อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก
โครงสร้างอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยมีกระบวนการขึ้นรูปที่หลากหลาย เช่น การฉีด ( Injection molding ) , การรีด ( Extrusion ) , การเป่า ( Blow molding ) , การอัดเป่าแผ่นฟิล์มพลาสติก ( Extrusion blow film / sheet ) ซึ่งผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น บรรจุภัณฑ์ ของใช้ในครัวเรือน สามารถส่งตรงสู่ตลาดผู้บริโภค ส่วนชิ้นส่วนพลาสติกถูกส่งต่อไปใช้หรือประกอบในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่มีอยู่หลากหลาย เช่น อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า - อิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมรองเท้า อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ฯ ล ฯ ส่วนอุตสาหกรรมสนับสนุนสำหรับการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์พลาสติก ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องจักรสำหรับการขึ้นรูปพลาสติก และอุตสาหกรรม Mold & Die การพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุนทั้งสองยังขาดความเข้มแข็งและขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญในการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์และเครื่องจักร
โดยสัดส่วนและประเภทของโรงงานผลิตภัณฑ์พลาสติกแบ่งเป็น กลุ่มโรงานผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์มี สัดส่วนร้อยละ 42 กลุ่มโรงงานผู้ผลิตของใช้ในบ้าน - ครัว มีสัดส่วนร้อยละ 17 ผู้ประกอบการเม็ดพลาสติกในลักษณะ Compounding มีสัดส่วนร้อยละ 5 ผู้ผลิตของเล่น - เครื่องกีฬามีสัดส่วนร้อยละ 5 สำหรับ กลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง รองเท้าและชิ้นส่วน และชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า - อิเล็กทรอนิกส์ มีสัดส่วนในการผลิตที่ใกล้เคียงกันที่ร้อยละ 4 โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่เป็นพลาสติกมีสัดส่วนร้อยละ 1.6 สำหรับผู้ประกอบการใยสังเคราะห์ ซึ่งได้แก่กลุ่มที่ผลิต เชือก แห อวน ตาข่ายพลาสติก มีสัดส่วนต่ำที่สุดคือร้อยละ 0.6
การตลาด
การนำเข้า
ในปี 2546 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการนำเข้ารวมทั้งสิ้น 1,651.83 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.12 เมื่อเทียบกับปี 2545 แหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ และกลุ่มอาเซียน โดยผลิตภัณฑ์หลักที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด คือ แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.02 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการนำเข้าขยายตัวสูงที่สุดได้แก่ เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 89.15
ประเภท มูลค่านำเข้า (ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
ผลิตภัณฑ์ 2544 2545 2546e ม.ค.-ต.ค2545 ม.ค.-ต.ค2546
ถุง กล่องและกระสอบพลาสติก 138.6 150.7 182.7 125.4 152.0
หลอดและท่อพลาสติก 54.4 49.2 67.4 40.2 55.1
เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งในบ้าน 18.2 15.6 29.5 12.9 24.4
แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบพลาสติก 442.4 504.9 578.5 423.3 485.0
ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 659.4 752.9 793.7 621.4 655.1
รวมทั้งสิ้น 1,304.0 1,473.3 1,651.83 1,223.2 1,371.6
ที่มา : ข้อมูลจากศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
e : เป็นตัวเลขประมาณการ โดย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
การส่งออก
ในปี 2546 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้น 1,322.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.16 เมื่อเทียบกับการส่งออกรวมในปี 2545 ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สหราชอาณาจักร กลุ่มประเทศในอาเซียน และออสเตรเลีย โดยผลิตภัณฑ์หลักที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด คือ ถุงและกระสอบพลาสติก คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.97 ของมูลค่าส่งออกรวม เมื่อพิจารณาแยกตามกลุ่ม พบว่า ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น โดยสินค้าในหมวดเครื่องแต่งกายและของใช้ประกอบเครื่องแต่งกายที่ทำด้วยพลาสติกมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 103
ประเภท มูลค่าส่งออก (ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
ผลิตภัณฑ์ 2544 2545 2546e ม.ค.-ต.ค ม.ค.-ต.ค
2545 2546
ถุงและกระสอบพลาสติก 234.6 263.3 409.5 216.0 336.0
แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบ 257.9 277.4 343.0 231.2 285.9
เครื่องแต่งกายและของใช้ประกอบฯ 15.0 16.6 33.7 13.4 27.2
กล่องหีบที่ทำด้วยพลาสติก 16.1 17.9 21.6 14.6 17.6
เครื่องใช้สำนักงานทำด้วยพลาสติก 25.8 26.5 36.5 21.6 29.8
หลอดและท่อพลาสติก 17.0 20.7 25.4 16.6 20.4
พลาสติกปูพื้นและผนัง 22.5 36.3 38.5 30.4 32.3
เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารพลาสติก 56.4 61.4 64.0 51.9 51.9
ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 271.4 336.6 350.0 273.0 283.9
รวมทั้งสิ้น 916.7 1,056.7 1,315.4 869.7 1,085.0
ที่มา : ข้อมูลจากศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
e : เป็นตัวเลขประมาณการ โดย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
แนวโน้มในปี 2547
สำหรับตลาดต่างประเทศในปี 2547 ปัญหาการเลียนแบบสินค้า ปัญหาการตัดราคาจากประเทศคู่แข่งที่มีค่าจ้างแรงงานที่ต่ำกว่า ปัญหาการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ยังคงเป็นปัญหาหลักที่ท้าทายผู้ผลิตในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก ดังนั้นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยจึงควรเน้นการผลิตเพื่อให้สินค้าของตนมีความแตกต่างจากคู่แข่ง เน้นการปรุงปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค เน้นการออกแบบให้มีความแตกต่างเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภครวมถึงการขยายรูปแบบของผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่อให้พลาสติกสามารถเข้าไปทดแทนวัสดุอื่นๆได้ เช่น การเข้าไปสู่ตลาดของเล่น ตลาดวัสดุก่อสร้าง ฯลฯ เพื่อเพิ่มช่องทางทางการตลาดและขยายฐานการจำหน่ายสินค้าสำหรับผลิตภัณฑ์พลาสติก
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-พห-
โครงสร้างอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยมีกระบวนการขึ้นรูปที่หลากหลาย เช่น การฉีด ( Injection molding ) , การรีด ( Extrusion ) , การเป่า ( Blow molding ) , การอัดเป่าแผ่นฟิล์มพลาสติก ( Extrusion blow film / sheet ) ซึ่งผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น บรรจุภัณฑ์ ของใช้ในครัวเรือน สามารถส่งตรงสู่ตลาดผู้บริโภค ส่วนชิ้นส่วนพลาสติกถูกส่งต่อไปใช้หรือประกอบในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่มีอยู่หลากหลาย เช่น อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า - อิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมรองเท้า อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ฯ ล ฯ ส่วนอุตสาหกรรมสนับสนุนสำหรับการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์พลาสติก ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องจักรสำหรับการขึ้นรูปพลาสติก และอุตสาหกรรม Mold & Die การพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุนทั้งสองยังขาดความเข้มแข็งและขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญในการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์และเครื่องจักร
โดยสัดส่วนและประเภทของโรงงานผลิตภัณฑ์พลาสติกแบ่งเป็น กลุ่มโรงานผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์มี สัดส่วนร้อยละ 42 กลุ่มโรงงานผู้ผลิตของใช้ในบ้าน - ครัว มีสัดส่วนร้อยละ 17 ผู้ประกอบการเม็ดพลาสติกในลักษณะ Compounding มีสัดส่วนร้อยละ 5 ผู้ผลิตของเล่น - เครื่องกีฬามีสัดส่วนร้อยละ 5 สำหรับ กลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง รองเท้าและชิ้นส่วน และชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า - อิเล็กทรอนิกส์ มีสัดส่วนในการผลิตที่ใกล้เคียงกันที่ร้อยละ 4 โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่เป็นพลาสติกมีสัดส่วนร้อยละ 1.6 สำหรับผู้ประกอบการใยสังเคราะห์ ซึ่งได้แก่กลุ่มที่ผลิต เชือก แห อวน ตาข่ายพลาสติก มีสัดส่วนต่ำที่สุดคือร้อยละ 0.6
การตลาด
การนำเข้า
ในปี 2546 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการนำเข้ารวมทั้งสิ้น 1,651.83 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.12 เมื่อเทียบกับปี 2545 แหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ และกลุ่มอาเซียน โดยผลิตภัณฑ์หลักที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด คือ แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.02 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการนำเข้าขยายตัวสูงที่สุดได้แก่ เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 89.15
ประเภท มูลค่านำเข้า (ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
ผลิตภัณฑ์ 2544 2545 2546e ม.ค.-ต.ค2545 ม.ค.-ต.ค2546
ถุง กล่องและกระสอบพลาสติก 138.6 150.7 182.7 125.4 152.0
หลอดและท่อพลาสติก 54.4 49.2 67.4 40.2 55.1
เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งในบ้าน 18.2 15.6 29.5 12.9 24.4
แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบพลาสติก 442.4 504.9 578.5 423.3 485.0
ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 659.4 752.9 793.7 621.4 655.1
รวมทั้งสิ้น 1,304.0 1,473.3 1,651.83 1,223.2 1,371.6
ที่มา : ข้อมูลจากศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
e : เป็นตัวเลขประมาณการ โดย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
การส่งออก
ในปี 2546 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้น 1,322.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.16 เมื่อเทียบกับการส่งออกรวมในปี 2545 ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สหราชอาณาจักร กลุ่มประเทศในอาเซียน และออสเตรเลีย โดยผลิตภัณฑ์หลักที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด คือ ถุงและกระสอบพลาสติก คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.97 ของมูลค่าส่งออกรวม เมื่อพิจารณาแยกตามกลุ่ม พบว่า ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น โดยสินค้าในหมวดเครื่องแต่งกายและของใช้ประกอบเครื่องแต่งกายที่ทำด้วยพลาสติกมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 103
ประเภท มูลค่าส่งออก (ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
ผลิตภัณฑ์ 2544 2545 2546e ม.ค.-ต.ค ม.ค.-ต.ค
2545 2546
ถุงและกระสอบพลาสติก 234.6 263.3 409.5 216.0 336.0
แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบ 257.9 277.4 343.0 231.2 285.9
เครื่องแต่งกายและของใช้ประกอบฯ 15.0 16.6 33.7 13.4 27.2
กล่องหีบที่ทำด้วยพลาสติก 16.1 17.9 21.6 14.6 17.6
เครื่องใช้สำนักงานทำด้วยพลาสติก 25.8 26.5 36.5 21.6 29.8
หลอดและท่อพลาสติก 17.0 20.7 25.4 16.6 20.4
พลาสติกปูพื้นและผนัง 22.5 36.3 38.5 30.4 32.3
เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารพลาสติก 56.4 61.4 64.0 51.9 51.9
ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 271.4 336.6 350.0 273.0 283.9
รวมทั้งสิ้น 916.7 1,056.7 1,315.4 869.7 1,085.0
ที่มา : ข้อมูลจากศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
e : เป็นตัวเลขประมาณการ โดย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
แนวโน้มในปี 2547
สำหรับตลาดต่างประเทศในปี 2547 ปัญหาการเลียนแบบสินค้า ปัญหาการตัดราคาจากประเทศคู่แข่งที่มีค่าจ้างแรงงานที่ต่ำกว่า ปัญหาการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ยังคงเป็นปัญหาหลักที่ท้าทายผู้ผลิตในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก ดังนั้นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยจึงควรเน้นการผลิตเพื่อให้สินค้าของตนมีความแตกต่างจากคู่แข่ง เน้นการปรุงปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค เน้นการออกแบบให้มีความแตกต่างเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภครวมถึงการขยายรูปแบบของผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่อให้พลาสติกสามารถเข้าไปทดแทนวัสดุอื่นๆได้ เช่น การเข้าไปสู่ตลาดของเล่น ตลาดวัสดุก่อสร้าง ฯลฯ เพื่อเพิ่มช่องทางทางการตลาดและขยายฐานการจำหน่ายสินค้าสำหรับผลิตภัณฑ์พลาสติก
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-พห-