรือดำรงอยู่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับลมปากของโฆษกพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าไม่ได้เป็นลมปากของคนที่ทำหน้าที่นักการเมือง แต่เป็นลมปากของทาสซึ่งพยายามทำงานให้เป็นที่ถูกใจนายทาสเท่านั้น หากแต่ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของประชาชน ซึ่งโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยังคงยืนหยัดอยู่คู่ประเทศไทยต่อไป เพราะเป็นพรรคการเมืองของประชาชนทุกชั้นอาชีพไม่เหมือนพรรคไทยรักไทยที่เป็นพรรคการเมืองของหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียวซึ่งเปรียบเสมือนนายทาสคุมทาสรูปแบบต่างๆ อย่างที่สื่อมวลชนตั้งฉายาให้
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า โฆษกพรรคไทยรักไทยกำลังลดคุณค่าตนเอง จากการที่พยายามทำตัวเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ให้กลายเป็นนักการเมืองน้ำเน่า ซึ่งตกยุคไปหมดแล้ว ดังนั้นโฆษกพรรคไทยรักไทยไม่ควรมีพฤติกรรมการกล่าวกระแนะกระแหนการทำงานของพรรคการเมืองอื่นเกินความเป็นจริง นอกจากนี้นายองอาจชี้แจงว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้นำอดีตมาเป็นจุดขาย แต่พรรคได้นำบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมมือร่วมใจกันทำงานเพื่อต่อสู้กับอำนาจความชั่วร้าย ซึ่งสร้างขึ้นโดยรัฐบาลในชุดปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจรัฐที่สกปรก การใช้อำนาจเงินซึ่งมีที่มาอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีความจำเป็นที่จะต้องรวมพลัง ระดมบุคลากรของพรรคเพื่อจะต่อสู้กับความชั่วร้ายดังกล่าวเหล่านี้ ซึ่งสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายอะไร แต่สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำในขณะนี้คือการนำเงินในอนาคตมาให้ประชาชนใช้ในปัจจุบันน่าจะเป็นอันตรายมากกว่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 08/01/47--จบ--
-สส-