ตามที่กรมการประกันภัยได้มีคำสั่งนายทะเบียนปรับปรุงพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย และเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 1 ประเภท 2 และประเภท 3) โดยจะให้มีผลใช้บังคับสำหรับกรมธรรม์ประกันภัยที่มีระยะเวลาเริ่มต้นให้ความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 เป็นต้นไป ซึ่งกรมการประกันภัยได้มีการประชาสัมพันธ์ไปแล้ว นั้น
นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัย กล่าวว่าขณะนี้พิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยใหม่ ดังกล่าวได้มีผลบังคับแล้ว ดังนั้นเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง จึงขอสรุปประเด็นหลักของการปรับปรุงที่ ผู้เอาประกันภัยรถควรจะได้รับทราบอีกครั้งหนึ่ง ดังต่อไปนี้
1. ได้กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำที่บริษัทประกันภัยจะต้องจ่ายเป็นค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิตสำหรับบุคคลภายนอก รายละ 100,000 บาท (เดิมบริษัทประกันภัยอาจจ่ายเพียงรายละ 30,000-50,000 บาท ก็ได้)
2. เพิ่มจำนวนเงินความคุ้มครอง สำหรับการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้าย ร.ย.01 กรณีสูญเสียอวัยวะที่เป็นมือหนึ่งข้าง เท้าหนึ่งข้าง หรือตาหนึ่งข้าง จากเดิมกำหนดไว้ 50% เป็น 60% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ซึ่งช่วยให้ผู้ประสบภัยได้รับความคุ้มครองสูงขึ้น
3. กำหนดให้บริษัทประกันภัยสามารถให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสำหรับรถใหม่ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 1 ปี แก่รถยนต์นั่งและรถโดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 20 ที่นั่ง ซึ่งมีลักษณะการใช้ส่วนบุคคล แต่ทั้งนี้ลดได้ไม่เกิน 15% ของเบี้ยประกันภัยสุทธิ
4. ปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับเอกสารแนบท้าย 3 ประเภท จากเดิมกำหนดเป็นอัตราเบี้ยประกันภัยคงที่ ให้เป็นอัตราเบี้ยประกันภัยขั้นสูง ซึ่งทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับประโยชน์มากขึ้น เช่นการประกันภัยตัวผู้ขับขี่ (ร.ย.03) จากเดิมกำหนดเป็นอัตราเบี้ยประกันภัยคงที่ 0.5% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ซึ่งหมายถึงบริษัทจะต้องขายในอัตรา 0.5% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเสมอ แต่อัตราใหม่กำหนดให้ขายได้ไม่เกิน 0.5% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยซึ่งหมายถึงบริษัทจะขายต่ำกว่า 0.5% ของจำนวนเงินเอา ประกันภัยก็ได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 0.5% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
5. เพิ่มช่วงกว้างของเบี้ยประกันภัยพื้นฐาน โดยลดอัตราเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำและเพิ่มอัตราเบี้ยประกันภัยขั้นสูง เพื่อให้เบี้ยประกันภัยสอดคล้องความเสี่ยง เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นางสาวพจนีย์ ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าเบี้ยประกันภัยได้ปรับสูงขึ้นทุกประเภท จำนวน 2,500 — 5,000 บาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถเก๋ง รถปิคอัพ และรถบรรทุก 10 ล้อนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะในการปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันภัยนี้ ได้ปรับปรุงโดยลดอัตราเบี้ย ประกันภัยขั้นต่ำและเพิ่มอัตราเบี้ยประกันภัยขั้นสูง เพื่อให้บริษัทประกันภัยสามารถใช้ดุลยพินิจในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยงภัยและภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูงทั้งด้านราคาและบริการเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมหากจะมีการปล่อยเสรีในด้านอัตราเบี้ยในอนาคต นอกจากนี้ยังได้กำหนด ให้บริษัทประกันภัยสามารถให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสำหรับรถเก๋งและรถปิกอัพ ที่มีอายุใช้งานไม่เกิน 1 ปี ได้อีกแต่ไม่เกิน 15% ของเบี้ยประกันภัยสุทธิ (เดิมไม่มีส่วนลด) รวมทั้งการปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันภัย สำหรับเอกสารแนบท้ายจากเดิมกำหนดเป็นอัตราเบี้ยประกันภัยคงที่ เป็นอัตราเบี้ยประกันภัยขั้นสูง ซึ่งแนวทางเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้บริษัทประกันภัยสามารถที่จะลดเบี้ยประกันภัยได้เพื่อแข่งขันทางด้านราคาได้มากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้เบี้ยประกันภัยถูกลงได้ เช่นในบางกรณีรถเก๋ง ที่มีการทำประกันภัยประเภท 2 ก็อาจจะลดเบี้ยประกันภัยได้ถึง 58% อย่างไรก็ตาม หากผู้เอาประกันภัยเห็นว่าเบี้ยประกันภัยที่บริษัท ประกันภัยเสนอมายังไม่เป็นที่พอใจก็ควรจะสอบถามไปยังบริษัทประกันภัยอื่นๆ เพื่อเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครองที่เหมาะสม รวมถึง คุณภาพของการบริการ เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนก่อนจะตัดสินใจซื้อต่อไป
หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการประกันภัยรถ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กรมการประกันภัย โทร.02-547-4524 หรือสายด่วนประกันภัย 1186 กลุ่มคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขตทุกเขตและสำนักงานประกันภัยจังหวัดทุกจังหวัด
ที่มา: http://www.doi.go.th