นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ภาคใต้ในขณะนี้ว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพราะเป็นเรื่องระดับนโยบาย สำหรับพูดนายกฯ ที่มุ่งไปที่ตัวบุคคลหรือมุ่งไปที่ข้าราชการตนคิดว่า อย่าไปสรุปง่ายๆแบบนั้น และอยากให้การดำเนินงานของรัฐบาลหรือนายกฯ ทำไปด้วยความรอบคอบและมองที่ความละเอียดอ่อนของปัญหา
‘เราจะเห็นว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการจับกุม มีการปล่อย เพราะไปพัวพันกับเรื่องศาสนา อีกวันนายกฯมาบอกว่าเป็นคนเหนือพูดกลางไม่ชัด ซึ่งแสดงให้เห้นว่าเป็นการพูดอะไรที่ผิดพลาดและไปกระทบกับความรู้สึกของประชาชน ทั้งวันนี้ยังพูดว่าข้าราชการอ่อนแอ ผมว่าคำพูดเหล่านี้เป็นการกระทบกับขวัญและกำลังใจของข้าราชการ’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายกฯ ต้องกลับไปทบทวนบทบาทของตัวเอง คืออย่ามองปัญหาทั้งหมดในแง่มุมของการปราบปราม เรื่องนี้ตนบอกได้เลยว่านายกฯผิดพลาดมาตั้งแต่การยุบศอ.บต.รวมถึงหน่วยงานอื่น เพราะนายกฯเข้าใจว่างานมีด้านเดียวคือเชิงปราบปราม จึงเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อย ทั้งที่จริงแล้วต้องใช้ความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้ง ตำรวจ ทหาร และพลเรือน ดังนั้นการที่นายกฯคิดมุมเดียวให้ตำรวจไปดูแลทั้งหมด จึงเป็นการคิดที่ผิด
‘ในประสบการณ์ชีวิตท่าน มองอะไรเรื่องเดียว เรื่องธุรกิจบ้างเรื่องเงินบ้าง แม้กระทั่งล่าสุดที่บอกว่า ไม่เป็นไร ต่อไปจะทุ่มเงินงบประมาณไปแล้วแก้ได้ ไม่ใช่ครับ มันมีความละเอียดอ่อนเรื่องอื่น เพราะฉะนั้นในปัญหาเฉพาะหน้า ตอนนี้ความจำเป็นเรื่องความดูแลความมั่นคง การหาตัวผู้กระทำความผิดต้องทำเต็มที่ แต่สิ่งที่ขาดหายไปทั้งหมดจาก 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลนี้คือ เรื่องของมวลชนสัมพันธ์ เรื่องการไปทำลายความไว้วางใจในหลายส่วนทั้งพี่น้องชาวพุทธ และชาวมุสลิมทางภาคใต้ ซึ่งหากนายกฯเข้าถึงตรงนี้ ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง และระมัดระวังเรื่องคำพูดและการแสดงออก ผมเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ส่วนที่นายกฯบอกว่าคนที่เสนอให้รื้อฟื้นศอ.บต.ถูกจองจำโดยประวัติศาสตร์ ผมคิดว่าคนที่ถูกจองจำโดยประวัติศาสตร์ คือคนที่พูดอะไร ทำอะไรผิดพลาดในอดีตแล้วไม่กล้ายอมรับมากกว่า’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14/01/47--จบ--
-สส-
‘เราจะเห็นว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการจับกุม มีการปล่อย เพราะไปพัวพันกับเรื่องศาสนา อีกวันนายกฯมาบอกว่าเป็นคนเหนือพูดกลางไม่ชัด ซึ่งแสดงให้เห้นว่าเป็นการพูดอะไรที่ผิดพลาดและไปกระทบกับความรู้สึกของประชาชน ทั้งวันนี้ยังพูดว่าข้าราชการอ่อนแอ ผมว่าคำพูดเหล่านี้เป็นการกระทบกับขวัญและกำลังใจของข้าราชการ’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายกฯ ต้องกลับไปทบทวนบทบาทของตัวเอง คืออย่ามองปัญหาทั้งหมดในแง่มุมของการปราบปราม เรื่องนี้ตนบอกได้เลยว่านายกฯผิดพลาดมาตั้งแต่การยุบศอ.บต.รวมถึงหน่วยงานอื่น เพราะนายกฯเข้าใจว่างานมีด้านเดียวคือเชิงปราบปราม จึงเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อย ทั้งที่จริงแล้วต้องใช้ความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้ง ตำรวจ ทหาร และพลเรือน ดังนั้นการที่นายกฯคิดมุมเดียวให้ตำรวจไปดูแลทั้งหมด จึงเป็นการคิดที่ผิด
‘ในประสบการณ์ชีวิตท่าน มองอะไรเรื่องเดียว เรื่องธุรกิจบ้างเรื่องเงินบ้าง แม้กระทั่งล่าสุดที่บอกว่า ไม่เป็นไร ต่อไปจะทุ่มเงินงบประมาณไปแล้วแก้ได้ ไม่ใช่ครับ มันมีความละเอียดอ่อนเรื่องอื่น เพราะฉะนั้นในปัญหาเฉพาะหน้า ตอนนี้ความจำเป็นเรื่องความดูแลความมั่นคง การหาตัวผู้กระทำความผิดต้องทำเต็มที่ แต่สิ่งที่ขาดหายไปทั้งหมดจาก 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลนี้คือ เรื่องของมวลชนสัมพันธ์ เรื่องการไปทำลายความไว้วางใจในหลายส่วนทั้งพี่น้องชาวพุทธ และชาวมุสลิมทางภาคใต้ ซึ่งหากนายกฯเข้าถึงตรงนี้ ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง และระมัดระวังเรื่องคำพูดและการแสดงออก ผมเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ส่วนที่นายกฯบอกว่าคนที่เสนอให้รื้อฟื้นศอ.บต.ถูกจองจำโดยประวัติศาสตร์ ผมคิดว่าคนที่ถูกจองจำโดยประวัติศาสตร์ คือคนที่พูดอะไร ทำอะไรผิดพลาดในอดีตแล้วไม่กล้ายอมรับมากกว่า’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14/01/47--จบ--
-สส-