นายเจะอามิง โตะตาหยง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของรัฐบาลในขณะนี้ ว่า ยังไม่เห็นแนวทางที่เจ้าหน้าที่จะเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับมาได้ยิ่งปราบยิ่งทำให้ขวัญประชาชนผู้บริสุทธิ์ยิ่งห่างเหิน รัฐบาลต้องกลับไปประเมินสถานการณ์ในการแก้ปัญหาใหม่ ว่าทำไมความรู้สึกของประชาชนจึงเป็นอย่างนั้น แทนที่จะมีความเชื่อมั่นกลับมา ซึ่งคงต้องมีข้อผิดพลาดในการแก้ปัญหาระดับนโยบายอย่างแน่นอน
นายเจะอามิง ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภาคใต้ภายใต้ชื่อแผนทักษิณสันติ ว่า ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สาระสำคัญอยู่ที่การนำแผนไปสู่การปฏิบัติ ต้องไม่กระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่รัฐบาลต้องตระหนัก และกลับไปคิดทบทวนให้รอบคอบ ซึ่งในด้านจิตวิทยาขณะนี้ ยิ่งมีแผนการปราบปรามชื่อทักษิณ ที่ไปสอดคล้องกับชื่อนายกรัฐมนตรี ประชาชนก็ยิ่งขาดความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหา เพราะสังคมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขาดความเชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาภาคใต้มาตลอด
‘ต่อให้มี 10 รัฐมนตรีอย่างท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็แก้ไม่ได้หากไม่มีความจริงใจกับการแก้ปัญหา และต้องรู้จักแยกแยะปัญหาออก การมีทิฐิ กับการตั้งสมมติฐานต้องอยู่บนความเป็นจริงในการแก้ปัญหา ข้อมูลต้องกลั่นกรอง ไม่ใช่เป็นการปรุงแต่งและแยกเป็นรายๆไป ไม่ใช่ตีเหมาถึงองค์กรหรือมุสลิมทั้งหมด มันไม่ถูกต้อง’ นายเจะอามิง กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงคำให้สัมภาษณ์ของนายไพรัช แสงทองสุข ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานราธิวาส เขต 2 ที่ระบุว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ยังมีแนวร่วมขบวนการโจรก่อการร้าย แทรกซึมไปตามโรงเรียนต่างๆ โดยชักจูงเยาวชนที่เกเรไม่สนใจการเรียนเข้าไปเป็นแนวร่วมของขบวนการโจรก่อการร้าย ว่า จากคำพูดดังกล่าว ได้นำไปสู่ความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับสถาบันการศึกษาในพื้นที่อย่างมาก โดยเฉพาะตัวนายไพรัชเองก็เป็นข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ และอยู่ในสถานศึกษาด้วย น่าจะรู้อะไรดี ว่าสถาบันการศึกษาจะสอนให้คนเป็นคนดีทุกคน แต่ถ้าจะมีคนไม่ดีอยู่บ้างก็จะเป็นเพียงพฤติกรรมของบุคคลเฉพาะตัว
‘สิ่งที่ดีที่สุดของคุณไพรัชฯ ขณะนี้อย่าได้คิดหาเหาใส่หัว ที่มิใช่หน้าที่โดยตรง อย่าเอาสถานการณ์ครั้งเพื่อประโยชน์แก่ตัวเอง สถานการณ์อย่างนี้ไม่ใช่เป็นการสร้างวีรบุรุษ ขอให้คิดหาจุดร่วมในการแก้ปัญหามากกว่าการวิพากษ์โดยปราศจากข้อมูลที่จะทำให้เพื่อนข้าราชการอื่นเกิดการเสียหาย เหมือนเอาความดีใส่ตัวความชั่วไปให้คนอื่น’ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ตนขอเรียกร้องให้รมว.ศึกษาธิการ ควบคุมข้าราชการในสังกัดก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมอย่างนี้ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะการให้ข่าวที่น่าจะนำไปสู่ปัญหาขัดแย้งระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเองได้ โดยในสถานการณ์คับขันอย่างนี้ข้าราชการต้องไม่นึกสนุกหรืออยากดัง สัมภาษณ์ไม่ถูกที่ รมว.ศึกษาธิการน่าจะต้องเอาไปสงบสติอารมณ์บ้าง มิเช่นนั้นหากยังปล่อยอยู่ในพื้นที่ภาคใต้อาจจะทำให้เกิดความเสียหาย และเกิดความหวาดระแวงและนำไปสู่ข้อขัดแย้งระหว่างองค์กรได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20/01/47--จบ--
-สส-
นายเจะอามิง ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภาคใต้ภายใต้ชื่อแผนทักษิณสันติ ว่า ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สาระสำคัญอยู่ที่การนำแผนไปสู่การปฏิบัติ ต้องไม่กระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่รัฐบาลต้องตระหนัก และกลับไปคิดทบทวนให้รอบคอบ ซึ่งในด้านจิตวิทยาขณะนี้ ยิ่งมีแผนการปราบปรามชื่อทักษิณ ที่ไปสอดคล้องกับชื่อนายกรัฐมนตรี ประชาชนก็ยิ่งขาดความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหา เพราะสังคมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขาดความเชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาภาคใต้มาตลอด
‘ต่อให้มี 10 รัฐมนตรีอย่างท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็แก้ไม่ได้หากไม่มีความจริงใจกับการแก้ปัญหา และต้องรู้จักแยกแยะปัญหาออก การมีทิฐิ กับการตั้งสมมติฐานต้องอยู่บนความเป็นจริงในการแก้ปัญหา ข้อมูลต้องกลั่นกรอง ไม่ใช่เป็นการปรุงแต่งและแยกเป็นรายๆไป ไม่ใช่ตีเหมาถึงองค์กรหรือมุสลิมทั้งหมด มันไม่ถูกต้อง’ นายเจะอามิง กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงคำให้สัมภาษณ์ของนายไพรัช แสงทองสุข ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานราธิวาส เขต 2 ที่ระบุว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ยังมีแนวร่วมขบวนการโจรก่อการร้าย แทรกซึมไปตามโรงเรียนต่างๆ โดยชักจูงเยาวชนที่เกเรไม่สนใจการเรียนเข้าไปเป็นแนวร่วมของขบวนการโจรก่อการร้าย ว่า จากคำพูดดังกล่าว ได้นำไปสู่ความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับสถาบันการศึกษาในพื้นที่อย่างมาก โดยเฉพาะตัวนายไพรัชเองก็เป็นข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ และอยู่ในสถานศึกษาด้วย น่าจะรู้อะไรดี ว่าสถาบันการศึกษาจะสอนให้คนเป็นคนดีทุกคน แต่ถ้าจะมีคนไม่ดีอยู่บ้างก็จะเป็นเพียงพฤติกรรมของบุคคลเฉพาะตัว
‘สิ่งที่ดีที่สุดของคุณไพรัชฯ ขณะนี้อย่าได้คิดหาเหาใส่หัว ที่มิใช่หน้าที่โดยตรง อย่าเอาสถานการณ์ครั้งเพื่อประโยชน์แก่ตัวเอง สถานการณ์อย่างนี้ไม่ใช่เป็นการสร้างวีรบุรุษ ขอให้คิดหาจุดร่วมในการแก้ปัญหามากกว่าการวิพากษ์โดยปราศจากข้อมูลที่จะทำให้เพื่อนข้าราชการอื่นเกิดการเสียหาย เหมือนเอาความดีใส่ตัวความชั่วไปให้คนอื่น’ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ตนขอเรียกร้องให้รมว.ศึกษาธิการ ควบคุมข้าราชการในสังกัดก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมอย่างนี้ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะการให้ข่าวที่น่าจะนำไปสู่ปัญหาขัดแย้งระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเองได้ โดยในสถานการณ์คับขันอย่างนี้ข้าราชการต้องไม่นึกสนุกหรืออยากดัง สัมภาษณ์ไม่ถูกที่ รมว.ศึกษาธิการน่าจะต้องเอาไปสงบสติอารมณ์บ้าง มิเช่นนั้นหากยังปล่อยอยู่ในพื้นที่ภาคใต้อาจจะทำให้เกิดความเสียหาย และเกิดความหวาดระแวงและนำไปสู่ข้อขัดแย้งระหว่างองค์กรได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20/01/47--จบ--
-สส-