วันนี้(21 พ.ย. 48) เวลา 11.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวความคืบหน้าการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตว่าในช่วงที่ผ่านมามีประชาชนส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในหลายข้อมูลที่ได้รับชี้ให้เห็นว่าความพยายามที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงของฝ่ายรัฐบาลนั้น ยังมีความคลุมเคลือ และเป็นการชี้แจงที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่กำลังเกิดขึ้นจากการแปรรูป กฟผ.ขณะนี้ เช่นข้ออ้างกรณีเขื่อน ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย ว่าไม่ควรนำเขื่อนเข้าไปอยู่ในส่วนการแปรรูป แต่รัฐบาลพยายามอ้างว่ากรณีเขื่อนเป็นการทำสัญญาเช่าจากกรมธนารักษ์ โดยผู้เช่าคือบริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จำกัด ทำสัญญาเช่าจาก กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เป็นเวลา 30 ปี แต่เมื่อดูจากข้อมูลที่พรรคฯได้รับมา ทำให้พรรคเป็นความผิดปกติในหลายเรื่องจากเอกสารที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นสัญญาเช่า ทั้งเรื่อง เขื่อน หรือ สายส่ง เป็นปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลควรทำให้เกิดความกระจ่าง หรือควรชี้ให้ชัดเจน ซึ่งวันนี้ยังไม่มีความชัเจนในประเด็นดังกล่าวนี้ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ จึงอยากตั้งคำถามไปยึงรัฐบาล ว่า 1. อยากสอบถามไปยังรัฐบาลว่ามีการทำสัญญาเช่าเขื่อน โดยบริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จำกัด กับกรมาธนารักษ์ กระทรวงการคลัง จริงหรือไม่ อย่างไร 2.เนื้อหาสาระสำคัญในสัญญา เป็นไปตามที่เปิดเผยบางส่วนแล้วหรือไม่ หรือยังมีเนื้อหาส่วนอื่นในเอกสารที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นสัญญา อีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย และปกปิดเอาไว้หรือไม่ 3. รัฐบาลกล้ายืนยันหรือไม่ว่าสิ่งที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นสัญญา เป็นสัญญาที่เป็นธรรม และเป็นสัญญาที่รัฐไม่เสียประโยชน์
นายองอาจ กล่าวว่า ตนคิดว่ามาถึงวันนี้รัฐบาลยังมีท่าทีที่จะเดินหน้าที่แปรรูปต่อไปโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงใดๆ หรือแม้แต่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทั้งจากองค์กรภาคประชน ฝ่ายค้าน หรือนักวิชาการ ซึ่งตนมีความเห็นว่ารัฐบาลกำลังก้าวพลาดครั้งสำคัญอีกก้าวหนึ่ง ตนจึงอยากให้รัฐบาลกลับไปทบทวนถึงความผิดพลาดที่ผ่านมา เพื่อเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจว่าการเดินก้าวต่อไปข้างหน้า ว่าเป็นการเดินอย่างถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ และอยากให้รัฐบาลฟังเสียงทักท้วงจากฝ่ายต่างๆด้วย เพราะตนเชื่อว่าเสียงทักท้วงนั้นเป็นคำทักท้วงที่คำนึงถึงประโยชน์ประเทศชาติอย่างแท้จริง
“ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ อยากย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการแปรรูปการไฟฟ้า ฝ่ายผลิต ด้วยวิธีการเล่นแร่แปรธาตุอย่างไม่ชอบธรรมซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้”นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบของพรรคประชาธิปัตย์พบว่ามีรัฐวิสาหกิจอีกจำนวนมากเป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลควรเข้าไปดำเนินการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเป็นอยู่ เช่น องค์การฟอกหนัง องค์การสุรา โรงงานไพ่ของ กรมสรรพสามิต เป็นต้น แต่ปรากฎว่ารัฐบาลไม่ดำเนินการกับรัฐวิสาหกิจเหล่านี้เลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสังเกตว่าข้ออ้างของรัฐบาลที่บอกว่าแปรรูปเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพนั้น เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมมากกว่าเป็นข้ออ้างตามความเป็นจริง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 พ.ย.2548--จบ--
นายองอาจ กล่าวว่า ตนคิดว่ามาถึงวันนี้รัฐบาลยังมีท่าทีที่จะเดินหน้าที่แปรรูปต่อไปโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงใดๆ หรือแม้แต่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทั้งจากองค์กรภาคประชน ฝ่ายค้าน หรือนักวิชาการ ซึ่งตนมีความเห็นว่ารัฐบาลกำลังก้าวพลาดครั้งสำคัญอีกก้าวหนึ่ง ตนจึงอยากให้รัฐบาลกลับไปทบทวนถึงความผิดพลาดที่ผ่านมา เพื่อเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจว่าการเดินก้าวต่อไปข้างหน้า ว่าเป็นการเดินอย่างถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ และอยากให้รัฐบาลฟังเสียงทักท้วงจากฝ่ายต่างๆด้วย เพราะตนเชื่อว่าเสียงทักท้วงนั้นเป็นคำทักท้วงที่คำนึงถึงประโยชน์ประเทศชาติอย่างแท้จริง
“ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ อยากย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการแปรรูปการไฟฟ้า ฝ่ายผลิต ด้วยวิธีการเล่นแร่แปรธาตุอย่างไม่ชอบธรรมซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้”นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบของพรรคประชาธิปัตย์พบว่ามีรัฐวิสาหกิจอีกจำนวนมากเป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลควรเข้าไปดำเนินการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเป็นอยู่ เช่น องค์การฟอกหนัง องค์การสุรา โรงงานไพ่ของ กรมสรรพสามิต เป็นต้น แต่ปรากฎว่ารัฐบาลไม่ดำเนินการกับรัฐวิสาหกิจเหล่านี้เลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสังเกตว่าข้ออ้างของรัฐบาลที่บอกว่าแปรรูปเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพนั้น เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมมากกว่าเป็นข้ออ้างตามความเป็นจริง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 พ.ย.2548--จบ--