เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศแถบอินโดจีนที่นักลงทุนต่างชาติจำนวนมากรวมทั้งไทยให้ความสนใจเข้าไปลงทุน ซึ่งไทยเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับที่ 9 ของเวียดนาม รองจากสิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฯลฯ ตามลำดับ โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2546 ไทยลงทุนในเวียดนามคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 41.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ รัฐสภาของเวียดนามได้ผ่านร่างกฎหมาย Law No. 09/2003/QH11 ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยระบบภาษีเงินได้นิติบุคคลฉบับแก้ไขเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2546 ที่ผ่านมา โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547
สำหรับรายละเอียดที่น่าสนใจของกฎหมายว่าด้วยระบบภาษีเงินได้นิติบุคคลฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่นักลงทุนไทยควรทราบมีดังนี้
อัตราภาษี (Tax Rates)
เดิม อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่น คือ 32% ของกำไร
อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการชาวต่างชาติ คือ 25% ของกำไร
ใหม่ อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่นและผู้ประกอบการชาวต่างชาติมีเพียงอัตราเดียว คือ 28% ของกำไร
สำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคลของกิจการที่ได้รับการส่งเสริม จะเรียกเก็บในอัตราพิเศษ (Preferential Rates) ซึ่งยังคงกำหนดไว้ 3 อัตรา คือ 10%, 15% และ 20% ของกำไร ขึ้นอยู่กับประเภทและที่ตั้งของกิจการ
2. ประเภทของรายได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล
เดิม รายได้จากการดำเนินธุรกิจซึ่งครอบคลุมถึงรายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน รายได้จากต่างประเทศ และรายได้จากการดำเนินธุรกรรมทางการเงิน เป็นต้น
ใหม่ เพิ่มรายได้จากการโอนสิทธิการใช้ที่ดิน (Assignment of Land Use Rights) และรายได้จากการโอนสิทธิการเช่าที่ดิน (Assignment of Land Lease Rights) เป็นประเภทของรายได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วย
3. การหักค่าใช้จ่ายเพื่อการส่งเสริมการขาย การโฆษณา และการตลาด
เดิม ผู้ประกอบการสามารถหักค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ไม่เกิน 7% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดใหม่ ผู้ประกอบการสามารถหักค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ไม่เกิน 10% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ระยะเวลาการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล เดิม ผู้ประกอบการต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี หรือตั้งแต่วันสิ้นรอบบัญชีของกิจการนั้นๆ ใหม่ ผู้ประกอบการต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี หรือตั้งแต่วันสิ้นรอบบัญชีของกิจการนั้นๆ
ภาษีการโอนผลกำไรกลับประเทศ (Profit Remittance Tax) เดิม ผู้ประกอบการชาวต่างชาติที่ต้องการโอนกำไรกลับประเทศต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งมี 3 อัตราขึ้นอยู่กับมูลค่าทุนจดทะเบียน ดังนี้
มูลค่าทุนจดทะเบียนน้อยกว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 7% ของกำไรที่โอนกลับ
มูลค่าทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่น้อยกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 5% ของกำไรที่โอนกลับ
มูลค่าทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 3% ของกำไรที่โอนกลับ ใหม่ สามารถโอนกำไรกลับประเทศโดยไม่ต้องเสียภาษีการโอนกำไรกลับประเทศ นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังอนุญาตให้ผู้ประกอบการชาวต่างชาติสามารถขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้บางส่วนหรือทั้งหมดขึ้นอยู่กับประเภทและที่ตั้งของกิจการ โดยไม่จำเป็นต้องนำกำไรกลับมาลงทุนใหม่
4. การนำผลขาดทุนสะสมไปหักผลกำไรในปีต่อๆ ไป (Loss Transfer)
เดิม กิจการที่ถือหุ้นโดยชาวต่างชาติ 100% ไม่สามารถโอนผลขาดทุนสะสมของกิจการไปหักผลกำไรในปีถัดไป ขณะที่กิจการที่ถือหุ้นโดยชาวเวียดนาม 100% และกิจการที่ชาวเวียดนามร่วมลงทุนกับชาวต่างชาติ สามารถโอนผลขาดทุนสะสมของกิจการไปหักผลกำไรในปีต่อๆ ไปได้อีก 5 รอบระยะเวลาบัญชี
ใหม่ กิจการที่ถือหุ้นโดยต่างชาติ 100% จะได้รับสิทธิในการโอนผลขาดทุนสะสมของกิจการไปหักผลกำไรในปีต่อๆ ไปได้อีก 5 รอบระยะเวลาบัญชี เช่นเดียวกับกิจการที่ถือหุ้นโดยชาวเวียดนาม 100% และกิจการที่ชาวเวียดนามร่วมลงทุนกับชาวต่างชาติ
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มกราคม 2547--
-พห-
ทั้งนี้ รัฐสภาของเวียดนามได้ผ่านร่างกฎหมาย Law No. 09/2003/QH11 ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยระบบภาษีเงินได้นิติบุคคลฉบับแก้ไขเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2546 ที่ผ่านมา โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547
สำหรับรายละเอียดที่น่าสนใจของกฎหมายว่าด้วยระบบภาษีเงินได้นิติบุคคลฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่นักลงทุนไทยควรทราบมีดังนี้
อัตราภาษี (Tax Rates)
เดิม อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่น คือ 32% ของกำไร
อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการชาวต่างชาติ คือ 25% ของกำไร
ใหม่ อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่นและผู้ประกอบการชาวต่างชาติมีเพียงอัตราเดียว คือ 28% ของกำไร
สำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคลของกิจการที่ได้รับการส่งเสริม จะเรียกเก็บในอัตราพิเศษ (Preferential Rates) ซึ่งยังคงกำหนดไว้ 3 อัตรา คือ 10%, 15% และ 20% ของกำไร ขึ้นอยู่กับประเภทและที่ตั้งของกิจการ
2. ประเภทของรายได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล
เดิม รายได้จากการดำเนินธุรกิจซึ่งครอบคลุมถึงรายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน รายได้จากต่างประเทศ และรายได้จากการดำเนินธุรกรรมทางการเงิน เป็นต้น
ใหม่ เพิ่มรายได้จากการโอนสิทธิการใช้ที่ดิน (Assignment of Land Use Rights) และรายได้จากการโอนสิทธิการเช่าที่ดิน (Assignment of Land Lease Rights) เป็นประเภทของรายได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วย
3. การหักค่าใช้จ่ายเพื่อการส่งเสริมการขาย การโฆษณา และการตลาด
เดิม ผู้ประกอบการสามารถหักค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ไม่เกิน 7% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดใหม่ ผู้ประกอบการสามารถหักค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ไม่เกิน 10% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ระยะเวลาการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล เดิม ผู้ประกอบการต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี หรือตั้งแต่วันสิ้นรอบบัญชีของกิจการนั้นๆ ใหม่ ผู้ประกอบการต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี หรือตั้งแต่วันสิ้นรอบบัญชีของกิจการนั้นๆ
ภาษีการโอนผลกำไรกลับประเทศ (Profit Remittance Tax) เดิม ผู้ประกอบการชาวต่างชาติที่ต้องการโอนกำไรกลับประเทศต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งมี 3 อัตราขึ้นอยู่กับมูลค่าทุนจดทะเบียน ดังนี้
มูลค่าทุนจดทะเบียนน้อยกว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 7% ของกำไรที่โอนกลับ
มูลค่าทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่น้อยกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 5% ของกำไรที่โอนกลับ
มูลค่าทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 3% ของกำไรที่โอนกลับ ใหม่ สามารถโอนกำไรกลับประเทศโดยไม่ต้องเสียภาษีการโอนกำไรกลับประเทศ นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังอนุญาตให้ผู้ประกอบการชาวต่างชาติสามารถขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้บางส่วนหรือทั้งหมดขึ้นอยู่กับประเภทและที่ตั้งของกิจการ โดยไม่จำเป็นต้องนำกำไรกลับมาลงทุนใหม่
4. การนำผลขาดทุนสะสมไปหักผลกำไรในปีต่อๆ ไป (Loss Transfer)
เดิม กิจการที่ถือหุ้นโดยชาวต่างชาติ 100% ไม่สามารถโอนผลขาดทุนสะสมของกิจการไปหักผลกำไรในปีถัดไป ขณะที่กิจการที่ถือหุ้นโดยชาวเวียดนาม 100% และกิจการที่ชาวเวียดนามร่วมลงทุนกับชาวต่างชาติ สามารถโอนผลขาดทุนสะสมของกิจการไปหักผลกำไรในปีต่อๆ ไปได้อีก 5 รอบระยะเวลาบัญชี
ใหม่ กิจการที่ถือหุ้นโดยต่างชาติ 100% จะได้รับสิทธิในการโอนผลขาดทุนสะสมของกิจการไปหักผลกำไรในปีต่อๆ ไปได้อีก 5 รอบระยะเวลาบัญชี เช่นเดียวกับกิจการที่ถือหุ้นโดยชาวเวียดนาม 100% และกิจการที่ชาวเวียดนามร่วมลงทุนกับชาวต่างชาติ
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มกราคม 2547--
-พห-