นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้ใครลงสมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร แต่ทั้งนี้ได้พิจารณาหาตัวบุคคลที่เหมาะสมมีความรู้ความสามารถ เป็นคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ พร้อมที่จะทำงานและแบกรับภารกิจของกรุงเทพฯ นอกจากนี้ต้องมีความเข้าใจในแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีจุดยืนโดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารงานท้องถิ่น ซึ่งพรรคถือเป็นหัวใจสำคัญ นอกจากนี้กรุงเทพฯถือเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนผลักดันกฎหมาย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ซึ่งส่งผลให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ตั้งแต่ ปี 2528 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้นายองอาจเปิดเผยว่าขณะนี้มีผู้ที่พรรคกำลังพิจารณาอยู่ 3-4 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีความเหมาะสม อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปนี้คนกรุงเทพจะสามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าใครจะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่เหมาะสมที่สุด
นายองอาจ กล่าวด้วยว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับการเลือกตั้งในระดับชาติเท่าใด จะเห็นได้จากที่นายสมัคร สุนทรเวช ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. แต่พรรคประชากรไทยก็ไม่ได้รับการเลือกตั้งในระดับชาติที่กรุงเทพฯ แต่อาจจะมีพรรคการเมืองบางพรรคทำให้เกี่ยวข้องกัน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ประเมินสถานการณ์ในการแข่งขันและจะไม่นำเรื่องนี้มาใช้เป็นกลยุทธ์ใดๆ เพียงแต่ต้องการเน้นให้ได้ผู้ว่าฯที่สามารถเข้ามาบริหารงาน แก้ไขปัญหา และพัฒนากรุงเทพฯให้ยั่งยืนได้มากกว่าที่จะไปคำนึงถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต่อไป
ส่วนกรณีที่มีข่าวทาบทามนายอภิรักษ์ โกษะโยธินเป็นผู้ลงสมัครนั้น นายองอาจกล่าวว่าที่ผ่านมาพรรคได้ทาบทามบุคคลที่เหมาะสมหลายท่าน และยอมรับว่านายอภิรักษ์คือหนึ่งในจำนวนบุคคลที่ถูกทาบทามในขณะนี้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีมติยืนยันชัดเจนว่าจะส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการพูดคุย ปรึกษาหารือกัน ซึ่งเท่าที่ดูบุคคลที่ถูกทาบทามก็มีความสนใจพอสมควร ทั้งนี้นายองอาจยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์มีบุคคลที่เหมาะสมในการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แน่นอน เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะเปิดเผยรายชื่อ ซึ่งจะได้ข้อสรุปประมาณกลางเดือนถึงปลายเดือนมกราคมนี้
นายองอาจ กล่าวถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยบอกว่าจะส่งนายบุญคลี ปลั่งศิริ ลงสมัครว่า เข้าใจว่าไทยรักไทยมองการสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แบบเล่นๆ นึกจะพูดชื่อใครก็พูด เหมือนเสนอเล่นๆไม่ได้เอาจริงเอาจัง อีกทั้งเจ้าตัวก็ออกมาปฏิเสธทันที จึงไม่อยากให้พรรคไทยรักไทยมองว่าตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เป็นตำแหน่งที่จะพูดชื่อใครมาลงสมัครรับเลือกตั้งเล่นๆได้ เพราะตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เป็นตำแหน่งที่สำคัญ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 08/01/47--จบ--
-สส-
นายองอาจ กล่าวด้วยว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับการเลือกตั้งในระดับชาติเท่าใด จะเห็นได้จากที่นายสมัคร สุนทรเวช ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. แต่พรรคประชากรไทยก็ไม่ได้รับการเลือกตั้งในระดับชาติที่กรุงเทพฯ แต่อาจจะมีพรรคการเมืองบางพรรคทำให้เกี่ยวข้องกัน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ประเมินสถานการณ์ในการแข่งขันและจะไม่นำเรื่องนี้มาใช้เป็นกลยุทธ์ใดๆ เพียงแต่ต้องการเน้นให้ได้ผู้ว่าฯที่สามารถเข้ามาบริหารงาน แก้ไขปัญหา และพัฒนากรุงเทพฯให้ยั่งยืนได้มากกว่าที่จะไปคำนึงถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต่อไป
ส่วนกรณีที่มีข่าวทาบทามนายอภิรักษ์ โกษะโยธินเป็นผู้ลงสมัครนั้น นายองอาจกล่าวว่าที่ผ่านมาพรรคได้ทาบทามบุคคลที่เหมาะสมหลายท่าน และยอมรับว่านายอภิรักษ์คือหนึ่งในจำนวนบุคคลที่ถูกทาบทามในขณะนี้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีมติยืนยันชัดเจนว่าจะส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการพูดคุย ปรึกษาหารือกัน ซึ่งเท่าที่ดูบุคคลที่ถูกทาบทามก็มีความสนใจพอสมควร ทั้งนี้นายองอาจยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์มีบุคคลที่เหมาะสมในการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แน่นอน เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะเปิดเผยรายชื่อ ซึ่งจะได้ข้อสรุปประมาณกลางเดือนถึงปลายเดือนมกราคมนี้
นายองอาจ กล่าวถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยบอกว่าจะส่งนายบุญคลี ปลั่งศิริ ลงสมัครว่า เข้าใจว่าไทยรักไทยมองการสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แบบเล่นๆ นึกจะพูดชื่อใครก็พูด เหมือนเสนอเล่นๆไม่ได้เอาจริงเอาจัง อีกทั้งเจ้าตัวก็ออกมาปฏิเสธทันที จึงไม่อยากให้พรรคไทยรักไทยมองว่าตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เป็นตำแหน่งที่จะพูดชื่อใครมาลงสมัครรับเลือกตั้งเล่นๆได้ เพราะตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เป็นตำแหน่งที่สำคัญ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 08/01/47--จบ--
-สส-