ปัจจุบันซอฟต์แวร์และบริการที่เกี่ยวเนื่องเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับ 1 ของอินเดีย โดยในปี 2545 มีมูลค่าส่งออกสูงถึง 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวกว่าร้อยละ 20 จากปี 2544 มีตลาดส่งออกสำคัญ คือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น ซึ่งมีมูลค่าส่งออกรวมกันคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงเกือบร้อยละ 80 ของมูลค่าส่งออกซอฟต์แวร์และบริการที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมดของอินเดีย เป็นที่คาดว่าในปี 2551 มูลค่าส่งออกซอฟต์แวร์และบริการที่เกี่ยวเนื่องของอินเดียจะสูงถึง 28,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าจากปี 2545
ปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุนให้การส่งออกซอฟต์แวร์ของอินเดียขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง คือ
-อินเดียมีฐานการผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ที่แข็งแกร่งและใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก จนกล่าวได้ว่าอินเดียเป็น Silicon Valley ของเอเชีย ด้วยจำนวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่มีมากประมาณ 800 บริษัท ทั้งบริษัทต่างชาติ อาทิ IBM, Oracle, Yahoo, Sun Microsystems และ Microsoft เป็นต้น และบริษัทของชาวอินเดียเอง อาทิ บริษัท Tata Consulting Services, Infosys Technologies และ Wipro Technologies เป็นต้น ทั้งนี้ ฐานการผลิตซอฟต์แวร์ที่สำคัญของอินเดียตั้งอยู่ที่เมืองบังกาลอร์ (Bangalore) ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติการซอฟต์แวร์ของหลายบริษัทและสถาบันการศึกษาด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์หลายแห่งของประเทศ อย่างไรก็ตาม อินเดียกำลังพัฒนาฐานการผลิตซอฟต์แวร์แห่งใหม่ ณ เมืองไฮเดอราบัด (Hyderabud) ซึ่งผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ การลดหย่อนค่าไฟฟ้า การอนุญาตให้บริษัทต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ทั้งหมด การยกเว้นภาษีการค้าและภาษีเงินได้ เป็นต้น ปัจจุบันเมืองไฮเดอราบัดได้รับความสนใจจากบริษัท Microsoft เข้าไปตั้งศูนย์ปฏิบัติการซอฟต์แวร์นอกสหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรก
- ความพร้อมของบุคลากรด้าน IT (Information Technology) ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ เนื่องจากในแต่ละปีอินเดียมีผู้จบการศึกษาทางด้าน IT (รวมถึงนักพัฒนาซอฟต์แวร์) เป็นจำนวนมากจนอินเดียกลายเป็นแหล่งผลิตบุคลากรด้าน IT มากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2545 อินเดียมีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ประมาณ 5 แสนคน เพิ่มขึ้นจาก 4 แสนคนในปี 2544 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านคนในปี 2551 ขณะเดียวกันด้วยประสบการณ์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ซึ่งสะสมมาเป็นเวลานานเมื่อประกอบกับประชากรอินเดียมีทักษะด้านภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐาน ทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ของอินเดียมีความได้เปรียบเชิงคุณภาพในการสื่อสารกับผู้ว่าจ้างพัฒนาซอฟต์แวร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาติตะวันตกที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
- ค่าจ้างของนักพัฒนาซอฟต์แวร์อินเดียไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับประเทศในแถบตะวันตก จึงทำให้บริษัทในต่างประเทศจำนวนมากนิยม Outsource งานซอฟต์แวร์มายังอินเดีย
- บริษัทซอฟต์แวร์จำนวนมากของอินเดียได้รับมาตรฐาน CMM-5 (Capability Maturity Model Level 5) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสูงที่สุดในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สหรัฐอเมริกากำหนด ทั้งนี้ ปัจจุบันมีบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วโลกที่ได้รับมาตรฐานนี้ประมาณ 70 บริษัท ในจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่งเป็นบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ของอินเดีย ดังนั้น บริษัทซอฟต์แวร์ของอินเดียจึงได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพและน่าเชื่อถือ
แม้ว่าอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของอินเดียจะมีศักยภาพในการส่งออกค่อนข้างสูงและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของอินเดียยังมีจุดอ่อนบางประการที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกในระยะต่อไป อาทิ บริษัทซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ของอินเดียเป็นบริษัทขนาดเล็กที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์และออกแบบซอฟต์แวร์ทั้งระบบซึ่งต้องอาศัยทักษะขั้นสูงทำให้มูลค่าเพิ่มจากงานมีไม่มากเท่าที่ควร ขณะเดียวกันอินเดียประสบปัญหาบุคลากรในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เปลี่ยนงานบ่อยและบางส่วนย้ายไปทำงานในต่างประเทศซึ่งได้รับค่าจ้างสูงกว่า ปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำบางรายในอินเดียมีแนวโน้มที่จะ Outsource งานซอฟต์แวร์ของตนไปยังประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานถูกกว่า อาทิ จีน เป็นต้น
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มกราคม 2547--
-พห-
ปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุนให้การส่งออกซอฟต์แวร์ของอินเดียขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง คือ
-อินเดียมีฐานการผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ที่แข็งแกร่งและใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก จนกล่าวได้ว่าอินเดียเป็น Silicon Valley ของเอเชีย ด้วยจำนวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่มีมากประมาณ 800 บริษัท ทั้งบริษัทต่างชาติ อาทิ IBM, Oracle, Yahoo, Sun Microsystems และ Microsoft เป็นต้น และบริษัทของชาวอินเดียเอง อาทิ บริษัท Tata Consulting Services, Infosys Technologies และ Wipro Technologies เป็นต้น ทั้งนี้ ฐานการผลิตซอฟต์แวร์ที่สำคัญของอินเดียตั้งอยู่ที่เมืองบังกาลอร์ (Bangalore) ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติการซอฟต์แวร์ของหลายบริษัทและสถาบันการศึกษาด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์หลายแห่งของประเทศ อย่างไรก็ตาม อินเดียกำลังพัฒนาฐานการผลิตซอฟต์แวร์แห่งใหม่ ณ เมืองไฮเดอราบัด (Hyderabud) ซึ่งผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ การลดหย่อนค่าไฟฟ้า การอนุญาตให้บริษัทต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ทั้งหมด การยกเว้นภาษีการค้าและภาษีเงินได้ เป็นต้น ปัจจุบันเมืองไฮเดอราบัดได้รับความสนใจจากบริษัท Microsoft เข้าไปตั้งศูนย์ปฏิบัติการซอฟต์แวร์นอกสหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรก
- ความพร้อมของบุคลากรด้าน IT (Information Technology) ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ เนื่องจากในแต่ละปีอินเดียมีผู้จบการศึกษาทางด้าน IT (รวมถึงนักพัฒนาซอฟต์แวร์) เป็นจำนวนมากจนอินเดียกลายเป็นแหล่งผลิตบุคลากรด้าน IT มากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2545 อินเดียมีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ประมาณ 5 แสนคน เพิ่มขึ้นจาก 4 แสนคนในปี 2544 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านคนในปี 2551 ขณะเดียวกันด้วยประสบการณ์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ซึ่งสะสมมาเป็นเวลานานเมื่อประกอบกับประชากรอินเดียมีทักษะด้านภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐาน ทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ของอินเดียมีความได้เปรียบเชิงคุณภาพในการสื่อสารกับผู้ว่าจ้างพัฒนาซอฟต์แวร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาติตะวันตกที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
- ค่าจ้างของนักพัฒนาซอฟต์แวร์อินเดียไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับประเทศในแถบตะวันตก จึงทำให้บริษัทในต่างประเทศจำนวนมากนิยม Outsource งานซอฟต์แวร์มายังอินเดีย
- บริษัทซอฟต์แวร์จำนวนมากของอินเดียได้รับมาตรฐาน CMM-5 (Capability Maturity Model Level 5) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสูงที่สุดในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สหรัฐอเมริกากำหนด ทั้งนี้ ปัจจุบันมีบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วโลกที่ได้รับมาตรฐานนี้ประมาณ 70 บริษัท ในจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่งเป็นบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ของอินเดีย ดังนั้น บริษัทซอฟต์แวร์ของอินเดียจึงได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพและน่าเชื่อถือ
แม้ว่าอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของอินเดียจะมีศักยภาพในการส่งออกค่อนข้างสูงและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของอินเดียยังมีจุดอ่อนบางประการที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกในระยะต่อไป อาทิ บริษัทซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ของอินเดียเป็นบริษัทขนาดเล็กที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์และออกแบบซอฟต์แวร์ทั้งระบบซึ่งต้องอาศัยทักษะขั้นสูงทำให้มูลค่าเพิ่มจากงานมีไม่มากเท่าที่ควร ขณะเดียวกันอินเดียประสบปัญหาบุคลากรในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เปลี่ยนงานบ่อยและบางส่วนย้ายไปทำงานในต่างประเทศซึ่งได้รับค่าจ้างสูงกว่า ปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำบางรายในอินเดียมีแนวโน้มที่จะ Outsource งานซอฟต์แวร์ของตนไปยังประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานถูกกว่า อาทิ จีน เป็นต้น
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มกราคม 2547--
-พห-