ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. สำรวจพบประชาชนมีภาระหนี้และยอดค้างชำระหนี้สูง ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการ
เงิน (นายบัณฑิต นิจถาวร) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้สำรวจภาวะเศรษฐกิจ
จากผู้ประกอบการทั่วประเทศพบว่า ประชาชนมีภาระหนี้และยอดค้างชำระหนี้สูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้า
ประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและจักรยานยนต์ ซึ่งจะมีการผ่อนชำระเพียง 3-4 งวดก็จะเริ่มหยุดผ่อน โดยปัญหา
นี้ไม่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการบริโภค และเป็นประเด็นที่ ธปท.จะต้องติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้
คณะกรรมการนโยบายการเงินได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ไว้ที่ 1.25% เช่นเดิม
เนื่องจากเป็นระดับที่เหมาะสมกับการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้มีประเด็นสำคัญที่ควร
จับตามอง ได้แก่ หนี้คงค้างของภาคครัวเรือนไทยที่เพิ่มขึ้น คุณภาพของการลงทุนใหม่ เสถียรภาพและแนว
โน้มค่าเงิน และราคาน้ำมัน สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยตลอดทั้งปี 46 อยู่ที่ 0.2% หากไม่นับรวมค่า
เช่าบ้านจะอยู่ที่ 0.6% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.8% (เดลินิวส์, บ้านเมือง, ไทยรัฐ, มติชน
โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ก.คลังถือหุ้น ธพ.ใหม่ 40% หลังการควบรวม 3 ธพ. . รองปลัด ก.คลัง เปิดเผยถึง
กรณีการควบรวมกิจการระหว่าง ธ.ทหารไทย ธ.ดีบีเอสไทยทนุ และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศ
ไทย (ไอเอฟซีที) ว่า โครงสร้างผู้ถือหุ้นนั้น ก.คลังจะถือหุ้นประมาณ 40% ดีบีเอสสิงคโปร์ 10% ซึ่งขณะนี้
ก.คลังถือหุ้นไอเอฟซีทีอยู่ 49% และ ธ.ทหารไทย 40.6% ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 3
เดือน โดยแนวทางยังไม่ได้กำหนดชัดเจน แต่ในเบื้องต้นมี 2 แนวทางคือ การควบรวมโดยตั้ง ธพ.ใหม่
หรือควบรวมโดยมี ธพ.แห่งใดแห่งหนึ่งเป็นแกนนำ โดยการควบรวมนั้นจะคำนึงถึงผลประโยชน์ด้านภาษีและ
จังหวะเวลาที่เหมาะสม (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน, บ้านเมือง, โลกวันนี้)
3. ธพ. หารือร่วมมือป้องกันการปลอมแปลงแถบแม่เหล็กบัตรจากกลุ่มมิจฉาชีพข้ามชาติ ผู้ช่วย
กรรมการ ธ.กสิกรไทย (นายปราโมทย์ ไชยอัมพร) ในฐานะกรรมการบริษัท เอทีเอ็มพูล กล่าวว่า จาก
การที่มีกลุ่มมิจฉาชีพข้ามชาติคิดค้นเครื่องก๊อปปี้แถบแม่เหล็กบัตรเอทีเอ็มนั้น สมาชิกระบบเอทีเอ็มพูลทั้ง 19
แห่งเห็นชอบร่วมกันที่จะออกมาตรการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยให้ ธพ.ทุกแห่งสังเกตสิ่งผิดปกติของตู้เอที
เอ็มเวลาที่เจ้าหน้าที่นำเงินไปเติม ห้ามไม่ให้ติดตั้งกล่องหรือป้ายโฆษณาใด ๆ รวมถึงการติดตั้งกล้องวงจร
ปิดและสัญญาณเตือนภัย นอกจากนี้ยังเพิ่มสัญญาต่อท้ายเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บัตร กรณีที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีเงิน
หายจากบัญชีโดยไม่ใช่ความผิดของลูกค้า โดยธนาคารเจ้าของบัตรจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย (โพสต์ทูเดย์)
4. ธพ. ไทย 13 แห่งมีกำไรสุทธิรวม 3.94 หมื่น ล.บาทในปี 46 รายงานจากตลาดหลัก
ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลประกอบการของ ธพ. ไทย 13 แห่งที่จดทะเบียนใน ตลท. ในปี 46
มีผลกำไรสุทธิรวม 3.94 หมื่น ล.บาท เพิ่มขึ้นจาก 1.14 หมื่น ล.บาทในปี 45 หรือคิดเป็น 244.45%
โดย ธพ.ที่มีกำไรสุทธิมีจำนวน 10 แห่งเรียงตามลำดับ ได้แก่ ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กรุงเทพ ธ.
กรุงไทย ธ.นครหลวงไทย ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.เอเชีย ธ.แสตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน ธ.ธนชาต และ ธ.
ยูโอบีรัตนสิน (บ้านเมือง, แนวหน้า, โลกวันนี้)
5. ธ.ไทยพาณิชย์ร่วมมือกับ บ.ไปรษณีย์ไทยให้บริการการเงินขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน กรรมการ
ผู้จัดการใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธ.ไทยพาณิชย์และ บ.ไปรษณีย์ไทยร่วมลงนามดำเนินธุรกิจร่วมกันใน
การให้บริการการเงินขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน ได้แก่ การรับฝาก-ถอน โอนเงิน รับส่งเอกสารระหว่าง
ธนาคารกับลูกค้า และบริการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกหลายรายการผ่านที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ (ข่าวสด)
6. ก.คมนาคมมีแนวคิดซื้อหุ้นบีเอ็มซีแอลเพื่อปรับเปลี่ยนแนวการจัดการด้านการจราจรใน กทม.
รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงแนวคิดที่จะให้ ก.คมนาคมซื้อหุ้นใน บ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (บีเอ็มซีแอล)
โดยให้การรถไฟฟ้ามหานคร (รฟม.) เป็นผู้บริหารว่า แนวคิดดังกล่าวเพื่อต้องการปรับเปลี่ยนแนวการ
จัดการเรื่องการจราจรใน กทม. โดยการเชื่อมโยงเครือข่ายและพัฒนาการขนส่งระบบรางซึ่งจะเป็นสิ่งที่
แก้ไขปัญหาการจราจรใน กทม. ได้ดีที่สุด โดยต้องหารือร่วมกับภาคเอกชนเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุด (สยามรัฐ,
มติชน, ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. นักการธนาคารของ สรอ.คาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.47
รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 21 ม.ค.47 คณะกรรมการที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของสมาคมนักการธนาคาร
อเมริกัน (ABA) ซึ่งประกอบด้วยนักเศรษฐศาสตร์อาวุโส 10 คน 7 คนคาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยในการประชุมในเดือน มิ.ย. 47 นี้ โดยในจำนวนนี้ 3 คนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นร้อยละ 0.25
ในขณะที่อีก 4 คนคาดว่าจะสูงขึ้นร้อยละ 0.50 ส่วนอีก 3 คนที่เหลือเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ระดับ
ร้อยละ 1 เช่นในปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.5
เทียบกับร้อยละ 0.9 ในปี 46 โดยราคาสินค้าจะสูงขึ้นอย่างช้า ๆ อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของ
ประสิทธิภาพในการผลิตและกำลังการผลิตส่วนเกินที่ยังเหลืออยู่ คณะกรรมการดังกล่าวยังคาดว่าภาค
อุตสาหกรรมจะเริ่มฟื้นตัวอันเป็นผลจากการฟื้นตัวของการส่งออกทำให้ธุรกิจเริ่มลงทุนผลิตสินค้าคงคลังและเริ่ม
จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลให้อัตราการว่างงานลดลงจากร้อยละ 5.7 ในเดือน ธ.ค.46 เหลือร้อยละ
5.5 ภายในสิ้นปี 47 และคาดว่าเศรษฐกิจของ สรอ.ในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 4.2 เทียบกับร้อยละ 4.4
ในปี 46 เมื่อเทียบระหว่างไตรมาสสุดท้ายของแต่ละปี (รอยเตอร์)
2. ยอดการสร้างใหม่ของ สรอ.ในเดือน ธ.ค.46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 รายงานจากวอชิงตัน
เมื่อ 21 ม.ค.47 ก.พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า ยอดการสร้างบ้านใหม่ของ สรอ.ในเดือน ธ.ค.46 อยู่ที่
จำนวน 2.088 ล้านหลัง เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) เทียบต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น
อย่างรวดเร็วตั้งแต่ ก.พ.27 ขณะที่นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทคาดว่าจะลดลง เนื่องจากมีการสร้างที่อยู่
อาศัยสำหรับหลายครอบครัวมาอยู่อาศัยรวมกัน เช่น คอนโดมีเนียม เพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่ายอดการสร้างบ้าน
ใหม่สำหรับครอบครัวเดี่ยวจะลดลงจากเดือนก่อน โดยเมื่อเดือน พ.ย.46 ยอดการสร้างบ้านใหม่ที่ปรับตัวเลข
แล้วมีจำนวน 2.054 ล้านหลัง ต่ำกว่าที่รางานไว้ก่อนหน้านี้มีจำนวน 2.070 ล้านหลัง อย่างไรก็ตาม ตลาดที่
อยู่อาศัยเห็นว่ายังไม่อยู่ในภาวะถดถอย เนื่องจาก จำนวนการอนุญาตให้สร้างที่อยู่อาศัยในเดือน ธ.ค.46
เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 อยู่ที่จำนวน 1.924 ล้านหลัง นอกจากนี้ หัวหน้านักวิเคราะห์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า อัตรา
ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่ฟื้นตัว นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาดที่
อยู่อาศัยของ สรอ. ต่อไปในอนาคต (รอยเตอร์)
3. รายงานการจ้างงานของ ก.แรงงาน สรอ. ในเดือน ธ.ค.46 สะท้อนภาพสถานการณ์แรงงาน
ที่ไม่ชัดเจน รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 21 ม.ค.46 รมว.คลัง สรอ. (John Snow) กล่าวถึง
รายงานของ ก.แรงงาน ในเดือน ธ.ค.46 ซึ่งรายงานว่า มีการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นจำนวน
1,000 ราย ต่ำกว่าการคาดหมายอย่างมาก ขณะที่ อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับร้อยละ 5.7 ซึ่งจากตัว
เลขดังกล่าวแสดงว่าอาจมีปัจจัยบางอย่างผิดพลาดที่ต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง อนึ่ง ตัวเลขการจ้างงานและ
อัตราการว่างงานได้จากการสำรวจที่แยกกัน โดยอัตราการว่างงานสำรวจจากประชาชนทั่วไป ขณะที่การจ้าง
งานสำรวจจากนายจ้าง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าการสำรวจจากประชาชนทั่วไปเป็นการประเมินที่แม่นยำ
และสามารถสะท้อนถึงการปรับตัวดีขึ้นหรือตกต่ำของตลาดแรงงานได้ ขณะที่ ก.แรงงานเห็นว่าการสำรวจจาก
นายจ้างเชื่อถือได้มากกว่าการสำรวจจากประชาชนทั่วไป (รอยเตอร์)
4. EIA คาดว่ารายได้จากการส่งออกน้ำมันของกลุ่มประเทศโอเปกในปี 47 จะลดลงร้อยละ 5
รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 21 ม.ค.46 The Energy Information Administration (EIA) คาดว่า
รายได้จากการส่งออกน้ำมันของกลุ่มประเทศโอเปกในปี 47 จะมีจำนวน 231 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ลดลง
ร้อยละ 5 จากจำนวน 242 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในปี 46 ทั้งนี้เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะลดลง
ร้อยละ 3.7 เนื่องจากเงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลง และปริมาณการส่งออกน้ำมันของกลุ่มประเทศโอเปกที่
คาดว่าจะลดลงร้อยละ 0.8 สาเหตุจากการลดปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศโอเปก เนื่องจากมี
ปริมาณน้ำมันสำรองอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับเพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันให้เหมาะสม (รอยเตอร์)
5. ราคาบ้านในอังกฤษไตรมาส 4 ปี 46 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 13 เดือน รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 22 ม.ค.47 The Royal Institution of Chartered Surveyors (RICS) เปิดเผยว่า ราคา
บ้านในอังกฤษในไตรมาส 4 ปี 46 (ต.ค.-ธ.ค.) เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 13 เดือน (ตั้งแต่เดือน พ.ย.45
เป็นต้นมา) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 33 ในเดือนก่อน เป็นร้อยละ 41 ในเดือน ธ.ค.46 แสดงให้เห็นว่าการขึ้น
ดอกเบี้ยของ ธ.กลางอังกฤษเมื่อปี 46 ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยกับระดับราคาบ้าน ขณะที่ RICS เห็นว่า
อัตราดอกเบี้ยในขณะนี้จะทำให้ผู้ซื้อบ้านลดความสนใจที่จะซื้อที่อยู่อาศัย ทำให้ปริมาณการสร้างบ้านลดลง ก่อให้
เกิดการขาดแคลนที่อยู่อาศัย อันเป็นผลกระทบต่อเนื่องไปถึงราคาบ้าน นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดว่าราคา
บ้านของอังกฤษในปีนี้จะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6 อย่างไรก็ตาม ราคาบ้านในอังกฤษเป็นนัยสำคัญที่ส่งผลต่อการใช้
จ่ายของผู้บริโภค การกู้ยืม และนโยบายการเงิน โดยประชาชนเกือบร้อยละ 70 ในอังกฤษจะมีบ้านเป็นของ
ตนเอง นอกจากนี้ ผลสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยอื่น ๆ ยังพบว่า ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่ง
โดย Property website Rightmove เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ในเดือน ธ.ค.46 ราคาบ้านใน
อังกฤษเพิ่มขึ้นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22/1/47 21/1/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.038 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.8436/39.1253 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1875-1.28 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 766.72/32.59 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,550/7,650 7,550/7,650 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 30.06 29.73 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท. สำรวจพบประชาชนมีภาระหนี้และยอดค้างชำระหนี้สูง ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการ
เงิน (นายบัณฑิต นิจถาวร) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้สำรวจภาวะเศรษฐกิจ
จากผู้ประกอบการทั่วประเทศพบว่า ประชาชนมีภาระหนี้และยอดค้างชำระหนี้สูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้า
ประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและจักรยานยนต์ ซึ่งจะมีการผ่อนชำระเพียง 3-4 งวดก็จะเริ่มหยุดผ่อน โดยปัญหา
นี้ไม่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการบริโภค และเป็นประเด็นที่ ธปท.จะต้องติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้
คณะกรรมการนโยบายการเงินได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ไว้ที่ 1.25% เช่นเดิม
เนื่องจากเป็นระดับที่เหมาะสมกับการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้มีประเด็นสำคัญที่ควร
จับตามอง ได้แก่ หนี้คงค้างของภาคครัวเรือนไทยที่เพิ่มขึ้น คุณภาพของการลงทุนใหม่ เสถียรภาพและแนว
โน้มค่าเงิน และราคาน้ำมัน สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยตลอดทั้งปี 46 อยู่ที่ 0.2% หากไม่นับรวมค่า
เช่าบ้านจะอยู่ที่ 0.6% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.8% (เดลินิวส์, บ้านเมือง, ไทยรัฐ, มติชน
โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ก.คลังถือหุ้น ธพ.ใหม่ 40% หลังการควบรวม 3 ธพ. . รองปลัด ก.คลัง เปิดเผยถึง
กรณีการควบรวมกิจการระหว่าง ธ.ทหารไทย ธ.ดีบีเอสไทยทนุ และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศ
ไทย (ไอเอฟซีที) ว่า โครงสร้างผู้ถือหุ้นนั้น ก.คลังจะถือหุ้นประมาณ 40% ดีบีเอสสิงคโปร์ 10% ซึ่งขณะนี้
ก.คลังถือหุ้นไอเอฟซีทีอยู่ 49% และ ธ.ทหารไทย 40.6% ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 3
เดือน โดยแนวทางยังไม่ได้กำหนดชัดเจน แต่ในเบื้องต้นมี 2 แนวทางคือ การควบรวมโดยตั้ง ธพ.ใหม่
หรือควบรวมโดยมี ธพ.แห่งใดแห่งหนึ่งเป็นแกนนำ โดยการควบรวมนั้นจะคำนึงถึงผลประโยชน์ด้านภาษีและ
จังหวะเวลาที่เหมาะสม (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน, บ้านเมือง, โลกวันนี้)
3. ธพ. หารือร่วมมือป้องกันการปลอมแปลงแถบแม่เหล็กบัตรจากกลุ่มมิจฉาชีพข้ามชาติ ผู้ช่วย
กรรมการ ธ.กสิกรไทย (นายปราโมทย์ ไชยอัมพร) ในฐานะกรรมการบริษัท เอทีเอ็มพูล กล่าวว่า จาก
การที่มีกลุ่มมิจฉาชีพข้ามชาติคิดค้นเครื่องก๊อปปี้แถบแม่เหล็กบัตรเอทีเอ็มนั้น สมาชิกระบบเอทีเอ็มพูลทั้ง 19
แห่งเห็นชอบร่วมกันที่จะออกมาตรการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยให้ ธพ.ทุกแห่งสังเกตสิ่งผิดปกติของตู้เอที
เอ็มเวลาที่เจ้าหน้าที่นำเงินไปเติม ห้ามไม่ให้ติดตั้งกล่องหรือป้ายโฆษณาใด ๆ รวมถึงการติดตั้งกล้องวงจร
ปิดและสัญญาณเตือนภัย นอกจากนี้ยังเพิ่มสัญญาต่อท้ายเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บัตร กรณีที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีเงิน
หายจากบัญชีโดยไม่ใช่ความผิดของลูกค้า โดยธนาคารเจ้าของบัตรจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย (โพสต์ทูเดย์)
4. ธพ. ไทย 13 แห่งมีกำไรสุทธิรวม 3.94 หมื่น ล.บาทในปี 46 รายงานจากตลาดหลัก
ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลประกอบการของ ธพ. ไทย 13 แห่งที่จดทะเบียนใน ตลท. ในปี 46
มีผลกำไรสุทธิรวม 3.94 หมื่น ล.บาท เพิ่มขึ้นจาก 1.14 หมื่น ล.บาทในปี 45 หรือคิดเป็น 244.45%
โดย ธพ.ที่มีกำไรสุทธิมีจำนวน 10 แห่งเรียงตามลำดับ ได้แก่ ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กรุงเทพ ธ.
กรุงไทย ธ.นครหลวงไทย ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.เอเชีย ธ.แสตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน ธ.ธนชาต และ ธ.
ยูโอบีรัตนสิน (บ้านเมือง, แนวหน้า, โลกวันนี้)
5. ธ.ไทยพาณิชย์ร่วมมือกับ บ.ไปรษณีย์ไทยให้บริการการเงินขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน กรรมการ
ผู้จัดการใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธ.ไทยพาณิชย์และ บ.ไปรษณีย์ไทยร่วมลงนามดำเนินธุรกิจร่วมกันใน
การให้บริการการเงินขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน ได้แก่ การรับฝาก-ถอน โอนเงิน รับส่งเอกสารระหว่าง
ธนาคารกับลูกค้า และบริการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกหลายรายการผ่านที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ (ข่าวสด)
6. ก.คมนาคมมีแนวคิดซื้อหุ้นบีเอ็มซีแอลเพื่อปรับเปลี่ยนแนวการจัดการด้านการจราจรใน กทม.
รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงแนวคิดที่จะให้ ก.คมนาคมซื้อหุ้นใน บ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (บีเอ็มซีแอล)
โดยให้การรถไฟฟ้ามหานคร (รฟม.) เป็นผู้บริหารว่า แนวคิดดังกล่าวเพื่อต้องการปรับเปลี่ยนแนวการ
จัดการเรื่องการจราจรใน กทม. โดยการเชื่อมโยงเครือข่ายและพัฒนาการขนส่งระบบรางซึ่งจะเป็นสิ่งที่
แก้ไขปัญหาการจราจรใน กทม. ได้ดีที่สุด โดยต้องหารือร่วมกับภาคเอกชนเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุด (สยามรัฐ,
มติชน, ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. นักการธนาคารของ สรอ.คาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.47
รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 21 ม.ค.47 คณะกรรมการที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของสมาคมนักการธนาคาร
อเมริกัน (ABA) ซึ่งประกอบด้วยนักเศรษฐศาสตร์อาวุโส 10 คน 7 คนคาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยในการประชุมในเดือน มิ.ย. 47 นี้ โดยในจำนวนนี้ 3 คนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นร้อยละ 0.25
ในขณะที่อีก 4 คนคาดว่าจะสูงขึ้นร้อยละ 0.50 ส่วนอีก 3 คนที่เหลือเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ระดับ
ร้อยละ 1 เช่นในปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.5
เทียบกับร้อยละ 0.9 ในปี 46 โดยราคาสินค้าจะสูงขึ้นอย่างช้า ๆ อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของ
ประสิทธิภาพในการผลิตและกำลังการผลิตส่วนเกินที่ยังเหลืออยู่ คณะกรรมการดังกล่าวยังคาดว่าภาค
อุตสาหกรรมจะเริ่มฟื้นตัวอันเป็นผลจากการฟื้นตัวของการส่งออกทำให้ธุรกิจเริ่มลงทุนผลิตสินค้าคงคลังและเริ่ม
จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลให้อัตราการว่างงานลดลงจากร้อยละ 5.7 ในเดือน ธ.ค.46 เหลือร้อยละ
5.5 ภายในสิ้นปี 47 และคาดว่าเศรษฐกิจของ สรอ.ในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 4.2 เทียบกับร้อยละ 4.4
ในปี 46 เมื่อเทียบระหว่างไตรมาสสุดท้ายของแต่ละปี (รอยเตอร์)
2. ยอดการสร้างใหม่ของ สรอ.ในเดือน ธ.ค.46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 รายงานจากวอชิงตัน
เมื่อ 21 ม.ค.47 ก.พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า ยอดการสร้างบ้านใหม่ของ สรอ.ในเดือน ธ.ค.46 อยู่ที่
จำนวน 2.088 ล้านหลัง เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) เทียบต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น
อย่างรวดเร็วตั้งแต่ ก.พ.27 ขณะที่นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทคาดว่าจะลดลง เนื่องจากมีการสร้างที่อยู่
อาศัยสำหรับหลายครอบครัวมาอยู่อาศัยรวมกัน เช่น คอนโดมีเนียม เพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่ายอดการสร้างบ้าน
ใหม่สำหรับครอบครัวเดี่ยวจะลดลงจากเดือนก่อน โดยเมื่อเดือน พ.ย.46 ยอดการสร้างบ้านใหม่ที่ปรับตัวเลข
แล้วมีจำนวน 2.054 ล้านหลัง ต่ำกว่าที่รางานไว้ก่อนหน้านี้มีจำนวน 2.070 ล้านหลัง อย่างไรก็ตาม ตลาดที่
อยู่อาศัยเห็นว่ายังไม่อยู่ในภาวะถดถอย เนื่องจาก จำนวนการอนุญาตให้สร้างที่อยู่อาศัยในเดือน ธ.ค.46
เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 อยู่ที่จำนวน 1.924 ล้านหลัง นอกจากนี้ หัวหน้านักวิเคราะห์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า อัตรา
ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่ฟื้นตัว นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาดที่
อยู่อาศัยของ สรอ. ต่อไปในอนาคต (รอยเตอร์)
3. รายงานการจ้างงานของ ก.แรงงาน สรอ. ในเดือน ธ.ค.46 สะท้อนภาพสถานการณ์แรงงาน
ที่ไม่ชัดเจน รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 21 ม.ค.46 รมว.คลัง สรอ. (John Snow) กล่าวถึง
รายงานของ ก.แรงงาน ในเดือน ธ.ค.46 ซึ่งรายงานว่า มีการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นจำนวน
1,000 ราย ต่ำกว่าการคาดหมายอย่างมาก ขณะที่ อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับร้อยละ 5.7 ซึ่งจากตัว
เลขดังกล่าวแสดงว่าอาจมีปัจจัยบางอย่างผิดพลาดที่ต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง อนึ่ง ตัวเลขการจ้างงานและ
อัตราการว่างงานได้จากการสำรวจที่แยกกัน โดยอัตราการว่างงานสำรวจจากประชาชนทั่วไป ขณะที่การจ้าง
งานสำรวจจากนายจ้าง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าการสำรวจจากประชาชนทั่วไปเป็นการประเมินที่แม่นยำ
และสามารถสะท้อนถึงการปรับตัวดีขึ้นหรือตกต่ำของตลาดแรงงานได้ ขณะที่ ก.แรงงานเห็นว่าการสำรวจจาก
นายจ้างเชื่อถือได้มากกว่าการสำรวจจากประชาชนทั่วไป (รอยเตอร์)
4. EIA คาดว่ารายได้จากการส่งออกน้ำมันของกลุ่มประเทศโอเปกในปี 47 จะลดลงร้อยละ 5
รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 21 ม.ค.46 The Energy Information Administration (EIA) คาดว่า
รายได้จากการส่งออกน้ำมันของกลุ่มประเทศโอเปกในปี 47 จะมีจำนวน 231 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ลดลง
ร้อยละ 5 จากจำนวน 242 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในปี 46 ทั้งนี้เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะลดลง
ร้อยละ 3.7 เนื่องจากเงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลง และปริมาณการส่งออกน้ำมันของกลุ่มประเทศโอเปกที่
คาดว่าจะลดลงร้อยละ 0.8 สาเหตุจากการลดปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศโอเปก เนื่องจากมี
ปริมาณน้ำมันสำรองอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับเพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันให้เหมาะสม (รอยเตอร์)
5. ราคาบ้านในอังกฤษไตรมาส 4 ปี 46 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 13 เดือน รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 22 ม.ค.47 The Royal Institution of Chartered Surveyors (RICS) เปิดเผยว่า ราคา
บ้านในอังกฤษในไตรมาส 4 ปี 46 (ต.ค.-ธ.ค.) เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 13 เดือน (ตั้งแต่เดือน พ.ย.45
เป็นต้นมา) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 33 ในเดือนก่อน เป็นร้อยละ 41 ในเดือน ธ.ค.46 แสดงให้เห็นว่าการขึ้น
ดอกเบี้ยของ ธ.กลางอังกฤษเมื่อปี 46 ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยกับระดับราคาบ้าน ขณะที่ RICS เห็นว่า
อัตราดอกเบี้ยในขณะนี้จะทำให้ผู้ซื้อบ้านลดความสนใจที่จะซื้อที่อยู่อาศัย ทำให้ปริมาณการสร้างบ้านลดลง ก่อให้
เกิดการขาดแคลนที่อยู่อาศัย อันเป็นผลกระทบต่อเนื่องไปถึงราคาบ้าน นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดว่าราคา
บ้านของอังกฤษในปีนี้จะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6 อย่างไรก็ตาม ราคาบ้านในอังกฤษเป็นนัยสำคัญที่ส่งผลต่อการใช้
จ่ายของผู้บริโภค การกู้ยืม และนโยบายการเงิน โดยประชาชนเกือบร้อยละ 70 ในอังกฤษจะมีบ้านเป็นของ
ตนเอง นอกจากนี้ ผลสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยอื่น ๆ ยังพบว่า ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่ง
โดย Property website Rightmove เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ในเดือน ธ.ค.46 ราคาบ้านใน
อังกฤษเพิ่มขึ้นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22/1/47 21/1/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.038 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.8436/39.1253 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1875-1.28 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 766.72/32.59 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,550/7,650 7,550/7,650 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 30.06 29.73 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-