อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการส่งออกสูงติดอันดับหนึ่งในสิบของสินค้าส่งออกของไทย
ก่อให้เกิดการจ้างงานและอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ตั้งแต่การทำเหมือง การออกแบบ การทำและประกอบตัวเรือน การผลิต
เครื่องมือเครื่องจักรในการเจียระไนพลอย และการทำวัสดุหีบห่อ เป็นต้น อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับจึงเป็นอุตสาหกรรม
หลักประเภทหนึ่งที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ในช่วงปี 2546 มีนโยบายและสถานการณ์ที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมฯ ดังนี้
1. ไทยเข้าร่วมโครงการรับรองการนำเข้าส่งออกเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนภายใต้ความตกลง Kimberley Process
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2546 ซึ่งยืนยันว่าไทยจะไม่เจียระไนเพชรดิบที่มาจากประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย
2. กรมสรรพากรออกประกาศยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มอัญมณี ทองคำขาว ทองขาว เงิน และพาราเดียม เมื่อวันที่ 10
เมษายน 2546 ซึ่งส่งผลให้ศักยภาพการแข่งขันของไทยเพิ่มขึ้น
3. คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น เมื่อ 8 กรกฎาคม
2546 ด้วยงบประมาณ 1,824 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 18 เดือน
4. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าไปลงทุนในนิคม
อุตสาหกรรมอัญธานี (Gemopolis) โดยการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี สำหรับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
ที่โยกย้ายสถานประกอบการเข้ามาตั้งในนิคมฯ ยกเว้นอากรขาเข้า สำหรับเครื่องจักร และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับตั้ง
โรงงานใหม่ โดยแบ่งเป็นเขตส่งเสริม คือ เขต 1 ได้รับการยกเว้น 5 ปี เขต 2 ยกเว้น 7 ปี และเขต 3 ยกเว้น 8 ปี
5. สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับร่วมกับมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ประสบความ
สำเร็จในการจัดทำมาตรฐานการเทียบสีอัญมณี 7 ชนิด ได้แก่ มรกต บุษราคัม โกเมน โทแพซ แทนซาไนส์ และแซบไฟร์สีชมพู ทั้งนี้
เนื่องจากสีของอัญมณีมีส่วนสำคัญในการกำหนดราคา โดยเฉพาะตลาดอเมริกาและยุโรป การวิจัยดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนิน
โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับภายใต้แผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ 2544-2547)
ของกระทรวงอุตสาหกรรม
โครงสร้างอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับประกอบด้วยอุตสาหกรรมหลัก 2 ประเภท คือ อุตสาหกรรมเจียระไนอัญมณี และ
อุตสาหกรรมผลิตเครื่องประดับ ในปี 2546 มีโรงงานอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับที่จดทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม
จำนวน 849 โรง กว่าร้อยละ 80 เป็นอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม มีการจ้างงาน 58,906 คน และคาดว่ามีแรงงานใน
ระดับครัวเรือนกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 1 ล้านคน อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานจำนวนมาก
และจำเป็นต้องอาศัยทักษะ ฝีมือและความชำนาญสูง
อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
|
|__________________________________________________________|
อุตสาหกรรมเจียระไนอัญมณี อุตสาหกรรมผลิตเครื่องประดับ
________|_____________ ___________|___________
| | | |
เพชร พลอย เครื่องประดับแท้ เครื่องประดับเทียม
การผลิต
ปริมาณการผลิตอัญมณี (เพชร และพลอย) ปี 2546 อยู่ที่ 13,605.4 ล้านกะรัต เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 52.87
ซึ่งผลิตได้ 8,899.70 ล้านกะรัต
ปริมาณการผลิตเครื่องประดับ ปี 2546 อยู่ที่ 11,097.4 ล้านชิ้น ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 11.47 ซึ่งผลิตได้ 12,535.6
ล้านชิ้น
ปริมาณการผลิต 2545 2546
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4
อัญมณี (พันกะรัต) 624.5 654.6 2,718.7 4,901.9 4,437.9 4,013.7 2,098.0 3,055.8
เครื่องประดับ (พันชิ้น) 2,946.8 2,643.9 3,457.3 3,487.6 2,406.5 2,488.3 3,305.7 2,896.9
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
หมายเหตุ: 1. เป็น ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจโรงงานผลิตอัญมณี จำนวน 9 โรง และโรงงานผลิตเครื่องประดับ จำนวน 111 โรง
2. ไตรมาส 4/46 เป็นตัวเลขประมาณการ
การตลาด
การส่งออก
ในปี 2546 (ม.ค.-ต.ค.) มีการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นมูลค่า 2,060.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวจาก
ช่วงเดียวกับของปีก่อนร้อยละ 13.6 ซึ่งมีมูลค่า 1,813.7 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีทองคำที่ยังไม่ได้ขึ้นรูปขยายตัวมากที่สุดถึงร้อยละ
76.3
ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ อิสราเอล เบลเยี่ยม และฮ่องกง โดยมีการขยายตัวของตลาด
สวิตเซอร์แลนด์มากที่สุดถึงร้อยละ 63.56 สินค้าที่สำคัญ ได้แก่ เพชร เครื่องประดับแท้ทำด้วยเงินและทอง และทองคำยังไม่ขึ้นรูป
ตารางการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ
ประเภท 2545 2545 (ม.ค.-ต.ค.) 2546 (ม.ค.-ต.ค.) อัตราการเปลี่ยนแปลง
อัญมณีและเครื่องประดับ 2,169.30 1,813.70 2,060.70 13.6
1. อัญมณี 803.4 687.1 694.8 1.1
1.1 เพชร 590.7 501.6 529.1 5.5
1.2 พลอย 209.2 182.9 156.8 -14.3
1.3 ไข่มุก 3.6 2.6 8.9 242.3
2. เครื่องประดับแท้ 986.9 797.5 875 9.7
2.1 ทำด้วยเงิน 310.3 251.6 311.2 23.7
2.2 ทำด้วยทอง 663.8 534.6 551.9 3.2
2.3 ทำด้วยโลหะมีค่าอื่นๆ 12.8 11.3 11.9 5.3
3. เครื่องประดับอัญมณีเทียม 77.1 65.7 72.1 9.7
4. อัญมณีสังเคราะห์ 13.9 11.5 10 -13
5. ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป 236.3 206.1 363.3 76.3
6. โลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่นๆ 51.6 45.9 45.6 -0.7
ที่มา : กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
การนำเข้า
ในปี 2546 (ม.ค.-ต.ค.) มีการนำเข้าเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เป็นมูลค่า 1,863.7 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ ขยายตัวจากช่วงเดียวกับของปีก่อนร้อยละ 4.5 ซึ่งมีมูลค่า 1,783.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการนำเข้าเพชรและทองคำมาก
ที่สุด คิดเป็นมูลค่า 799.3 และ 659.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ตลาดนำเข้าหลักของไทย ได้แก่ อิสราเอล ออสเตรเลีย ฮ่องกง อินเดีย เบลเยี่ยม สหรัฐอเมริกา และสวิตเซอร์แลนด์
สรุปและแนวโน้ม
ภาพรวมของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในปี 2546 ยังคงมีการขยายตัวในระดับที่ดี ทั้งด้านการผลิตและการตลาด
โดยการส่งออกขยายตัวถึงร้อยละ 13.6 แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์สงครามระหว่างสหรัฐและอิรักในช่วงต้นปี และเงินบาทแข็งจะแข็งค่า
ต่ำขึ้นในปลายไตรมาส 3 ก็ตาม
ในปี 2547 คาดว่า มูลค่าการส่งออกจะขยายตัวจากปี 2546 ถึงร้อยละ 18 โดยตลาดที่มีแนวโน้มดี คือ สหรัฐอเมริกา
ยุโรป ฮ่องกง และออสเตรเลีย ทั้งนี้ ประเทศคู่แข่งของไทย คือ จีน อินเดีย และเวียดนาม มีบทบาทในตลาดระดับล่างมากขึ้น
ดังนั้นผู้ผลิตไทยจะต้องเร่งศึกษาปัญหาและอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยในหลายๆ ด้านอย่างจริงจัง
รวมถึงสถานการณ์การแข่งขันภายในประเทศต่างๆ ความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง ช่องทางการจัดจำหน่าย และกฎระเบียบข้อกีดกัน
ทางการค้าทั้งใช่แลไม่ใช่ภาษีศุลกากร ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการวางแผนกระบวนการ การผลิตและการตลาด และกำหนดกลยุทธ์
ทางการแข่งขันที่เหมาะสม ในการเจาะตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในตลาดโลกและแข่งขันได้ในอนาคต
จุดแข็งและจุดอ่อนของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย
จุดแข็ง
1. เป็นตลาดการค้าพลอยสีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
2. ความสามารถและฝีมือแรงงานไทยในการเจียระไนพลอยที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
3. เทคโนโลยีในการหุงหรือเผาพลอยที่ยังไม่มีประเทศใดสามารถเทียบเท่าได้ในขณะนี้
จุดอ่อน
1. ยังต้องอาศัยการนำเข้าวัตถุดิบ และเทคโนโลยี จากต่างประเทศ
2. ขาดการพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับ
3. ขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ ความเข้าใจตลาดอัญมณีอย่างแท้จริง
4. อัตราค่าจ้างแรงงานที่แพงกว่าจีนและเวียดนาม ประมาณ 3-5 เท่า
5. ภาพลักษณ์ที่ไม่ดีด้านความซื่อสัตย์ของผู้จำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศบางราย
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-พห-
อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการส่งออกสูงติดอันดับหนึ่งในสิบของสินค้าส่งออกของไทย
ก่อให้เกิดการจ้างงานและอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ตั้งแต่การทำเหมือง การออกแบบ การทำและประกอบตัวเรือน การผลิต
เครื่องมือเครื่องจักรในการเจียระไนพลอย และการทำวัสดุหีบห่อ เป็นต้น อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับจึงเป็นอุตสาหกรรม
หลักประเภทหนึ่งที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ในช่วงปี 2546 มีนโยบายและสถานการณ์ที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมฯ ดังนี้
1. ไทยเข้าร่วมโครงการรับรองการนำเข้าส่งออกเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนภายใต้ความตกลง Kimberley Process
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2546 ซึ่งยืนยันว่าไทยจะไม่เจียระไนเพชรดิบที่มาจากประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย
2. กรมสรรพากรออกประกาศยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มอัญมณี ทองคำขาว ทองขาว เงิน และพาราเดียม เมื่อวันที่ 10
เมษายน 2546 ซึ่งส่งผลให้ศักยภาพการแข่งขันของไทยเพิ่มขึ้น
3. คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น เมื่อ 8 กรกฎาคม
2546 ด้วยงบประมาณ 1,824 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 18 เดือน
4. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าไปลงทุนในนิคม
อุตสาหกรรมอัญธานี (Gemopolis) โดยการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี สำหรับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
ที่โยกย้ายสถานประกอบการเข้ามาตั้งในนิคมฯ ยกเว้นอากรขาเข้า สำหรับเครื่องจักร และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับตั้ง
โรงงานใหม่ โดยแบ่งเป็นเขตส่งเสริม คือ เขต 1 ได้รับการยกเว้น 5 ปี เขต 2 ยกเว้น 7 ปี และเขต 3 ยกเว้น 8 ปี
5. สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับร่วมกับมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ประสบความ
สำเร็จในการจัดทำมาตรฐานการเทียบสีอัญมณี 7 ชนิด ได้แก่ มรกต บุษราคัม โกเมน โทแพซ แทนซาไนส์ และแซบไฟร์สีชมพู ทั้งนี้
เนื่องจากสีของอัญมณีมีส่วนสำคัญในการกำหนดราคา โดยเฉพาะตลาดอเมริกาและยุโรป การวิจัยดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนิน
โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับภายใต้แผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ 2544-2547)
ของกระทรวงอุตสาหกรรม
โครงสร้างอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับประกอบด้วยอุตสาหกรรมหลัก 2 ประเภท คือ อุตสาหกรรมเจียระไนอัญมณี และ
อุตสาหกรรมผลิตเครื่องประดับ ในปี 2546 มีโรงงานอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับที่จดทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม
จำนวน 849 โรง กว่าร้อยละ 80 เป็นอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม มีการจ้างงาน 58,906 คน และคาดว่ามีแรงงานใน
ระดับครัวเรือนกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 1 ล้านคน อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานจำนวนมาก
และจำเป็นต้องอาศัยทักษะ ฝีมือและความชำนาญสูง
อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
|
|__________________________________________________________|
อุตสาหกรรมเจียระไนอัญมณี อุตสาหกรรมผลิตเครื่องประดับ
________|_____________ ___________|___________
| | | |
เพชร พลอย เครื่องประดับแท้ เครื่องประดับเทียม
การผลิต
ปริมาณการผลิตอัญมณี (เพชร และพลอย) ปี 2546 อยู่ที่ 13,605.4 ล้านกะรัต เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 52.87
ซึ่งผลิตได้ 8,899.70 ล้านกะรัต
ปริมาณการผลิตเครื่องประดับ ปี 2546 อยู่ที่ 11,097.4 ล้านชิ้น ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 11.47 ซึ่งผลิตได้ 12,535.6
ล้านชิ้น
ปริมาณการผลิต 2545 2546
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4
อัญมณี (พันกะรัต) 624.5 654.6 2,718.7 4,901.9 4,437.9 4,013.7 2,098.0 3,055.8
เครื่องประดับ (พันชิ้น) 2,946.8 2,643.9 3,457.3 3,487.6 2,406.5 2,488.3 3,305.7 2,896.9
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
หมายเหตุ: 1. เป็น ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจโรงงานผลิตอัญมณี จำนวน 9 โรง และโรงงานผลิตเครื่องประดับ จำนวน 111 โรง
2. ไตรมาส 4/46 เป็นตัวเลขประมาณการ
การตลาด
การส่งออก
ในปี 2546 (ม.ค.-ต.ค.) มีการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นมูลค่า 2,060.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวจาก
ช่วงเดียวกับของปีก่อนร้อยละ 13.6 ซึ่งมีมูลค่า 1,813.7 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีทองคำที่ยังไม่ได้ขึ้นรูปขยายตัวมากที่สุดถึงร้อยละ
76.3
ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ อิสราเอล เบลเยี่ยม และฮ่องกง โดยมีการขยายตัวของตลาด
สวิตเซอร์แลนด์มากที่สุดถึงร้อยละ 63.56 สินค้าที่สำคัญ ได้แก่ เพชร เครื่องประดับแท้ทำด้วยเงินและทอง และทองคำยังไม่ขึ้นรูป
ตารางการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ
ประเภท 2545 2545 (ม.ค.-ต.ค.) 2546 (ม.ค.-ต.ค.) อัตราการเปลี่ยนแปลง
อัญมณีและเครื่องประดับ 2,169.30 1,813.70 2,060.70 13.6
1. อัญมณี 803.4 687.1 694.8 1.1
1.1 เพชร 590.7 501.6 529.1 5.5
1.2 พลอย 209.2 182.9 156.8 -14.3
1.3 ไข่มุก 3.6 2.6 8.9 242.3
2. เครื่องประดับแท้ 986.9 797.5 875 9.7
2.1 ทำด้วยเงิน 310.3 251.6 311.2 23.7
2.2 ทำด้วยทอง 663.8 534.6 551.9 3.2
2.3 ทำด้วยโลหะมีค่าอื่นๆ 12.8 11.3 11.9 5.3
3. เครื่องประดับอัญมณีเทียม 77.1 65.7 72.1 9.7
4. อัญมณีสังเคราะห์ 13.9 11.5 10 -13
5. ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป 236.3 206.1 363.3 76.3
6. โลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่นๆ 51.6 45.9 45.6 -0.7
ที่มา : กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
การนำเข้า
ในปี 2546 (ม.ค.-ต.ค.) มีการนำเข้าเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เป็นมูลค่า 1,863.7 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ ขยายตัวจากช่วงเดียวกับของปีก่อนร้อยละ 4.5 ซึ่งมีมูลค่า 1,783.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการนำเข้าเพชรและทองคำมาก
ที่สุด คิดเป็นมูลค่า 799.3 และ 659.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ตลาดนำเข้าหลักของไทย ได้แก่ อิสราเอล ออสเตรเลีย ฮ่องกง อินเดีย เบลเยี่ยม สหรัฐอเมริกา และสวิตเซอร์แลนด์
สรุปและแนวโน้ม
ภาพรวมของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในปี 2546 ยังคงมีการขยายตัวในระดับที่ดี ทั้งด้านการผลิตและการตลาด
โดยการส่งออกขยายตัวถึงร้อยละ 13.6 แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์สงครามระหว่างสหรัฐและอิรักในช่วงต้นปี และเงินบาทแข็งจะแข็งค่า
ต่ำขึ้นในปลายไตรมาส 3 ก็ตาม
ในปี 2547 คาดว่า มูลค่าการส่งออกจะขยายตัวจากปี 2546 ถึงร้อยละ 18 โดยตลาดที่มีแนวโน้มดี คือ สหรัฐอเมริกา
ยุโรป ฮ่องกง และออสเตรเลีย ทั้งนี้ ประเทศคู่แข่งของไทย คือ จีน อินเดีย และเวียดนาม มีบทบาทในตลาดระดับล่างมากขึ้น
ดังนั้นผู้ผลิตไทยจะต้องเร่งศึกษาปัญหาและอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยในหลายๆ ด้านอย่างจริงจัง
รวมถึงสถานการณ์การแข่งขันภายในประเทศต่างๆ ความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง ช่องทางการจัดจำหน่าย และกฎระเบียบข้อกีดกัน
ทางการค้าทั้งใช่แลไม่ใช่ภาษีศุลกากร ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการวางแผนกระบวนการ การผลิตและการตลาด และกำหนดกลยุทธ์
ทางการแข่งขันที่เหมาะสม ในการเจาะตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในตลาดโลกและแข่งขันได้ในอนาคต
จุดแข็งและจุดอ่อนของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย
จุดแข็ง
1. เป็นตลาดการค้าพลอยสีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
2. ความสามารถและฝีมือแรงงานไทยในการเจียระไนพลอยที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
3. เทคโนโลยีในการหุงหรือเผาพลอยที่ยังไม่มีประเทศใดสามารถเทียบเท่าได้ในขณะนี้
จุดอ่อน
1. ยังต้องอาศัยการนำเข้าวัตถุดิบ และเทคโนโลยี จากต่างประเทศ
2. ขาดการพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับ
3. ขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ ความเข้าใจตลาดอัญมณีอย่างแท้จริง
4. อัตราค่าจ้างแรงงานที่แพงกว่าจีนและเวียดนาม ประมาณ 3-5 เท่า
5. ภาพลักษณ์ที่ไม่ดีด้านความซื่อสัตย์ของผู้จำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศบางราย
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-พห-