สศอ. เผยผลผลิตอุตสาหกรรมลดลง ขณะที่ปริมาณสต็อกคงคลังเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี ส่งผลให้ดัชนีอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายนลดลง อยู่ที่ระดับ121.78 ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 3.90 อุตสาหกรรมหลักที่ผลผลิตลดลง ได้แก่ เบียร์ ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เยื่อกระดาษ กระดาษ และกระดาษแข็ง การผลิตเครื่องเพชรพลอย และรูปพรรณ ชี้สาเหตุหลักมาจากอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีสต็อกค้างอยู่ และบางส่วนมีการเปลี่ยนแนวนโยบายการผลิตใหม่รองรับแผนธุรกิจปี 2547
นางชุตาภรณ์ ลัมพสาระ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า การจัดทำดัชนีอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2546 (ครอบคลุม 50 กลุ่มอุตสาหกรรม ) พบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(มูลค่าเพิ่ม) อยู่ที่ระดับ 121.78 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.90 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.28 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าผลผลิต) อยู่ในระดับ 127.91 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.74 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีทีผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.54
สาเหตุที่ดัชนีผลผลิตปรับตัวลดลง เนื่องจากพบว่าอุตสาหกรรมบางส่วนมีสินค้าค้างสต๊อกอยู่ และบางส่วนมีการเปลี่ยนแนวนโยบายการผลิตใหม่ เช่น การผลิตมอลต์ลิกเคอ และมอลต์ ซึ่งนำไปผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมบางส่วนประสบปัญหาด้านต้นทุนที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลให้ภาวะการผลิตและการจำหน่ายโดยรวมลดลง เช่น การผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสติก ที่ปัจจุบันประสบปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากลูกค้าหันไปสั่งซื้อจากจีนซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่า
นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมหลักๆ ที่ส่งผลให้ดัชนีอุตสาหกรรมผลผลิตลดลง ได้แก่การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เนื่องจากโรงกลั่นระยองหยุดการผลิตชั่วคราว เพื่อหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปี ส่งผลให้ปริมาณการผลิตลดลงมาก การผลิตเยื่อกระดาษ กระดาษ และกระดาษแข็ง แม้ว่าจะอยู่ในช่วงขยายตัวดี เนื่องอยู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ มีการสั่งซื้อสินค้าไปสต๊อกมากกว่าปกติ แต่ปริมาณการผลิตมีทิศทางที่ลดลง เนื่องจากมีโรงงานบางส่วนมีการผลิต และการจำหน่ายลดลง เพราะหยุดซ่อมบำรุงเครื่องจักรบางตัว ประกอบกับโรงงานบางแห่งต้องการระบายสต๊อกสินค้าจึงลดการผลิตลง การผลิตเครื่องเพชรพลอย และรูปพรรณ และของที่เกี่ยวข้อง มีมูลค่าการจำหน่ายที่ลดลง โดยผลมาจากการส่งออกที่ลดลงของอุตสาหกรรมเจียระไนเพชรพลอย เนื่องจากลูกค้าต่างประเทศชะลอการสั่งซื้อสินค้าเพื่อไม่ให้มีสต๊อกเก็บไว้ข้ามปีมากจนเกินไป
ส่วนดัชนีการผลิตยานยนต์ ถือว่าอยู่ในระดับที่ทรงตัว เนื่องจากเป็นที่ผู้บริโภครอสินค้าใหม่ที่จะเปิดตัวช่วงปลายปีด้วย ขณะเดียวกันคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลงในช่วงนี้ และส่วนหนึ่งวางแผนทำสต็อกสินค้าให้เหลือน้อยลง ตามนโยบายของบริษัทที่เตรียมความพร้อมในการวางแผนใหม่ในปี 2547
นอกจากนี้ยังมี ดัชนี การส่งสินค้า อยู่ในระดับ 128.48 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.29 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีทีผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.10 ดัชนีแรงานในภาค อุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 106.87 ลดลงจากเดือนร้อยละ 0.24 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีทีผ่านมา เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.14 โดยมีการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์ และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตยานยนต์ การผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน การผลิตเบียร์ การผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งให้ดัชนีเพิ่มขึ้น
ส่วนดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ที่ระดับ 133.22 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.43 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.53 โดยมี อุตสาหกรรมการผลิตเบียร์ การแปรรูปและถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ การผลิตยานยนต์ การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก และการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งให้ดัชนีเพิ่มขึ้น
ดัชนีอัตราส่วนสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ในระดับ 124.20 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 11.32 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.83 ดัชนีผลิตภาพแรงงานอุตสาหกรรม อยู่ในระดับ 129.78 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.21 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 1.65 ดัชนีอัตราการใช้กำลังการผลิต อยู่ที่ระดับ 61.05 ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.59 โดยการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม การผลิตยานยนต์ การผลิตเยื่อกระดาษ และกระดาษแข็ง การผลิตผลิตภัณฑ์อาหารประเภทอื่นๆ เป็น อุตสาหกรรมหลักที่ส่งให้ดัชนีลดลง
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
นางชุตาภรณ์ ลัมพสาระ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า การจัดทำดัชนีอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2546 (ครอบคลุม 50 กลุ่มอุตสาหกรรม ) พบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(มูลค่าเพิ่ม) อยู่ที่ระดับ 121.78 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.90 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.28 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าผลผลิต) อยู่ในระดับ 127.91 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.74 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีทีผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.54
สาเหตุที่ดัชนีผลผลิตปรับตัวลดลง เนื่องจากพบว่าอุตสาหกรรมบางส่วนมีสินค้าค้างสต๊อกอยู่ และบางส่วนมีการเปลี่ยนแนวนโยบายการผลิตใหม่ เช่น การผลิตมอลต์ลิกเคอ และมอลต์ ซึ่งนำไปผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมบางส่วนประสบปัญหาด้านต้นทุนที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลให้ภาวะการผลิตและการจำหน่ายโดยรวมลดลง เช่น การผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสติก ที่ปัจจุบันประสบปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากลูกค้าหันไปสั่งซื้อจากจีนซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่า
นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมหลักๆ ที่ส่งผลให้ดัชนีอุตสาหกรรมผลผลิตลดลง ได้แก่การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เนื่องจากโรงกลั่นระยองหยุดการผลิตชั่วคราว เพื่อหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปี ส่งผลให้ปริมาณการผลิตลดลงมาก การผลิตเยื่อกระดาษ กระดาษ และกระดาษแข็ง แม้ว่าจะอยู่ในช่วงขยายตัวดี เนื่องอยู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ มีการสั่งซื้อสินค้าไปสต๊อกมากกว่าปกติ แต่ปริมาณการผลิตมีทิศทางที่ลดลง เนื่องจากมีโรงงานบางส่วนมีการผลิต และการจำหน่ายลดลง เพราะหยุดซ่อมบำรุงเครื่องจักรบางตัว ประกอบกับโรงงานบางแห่งต้องการระบายสต๊อกสินค้าจึงลดการผลิตลง การผลิตเครื่องเพชรพลอย และรูปพรรณ และของที่เกี่ยวข้อง มีมูลค่าการจำหน่ายที่ลดลง โดยผลมาจากการส่งออกที่ลดลงของอุตสาหกรรมเจียระไนเพชรพลอย เนื่องจากลูกค้าต่างประเทศชะลอการสั่งซื้อสินค้าเพื่อไม่ให้มีสต๊อกเก็บไว้ข้ามปีมากจนเกินไป
ส่วนดัชนีการผลิตยานยนต์ ถือว่าอยู่ในระดับที่ทรงตัว เนื่องจากเป็นที่ผู้บริโภครอสินค้าใหม่ที่จะเปิดตัวช่วงปลายปีด้วย ขณะเดียวกันคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลงในช่วงนี้ และส่วนหนึ่งวางแผนทำสต็อกสินค้าให้เหลือน้อยลง ตามนโยบายของบริษัทที่เตรียมความพร้อมในการวางแผนใหม่ในปี 2547
นอกจากนี้ยังมี ดัชนี การส่งสินค้า อยู่ในระดับ 128.48 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.29 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีทีผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.10 ดัชนีแรงานในภาค อุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 106.87 ลดลงจากเดือนร้อยละ 0.24 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีทีผ่านมา เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.14 โดยมีการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์ และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตยานยนต์ การผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน การผลิตเบียร์ การผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งให้ดัชนีเพิ่มขึ้น
ส่วนดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ที่ระดับ 133.22 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.43 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.53 โดยมี อุตสาหกรรมการผลิตเบียร์ การแปรรูปและถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ การผลิตยานยนต์ การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก และการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งให้ดัชนีเพิ่มขึ้น
ดัชนีอัตราส่วนสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ในระดับ 124.20 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 11.32 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.83 ดัชนีผลิตภาพแรงงานอุตสาหกรรม อยู่ในระดับ 129.78 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.21 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 1.65 ดัชนีอัตราการใช้กำลังการผลิต อยู่ที่ระดับ 61.05 ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.59 โดยการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม การผลิตยานยนต์ การผลิตเยื่อกระดาษ และกระดาษแข็ง การผลิตผลิตภัณฑ์อาหารประเภทอื่นๆ เป็น อุตสาหกรรมหลักที่ส่งให้ดัชนีลดลง
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-