สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2546 มีการกระเตื้องขึ้นจากปีก่อนมาก ถึงแม้ช่วงครึ่งแรกของปีจะต้องเผชิญกับปัญหาความไม่แน่นอนที่เกิดจากสงครามในอิรักและการระบาดของโรคทางเดินหายใจ เฉียบพลัน (ซาร์ส) แต่ในช่วงครึ่งหลังของปี ประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงมากในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงสุดในช่วงเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจของญี่ปุ่นซึ่งตกอยู่ในภาวะซบเซามาหลายปี ก็มีอัตราการขยายตัวสูงกว่าที่คาดกันไว้ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป ก็มีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างช้าๆ แม้จะยังอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างอ่อนแอ สําหรับประเทศในเอเซียนอกจากญี่ปุ่น ประเทศจีนซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน รุนแรง (SARS) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2546 ก็มีการขยายตัวในอัตราสูงในช่วงครึ่งหลังของปี และคาดกันว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2546 จะอยู่ในระดับร้อยละ 8 เศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมใหม่ในเอเซีย คือ เกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งล้วนได้รับผลกระทบจากโรคซาร์ส ก็มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี หลายฝ่ายคาดกันว่า หากไม่มีอุบัติเหตุใด ๆ เกิดขึ้น เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าในปี 2546 โดยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 4.1 เทียบกับระดับร้อยละ 3.2 ในปี 2546
สําหรับเศรษฐกิจไทย ในปี 2546 ก็มีอัตราการขยายตัวที่ชัดเจนมากขึ้น โดยการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกมีการขยายตัวในอัตราสูง และการลงทุนก็มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น แม้ภาคการ ท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากปัญหาโรคซาร์สในช่วงไตรมาสที่ 2 แต่ภาคเศรษฐกิจอื่นๆ รวมทั้งภาค อุตสาหกรรม ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคซาร์สแต่อย่างใด อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2546 จากการประมาณการผลิตภัณฑ์ประชาชาติของสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือ GDP ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2546 อยู่ในระดับร้อยละ 6.7, 5.8 และ 6.5 ตามลําดับ โดยภาคอุตสาหกรรมมีอัตราการขยายตัวสูงถึงร้อยละ 11.2 ในไตรมาสแรก 11.1ในไตรมาสที่ 2 และร้อยละ 9 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2546 ทั้งปี เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ในระดับร้อยละ6.3 - 6.4
สําหรับปี 2547 หลายฝ่ายคาดกันว่า เศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัวในอัตราสูงถึงอัตราร้อยละ 7 - 8 โดยภาคอุตสาหกรรมจะมีอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยโดยรวม ปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2547 มีอยู่หลายประการ คือ 1). อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับตํ่า ซึ่งเอื้อต่อการใช้จ่ายและการลงทุน 2). มาตรการของรัฐบาลซึ่งมีการกระตุ้นการใช้จ่ายในโครงการต่างๆ รวมทั้งการเร่งการใช้จ่ายของรัฐบาลภายใต้งบกลางจะมีส่วนกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุน 3). การส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ดี แม้หลายฝ่ายจะคาดกันว่า อัตราการขยายตัวของการส่งออกในปี 2547 น่าจะชะลอตัวลงบ้าง จากการแข็งตัวของค่าเงินบาทและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แต่การเร่งทําข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ และบรรยากาศการลงทุนของไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดี จะทําให้การค้าและการลงทุนต่างประเทศในปี 2547 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น 4). ตลาดทุนที่มีความคึกคักและความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ดี จะมีส่วนในการกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุนในประเทศ การที่สถาบันจัดอันดับหลายแห่งมีการปรับระดับความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทยสูงขึ้น จะมีส่วนช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน
ฉะนั้น เศรษฐกิจไทยในปี 2547 จึงมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นจากทั้งอุปสงค์ภายในประเทศด้านการบริโภคและการลงทุน และจากด้านต่างประเทศ คือ การส่งออกและการการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี ก็มีปัจจัยเสี่ยงอยู่บางประการคือ 1). แนวโน้มการปรับตัวของค่าเงินบาทและผลกระทบที่เกิดจากการปรับค่าเงินหยวนของจีนตามแรงกดดันของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดว่า หากจีนจะปรับขึ้นค่าเงินหยวนคงทําในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป 2). ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงอาจจะกระทบรายได้ของครัวเรือนเกษตรกร 3).ความไม่แน่นอนที่เกิดจากภาวะการก่อการร้ายในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก อาจส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการคลี่คลายของสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดกันว่า เศรษฐกิจไทยอาจมีการขยายตัวในระดับที่สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ และอาจเป็นประเทศที่มีอัตราการขยายตัวสูงเป็นอันดับสองในทวีปเอเซียรองจากจีนในปี 2547 สิ่งที่ต้องพึงระวังในระยะยาว คือ ผลจากการกระตุ้นการใช้จ่ายซึ่งทําให้เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเจริญเติบโตสูงมากอย่างต่อเนื่องหลายปีจากการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล อาจก่อให้เกิดปัญหาการเก็งกําไรในลักษณะ "ฟองสบู่" อีกและอาจนําไปสู่การเกิดวิกฤตเศรษฐกิจใหม่อีกระลอกหนึ่ง แต่สิ่งนี้อาจไม่เกิดขึ้นในช่วงปีสองปีนี้ และรัฐบาลก็มีการเฝ้าระวังในเรื่องนี้อยู่บ้าง และมีนโยบายและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อให้มีอัตราการขยายตัวที่ยังยืน
สําหรับภาคอุตสาหกรรม จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index: MPI) ที่จัดทําโดยสํานักงานเศรฐกิจอุตสาหกรรมที่คลอบคลุมอุตสาหกรรม 50 กลุ่ม (ในระดับ ISIC 4 หลัก) พบว่า ในช่วงเดือนมกราคม - ตุลาคม 2546 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2545 ร้อยละ 8.4 ซึ่งดัชนีเฉลี่ยช่วง 10 เดือนในปี 2546 มีค่า 124.9 เทียบกับ 115.3 ในปี 2545 โดยมีอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ดัชนีการส่งสินค้า (Shipment Index) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม อัตราการใช้กําลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมก็มีการกระเตื้องขึ้นในปี 2546 โดยอุตสาหกรรมหลายกลุ่มทั้งการผลิตอาหาร เครื่องดื่ม เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง ผลิตภัณฑ์นํ้ามันปิโตรเลียม อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ล้วนมีอัตรการใช้กําลังการผลิตในระดับสูงขึ้น ดัชนีอื่น ๆ เช่นดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภค ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ดัชนีชี้นําและดัชนีพ้องทางเศรษฐกิจ ที่จัดทําโดยหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็มีการปรับตัวในระดับที่ดีขึ้น
สําหรับภาคเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในปี 2546 ก็มีแนวโน้มที่ดี โดยในปี 2546 การส่งออกมีมูลค่าสูงกว่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯทุกเดือน การส่งออกใน 10 เดือนแรกของปีมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11.86 และคาดกันว่าในปี 2546 ทั้งปี มูลค่าการส่งออกจะมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าร้อยละ 12 โดยสินค้าอุตสาหกรรมมีการขยายตัวด้านการส่งออกในอัตราที่สูงกว่าร้อยละ 15 การลงทุนจากต่างประเทศที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในปี 2546 ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปี 2545 เป็นอย่างมาก
สรุปภาวะและแนวโน้มในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม
อาหาร
การผลิตของอุตสาหกรรมอาหารมีการเพิ่มขึ้นจากปี 2545 ประมาณร้อยละ 8 การส่งออกส่งออกของอุตสาหกรรมการแปรรูปปศุสัตว์และประมง ผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้ นํ้ามันพืช ผลิตภัณฑ์มัน สําปะหลัง มีการขยายตัวสูงขึ้น แม้สินค้าบางชนิด เช่น อาหารสัตว์และบะหมี่สําเร็จรูป จะมีมูลค่าการส่งออกลดลงบ้าง และการส่งออกกุ้งแช่แข็งยังมีแนวโน้มไม่ชัดเจนสําหรับภาวะอุตสาหกรรมอาหารปี 2547 คาดว่าทั้งการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหารจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8.12 จากภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น
สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
การส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มส่วนมากมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ยังมีการผลิตของผลิตภัณฑ์บางตัวจะลดลงมาบ้าง ใน 10 เดือนแรกมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุงห่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2545 ในปี 2547 คาดว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอจะยังมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราที่ไม่สูงมาก แต่ผู้ผลิตจะได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มตามกรอบของ WTO จึงต้องมีการปรับตัวเพื่อตอบรับกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
รองเท้าและเครื่องหนัง
ยังมีสภาวะทรงตัว แม้จะกระเตื้องขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย โดยดัชนีผลผลิตเครื่องหนังมีแนวโน้มลดลงแต่รองเท้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม นโยบายการทําข้อตกลงทางการค้าเสรีกับประเทศต่าง ๆ และกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่นอาจทําให้การส่งออกขยายตัวได้ในระยะยาว แต่ก็ต้องประสบกับการแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศที่มีราคาถูกกว่า
ไม้และเครื่องเรือน
ในช่วงต้นปีมีปริมาณการผลิตและการส่งออกยังอยู่ในระดับตํ่า แต่มีการปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ในช่วง 10 เดือนแรก การส่งออกเครื่องเรือนและชิ้นส่วนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.2 ไม้แปรรูปและไม้แผ่นก็มีการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 แต่ผลิตภัณฑ์ไม้ เช่น กรอบรูป อุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องใช้และเครื่องประดับมีการส่งออกที่ทรงตัว โดยรวมแล้วการผลิตเครื่องเรือนและชิ้นส่วนในปี 2546 มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่มีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงครึ่งหลัง ในปี 2547 คาดว่า อุตสาหกรรมนี้จะมีการขยายตัวในระดับร้อยละ 7 - 10 ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ การขยายตัวของการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ และการปรับตัวของตลาดโลกซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ไทยยังคงต้องเผชิญการแข่งขันจากประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานถูกลง เช่น จีนและเวียดนาม
ยาและเคมีภัณฑ์
ในปี 2546 ผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมมีการขยายตัวทางด้านการผลิตและการจําหน่ายในอัตราร้อยละ 9 และร้อยละ 4 ตามลําดับ แต่การนําเข้ามีการขยายตัวในอัตราสูงถึงร้อยละ 22.3 การส่งออกก็มีการขยายตัวดีในระดับร้อยละ 18.7 ในปี 2547 คาดว่าอุตสาหกรรมจะยังมีอัตราการขยายตัวดี
สําหรับเคมีภัณฑ์ การส่งออกในเคมีภัณฑ์อินทรีย์มีการขยายตัวบ้าง ผลิตภัณฑ์เคมีอื่น ๆ เช่น ปุ๋ย สี เครื่องสําอางค์ ก็มีการขยายตัวบ้าง
ยางและผลิตภัณฑ์ยาง
ยังมีการขยายตัวในอัตราสูงทั้งการผลิตและการส่งออกทั้งในยางเบื้องต้นและผลิตภัณฑ์ยาง สําหรับยางเบื้องต้นการส่งออกมีการขยายตัวจากการส่งออกไปประเทศจีนที่มีการขยายตัวในอัตราสูง โดยรวมแล้วปี 2546 ถือว่าเป็นปีที่ดีของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง ในปี 2547 คาดว่าราคายางและผลิตภัณฑ์ยางในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มสดใส ความต้องการในยางเบื้องต้นก็มีแนวโน้มที่ดีผลิตภัณฑ์พลาสติก มีการส่งออกเพิ่มขึ้นในอัตราสูงในผลิตภัณฑ์แทบทุกประเภท โดยเฉพาะถุงและกระสอบพลาสติก แผ่นฟิล์ม ฟอยส์และแถบ ตลอดจนผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่น ๆ สําหรับแนวโน้มในตลาดโลกยังมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่คาดว่าอุตสาหกรรมนี้ยังคงมีการขยายตัวในปี 2547
ซีเมนต์
การผลิตปูนซีเมนต์ในปี 2546 ยังคงมีการขยายตัวจากธุรกิจก่อสร้างที่ขยายตัว แต่การผลิตปูนเม็ดซึ่งส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อการส่งออกลดลงจากปีก่อนร้อยละ 12.6 โดยทั่วไปตลาดภายในประเทศมีการขยายตัว แต่การส่งออกมีมูลค่าลดลง สําหรับปี 2547 อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์จะมีแนวโน้มขยายตัวต่อไปตามภาวะธุรกิจการก่อสร้าง โดยเฉพาะการก่อสร้างภาครัฐ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิและระบบการคมนาคมขนส่ง แต่สําหรับตลาดต่างประเทศอาจมีแนวโน้มลดลงต่อไปจากค่าขนส่งที่สูงขึ้น และการเน้นการขายในประเทศของผู้ผลิต
เซรามิกส์และสุขภัณฑ์
การจําหน่ายในประเทศยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การส่งออกก็มีการขยายตัวในอัตราร้อยละ 8.2 โดยเครื่องสุขภัณฑ์ ของชําร่วย เครื่องประดับและเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารล้วนมีอัตราการขยายตัว อุตสาหกรรมนี้น่าจะมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2547 แม้จะมีระดับการแข่งขันที่รุนแรงทั้งตลาดในประเทศและในตลาดโลก
เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
การส่งออกใน 10 เดือนแรกของปี 2546 มีการขยายตัวร้อยละ 11.5 สําหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า และร้อยละ 6.8 สําหรับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และสินค้าที่เกี่ยวข้องมีการผลิตลดลง คาดว่าในตลอดปี 2546 การส่งออกจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก ปีก่อน ส่วนแนวโน้มในปี 2547 คาดว่าจะมีภาวะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ยานยนต์
ในปี 2546 อุตสาหกรรมยานยนต์มีการขยายตัวทั้งในด้านการผลิตและการจําหน่าย การผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทในปี 2546 เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ร้อยละ 28.2 การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 การผลิตและการส่งออกของรถจักรยานยนต์ก็มีอัตราการขยายตัวสูง คาดว่าในปี 2547 อุตสาหกรรม ยานยนต์ไทยยังคงมีแนวโน้มที่ดี ทั้งการผลิตและการส่งออก
อัญมณีและเครื่องประดับ
มีการขยายตัวส่งออกโดยรวมร้อยละ 13.6 ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2546 แต่ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเนื่องจากการส่งออกของทองคําที่ยังไม่ขึ้นรูปที่มีการขยายตัวในอัตราสูงจากราคาตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าในปี 2547 อุตสาหกรรมนี้จะยังคงมีอัตราการขยายตัวเป็นบวก แม้อาจได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น
เหล็กและเหล็กกล้า
มีการผลิตเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และการก่อสร้าง การส่งออกก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอัตราสูง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสําเร็จรูปที่ส่งออกไปเวียดนามและจีนมีอัตราการขยายตัวที่สูงมาก แต่เหล็กแผ่นและเหล็กแท่งแบนมีการส่งออกลดลง แนวโน้มปี 2547 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ แม้การจําหน่ายในประเทศจะยังมีแนวโน้มที่ดี แต่การส่งออกอาจได้รับผลกระทบจากค่าขนส่งที่สูงขึ้น
ปิโตรเคมี
ภาวะการผลิตที่ล้นเกิน (Oversupply) มีการคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นจากการจําหน่ายในประเทศและการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น การทําข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศอินเดีย ซึ่งเม็ดพลาสติกเป็นหนึ่งในสินค้าที่จะลดภาษีเบื้องต้นจะมีผลทําให้การส่งออกเม็ดพลาสติกไปอินเดียมีการขยายตัวสูงขึ้น การส่งออกไปจีนก็จะยังคงมีการขยายตัวในเกณฑ์ดี
กระดาษและเยื่อกระดาษ
ในปี 2546 คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะยังมีการขยายตัว แม้ดัชนีผลผลิตจากการสํารวจของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมใน 10 เดือนแรกแสดงแนวโน้มที่ลดลง สําหรับแนวโน้มปี 2547 คาดว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสําคัญเป็นจีนและฮ่องกง ที่ดีขึ้น
กล่าวโดยสรุป แทบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีการขยายตัวในเกณฑ์ดีในปี 2546 และมีแนวโน้มที่ ค่อนข้างสดใสในปี 2547 แม้การส่งออกของไทยจะประสบกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แต่การเปิดตลาด นําเข้าจะทําให้สินค้าอุตสาหกรรมที่มีราคาถูกเข้ามาแข่งขันกับอุตสาหกรรมภายในมากขึ้น ผู้ผลิตจึงต้องมีการปรับตัวเพื่อรับกับภาวะการแข่งขันที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-พห-
สําหรับเศรษฐกิจไทย ในปี 2546 ก็มีอัตราการขยายตัวที่ชัดเจนมากขึ้น โดยการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกมีการขยายตัวในอัตราสูง และการลงทุนก็มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น แม้ภาคการ ท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากปัญหาโรคซาร์สในช่วงไตรมาสที่ 2 แต่ภาคเศรษฐกิจอื่นๆ รวมทั้งภาค อุตสาหกรรม ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคซาร์สแต่อย่างใด อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2546 จากการประมาณการผลิตภัณฑ์ประชาชาติของสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือ GDP ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2546 อยู่ในระดับร้อยละ 6.7, 5.8 และ 6.5 ตามลําดับ โดยภาคอุตสาหกรรมมีอัตราการขยายตัวสูงถึงร้อยละ 11.2 ในไตรมาสแรก 11.1ในไตรมาสที่ 2 และร้อยละ 9 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2546 ทั้งปี เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ในระดับร้อยละ6.3 - 6.4
สําหรับปี 2547 หลายฝ่ายคาดกันว่า เศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัวในอัตราสูงถึงอัตราร้อยละ 7 - 8 โดยภาคอุตสาหกรรมจะมีอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยโดยรวม ปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2547 มีอยู่หลายประการ คือ 1). อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับตํ่า ซึ่งเอื้อต่อการใช้จ่ายและการลงทุน 2). มาตรการของรัฐบาลซึ่งมีการกระตุ้นการใช้จ่ายในโครงการต่างๆ รวมทั้งการเร่งการใช้จ่ายของรัฐบาลภายใต้งบกลางจะมีส่วนกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุน 3). การส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ดี แม้หลายฝ่ายจะคาดกันว่า อัตราการขยายตัวของการส่งออกในปี 2547 น่าจะชะลอตัวลงบ้าง จากการแข็งตัวของค่าเงินบาทและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แต่การเร่งทําข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ และบรรยากาศการลงทุนของไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดี จะทําให้การค้าและการลงทุนต่างประเทศในปี 2547 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น 4). ตลาดทุนที่มีความคึกคักและความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ดี จะมีส่วนในการกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุนในประเทศ การที่สถาบันจัดอันดับหลายแห่งมีการปรับระดับความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทยสูงขึ้น จะมีส่วนช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน
ฉะนั้น เศรษฐกิจไทยในปี 2547 จึงมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นจากทั้งอุปสงค์ภายในประเทศด้านการบริโภคและการลงทุน และจากด้านต่างประเทศ คือ การส่งออกและการการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี ก็มีปัจจัยเสี่ยงอยู่บางประการคือ 1). แนวโน้มการปรับตัวของค่าเงินบาทและผลกระทบที่เกิดจากการปรับค่าเงินหยวนของจีนตามแรงกดดันของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดว่า หากจีนจะปรับขึ้นค่าเงินหยวนคงทําในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป 2). ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงอาจจะกระทบรายได้ของครัวเรือนเกษตรกร 3).ความไม่แน่นอนที่เกิดจากภาวะการก่อการร้ายในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก อาจส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการคลี่คลายของสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดกันว่า เศรษฐกิจไทยอาจมีการขยายตัวในระดับที่สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ และอาจเป็นประเทศที่มีอัตราการขยายตัวสูงเป็นอันดับสองในทวีปเอเซียรองจากจีนในปี 2547 สิ่งที่ต้องพึงระวังในระยะยาว คือ ผลจากการกระตุ้นการใช้จ่ายซึ่งทําให้เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเจริญเติบโตสูงมากอย่างต่อเนื่องหลายปีจากการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล อาจก่อให้เกิดปัญหาการเก็งกําไรในลักษณะ "ฟองสบู่" อีกและอาจนําไปสู่การเกิดวิกฤตเศรษฐกิจใหม่อีกระลอกหนึ่ง แต่สิ่งนี้อาจไม่เกิดขึ้นในช่วงปีสองปีนี้ และรัฐบาลก็มีการเฝ้าระวังในเรื่องนี้อยู่บ้าง และมีนโยบายและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อให้มีอัตราการขยายตัวที่ยังยืน
สําหรับภาคอุตสาหกรรม จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index: MPI) ที่จัดทําโดยสํานักงานเศรฐกิจอุตสาหกรรมที่คลอบคลุมอุตสาหกรรม 50 กลุ่ม (ในระดับ ISIC 4 หลัก) พบว่า ในช่วงเดือนมกราคม - ตุลาคม 2546 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2545 ร้อยละ 8.4 ซึ่งดัชนีเฉลี่ยช่วง 10 เดือนในปี 2546 มีค่า 124.9 เทียบกับ 115.3 ในปี 2545 โดยมีอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ดัชนีการส่งสินค้า (Shipment Index) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม อัตราการใช้กําลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมก็มีการกระเตื้องขึ้นในปี 2546 โดยอุตสาหกรรมหลายกลุ่มทั้งการผลิตอาหาร เครื่องดื่ม เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง ผลิตภัณฑ์นํ้ามันปิโตรเลียม อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ล้วนมีอัตรการใช้กําลังการผลิตในระดับสูงขึ้น ดัชนีอื่น ๆ เช่นดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภค ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ดัชนีชี้นําและดัชนีพ้องทางเศรษฐกิจ ที่จัดทําโดยหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็มีการปรับตัวในระดับที่ดีขึ้น
สําหรับภาคเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในปี 2546 ก็มีแนวโน้มที่ดี โดยในปี 2546 การส่งออกมีมูลค่าสูงกว่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯทุกเดือน การส่งออกใน 10 เดือนแรกของปีมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11.86 และคาดกันว่าในปี 2546 ทั้งปี มูลค่าการส่งออกจะมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าร้อยละ 12 โดยสินค้าอุตสาหกรรมมีการขยายตัวด้านการส่งออกในอัตราที่สูงกว่าร้อยละ 15 การลงทุนจากต่างประเทศที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในปี 2546 ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปี 2545 เป็นอย่างมาก
สรุปภาวะและแนวโน้มในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม
อาหาร
การผลิตของอุตสาหกรรมอาหารมีการเพิ่มขึ้นจากปี 2545 ประมาณร้อยละ 8 การส่งออกส่งออกของอุตสาหกรรมการแปรรูปปศุสัตว์และประมง ผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้ นํ้ามันพืช ผลิตภัณฑ์มัน สําปะหลัง มีการขยายตัวสูงขึ้น แม้สินค้าบางชนิด เช่น อาหารสัตว์และบะหมี่สําเร็จรูป จะมีมูลค่าการส่งออกลดลงบ้าง และการส่งออกกุ้งแช่แข็งยังมีแนวโน้มไม่ชัดเจนสําหรับภาวะอุตสาหกรรมอาหารปี 2547 คาดว่าทั้งการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหารจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8.12 จากภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น
สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
การส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มส่วนมากมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ยังมีการผลิตของผลิตภัณฑ์บางตัวจะลดลงมาบ้าง ใน 10 เดือนแรกมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุงห่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2545 ในปี 2547 คาดว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอจะยังมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราที่ไม่สูงมาก แต่ผู้ผลิตจะได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มตามกรอบของ WTO จึงต้องมีการปรับตัวเพื่อตอบรับกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
รองเท้าและเครื่องหนัง
ยังมีสภาวะทรงตัว แม้จะกระเตื้องขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย โดยดัชนีผลผลิตเครื่องหนังมีแนวโน้มลดลงแต่รองเท้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม นโยบายการทําข้อตกลงทางการค้าเสรีกับประเทศต่าง ๆ และกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่นอาจทําให้การส่งออกขยายตัวได้ในระยะยาว แต่ก็ต้องประสบกับการแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศที่มีราคาถูกกว่า
ไม้และเครื่องเรือน
ในช่วงต้นปีมีปริมาณการผลิตและการส่งออกยังอยู่ในระดับตํ่า แต่มีการปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ในช่วง 10 เดือนแรก การส่งออกเครื่องเรือนและชิ้นส่วนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.2 ไม้แปรรูปและไม้แผ่นก็มีการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 แต่ผลิตภัณฑ์ไม้ เช่น กรอบรูป อุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องใช้และเครื่องประดับมีการส่งออกที่ทรงตัว โดยรวมแล้วการผลิตเครื่องเรือนและชิ้นส่วนในปี 2546 มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่มีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงครึ่งหลัง ในปี 2547 คาดว่า อุตสาหกรรมนี้จะมีการขยายตัวในระดับร้อยละ 7 - 10 ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ การขยายตัวของการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ และการปรับตัวของตลาดโลกซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ไทยยังคงต้องเผชิญการแข่งขันจากประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานถูกลง เช่น จีนและเวียดนาม
ยาและเคมีภัณฑ์
ในปี 2546 ผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมมีการขยายตัวทางด้านการผลิตและการจําหน่ายในอัตราร้อยละ 9 และร้อยละ 4 ตามลําดับ แต่การนําเข้ามีการขยายตัวในอัตราสูงถึงร้อยละ 22.3 การส่งออกก็มีการขยายตัวดีในระดับร้อยละ 18.7 ในปี 2547 คาดว่าอุตสาหกรรมจะยังมีอัตราการขยายตัวดี
สําหรับเคมีภัณฑ์ การส่งออกในเคมีภัณฑ์อินทรีย์มีการขยายตัวบ้าง ผลิตภัณฑ์เคมีอื่น ๆ เช่น ปุ๋ย สี เครื่องสําอางค์ ก็มีการขยายตัวบ้าง
ยางและผลิตภัณฑ์ยาง
ยังมีการขยายตัวในอัตราสูงทั้งการผลิตและการส่งออกทั้งในยางเบื้องต้นและผลิตภัณฑ์ยาง สําหรับยางเบื้องต้นการส่งออกมีการขยายตัวจากการส่งออกไปประเทศจีนที่มีการขยายตัวในอัตราสูง โดยรวมแล้วปี 2546 ถือว่าเป็นปีที่ดีของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง ในปี 2547 คาดว่าราคายางและผลิตภัณฑ์ยางในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มสดใส ความต้องการในยางเบื้องต้นก็มีแนวโน้มที่ดีผลิตภัณฑ์พลาสติก มีการส่งออกเพิ่มขึ้นในอัตราสูงในผลิตภัณฑ์แทบทุกประเภท โดยเฉพาะถุงและกระสอบพลาสติก แผ่นฟิล์ม ฟอยส์และแถบ ตลอดจนผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่น ๆ สําหรับแนวโน้มในตลาดโลกยังมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่คาดว่าอุตสาหกรรมนี้ยังคงมีการขยายตัวในปี 2547
ซีเมนต์
การผลิตปูนซีเมนต์ในปี 2546 ยังคงมีการขยายตัวจากธุรกิจก่อสร้างที่ขยายตัว แต่การผลิตปูนเม็ดซึ่งส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อการส่งออกลดลงจากปีก่อนร้อยละ 12.6 โดยทั่วไปตลาดภายในประเทศมีการขยายตัว แต่การส่งออกมีมูลค่าลดลง สําหรับปี 2547 อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์จะมีแนวโน้มขยายตัวต่อไปตามภาวะธุรกิจการก่อสร้าง โดยเฉพาะการก่อสร้างภาครัฐ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิและระบบการคมนาคมขนส่ง แต่สําหรับตลาดต่างประเทศอาจมีแนวโน้มลดลงต่อไปจากค่าขนส่งที่สูงขึ้น และการเน้นการขายในประเทศของผู้ผลิต
เซรามิกส์และสุขภัณฑ์
การจําหน่ายในประเทศยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การส่งออกก็มีการขยายตัวในอัตราร้อยละ 8.2 โดยเครื่องสุขภัณฑ์ ของชําร่วย เครื่องประดับและเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารล้วนมีอัตราการขยายตัว อุตสาหกรรมนี้น่าจะมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2547 แม้จะมีระดับการแข่งขันที่รุนแรงทั้งตลาดในประเทศและในตลาดโลก
เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
การส่งออกใน 10 เดือนแรกของปี 2546 มีการขยายตัวร้อยละ 11.5 สําหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า และร้อยละ 6.8 สําหรับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และสินค้าที่เกี่ยวข้องมีการผลิตลดลง คาดว่าในตลอดปี 2546 การส่งออกจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก ปีก่อน ส่วนแนวโน้มในปี 2547 คาดว่าจะมีภาวะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ยานยนต์
ในปี 2546 อุตสาหกรรมยานยนต์มีการขยายตัวทั้งในด้านการผลิตและการจําหน่าย การผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทในปี 2546 เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ร้อยละ 28.2 การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 การผลิตและการส่งออกของรถจักรยานยนต์ก็มีอัตราการขยายตัวสูง คาดว่าในปี 2547 อุตสาหกรรม ยานยนต์ไทยยังคงมีแนวโน้มที่ดี ทั้งการผลิตและการส่งออก
อัญมณีและเครื่องประดับ
มีการขยายตัวส่งออกโดยรวมร้อยละ 13.6 ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2546 แต่ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเนื่องจากการส่งออกของทองคําที่ยังไม่ขึ้นรูปที่มีการขยายตัวในอัตราสูงจากราคาตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าในปี 2547 อุตสาหกรรมนี้จะยังคงมีอัตราการขยายตัวเป็นบวก แม้อาจได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น
เหล็กและเหล็กกล้า
มีการผลิตเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และการก่อสร้าง การส่งออกก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอัตราสูง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสําเร็จรูปที่ส่งออกไปเวียดนามและจีนมีอัตราการขยายตัวที่สูงมาก แต่เหล็กแผ่นและเหล็กแท่งแบนมีการส่งออกลดลง แนวโน้มปี 2547 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ แม้การจําหน่ายในประเทศจะยังมีแนวโน้มที่ดี แต่การส่งออกอาจได้รับผลกระทบจากค่าขนส่งที่สูงขึ้น
ปิโตรเคมี
ภาวะการผลิตที่ล้นเกิน (Oversupply) มีการคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นจากการจําหน่ายในประเทศและการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น การทําข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศอินเดีย ซึ่งเม็ดพลาสติกเป็นหนึ่งในสินค้าที่จะลดภาษีเบื้องต้นจะมีผลทําให้การส่งออกเม็ดพลาสติกไปอินเดียมีการขยายตัวสูงขึ้น การส่งออกไปจีนก็จะยังคงมีการขยายตัวในเกณฑ์ดี
กระดาษและเยื่อกระดาษ
ในปี 2546 คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะยังมีการขยายตัว แม้ดัชนีผลผลิตจากการสํารวจของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมใน 10 เดือนแรกแสดงแนวโน้มที่ลดลง สําหรับแนวโน้มปี 2547 คาดว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสําคัญเป็นจีนและฮ่องกง ที่ดีขึ้น
กล่าวโดยสรุป แทบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีการขยายตัวในเกณฑ์ดีในปี 2546 และมีแนวโน้มที่ ค่อนข้างสดใสในปี 2547 แม้การส่งออกของไทยจะประสบกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แต่การเปิดตลาด นําเข้าจะทําให้สินค้าอุตสาหกรรมที่มีราคาถูกเข้ามาแข่งขันกับอุตสาหกรรมภายในมากขึ้น ผู้ผลิตจึงต้องมีการปรับตัวเพื่อรับกับภาวะการแข่งขันที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-พห-