ดร.สรรเสริญ สมะลาภา กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับ ‘ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์’ ถึงผลกระทบของภาคเศรษฐกิจของประเทศจากสถานการณ์ไข้หวัดนกว่า หากรัฐบาลประกาศให้ประชาชนได้รับทราบแต่ต้นเกษตรก็จะได้เตรียมการรับมือซึ่งสถานการณ์คงจะไม่ลุกลามบานปลายขนาดนี้
ดร.สรรเสริญกล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลต้องการมุ่งในเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ตนจึงคิดว่าการที่รัฐบาลไม่ยอมเปิดเผยข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ก็เนื่องจากกลัวว่าหากประชาชนรับทราบปัญหาก็จะไม่บริโภคเนื้อไก่และจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามคิดว่าขณะนี้รัฐบาลต้องพักเรื่องเศรษฐกิจเอาไว้ก่อน เอาปัญหาทางด้านสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก เพราะหากโรคนี้ลุกลามไปถึงประเทศอื่น ก็จะกระทบต่อการบริโภคเนื้อสัตว์และการเกษตรกรรมทั้งประเทศ รวมไปถึงการส่งออกอื่นๆนอกจากเนื้อไก่ได้
เมื่อถามว่าผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจจะมีระยะเวลาที่ยาวนานหรือไม่ ดร.สรรเสริญกล่าวว่า จะมีไปอีกนาน เพราะดูได้จากประเทศฮ่องกง ที่ใช้เวลาถึง 4 เดือนกว่าที่ประชาชนจะยอมรับและทำให้ตลาดหุ้นจะกลับสู่สภาพปกติ แต่ในส่วนของประเทศไทยที่มีการปกปิดข้อมูลเก็บปัญหาไว้นานและมาประกาศแบบมาระเบิดทีเดียว ทำให้การแก้ปัญหายากยิ่งขึ้นประกอบกับประชาชนก็เกิดความตื่นตระหนก ดังนั้นตนคิดว่าการแก้ปัญหาหรือทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ย่อมกินเวลานานว่าประเทศฮ่องกงแน่นอน
ต่อข้อถามว่ากระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะเป็นในช่วงระยะเวลาประมาณ 3 เดือน และจะมีผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือจีดีพีเพียง 0.11% ดร.สรรเสริญกล่าวว่า เป็นการมองในแง่ที่ดีจนเกินไป หรือไม่ก็คงเป็นการมองเฉพาะในขณะนี้ในเรื่องของผลกระทบการส่งออกไปต่างประเทศเท่านั้น โดยหากปัญหาลุกลามออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ก็ออกมาประกาศว่าเชื้อโรคอาจจะกลายพันธุ์จนทำให้ติดจากคนสู่คนได้ ตรงนี้ก็จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้นได้ อย่างไรก็ตามขอเชียร์ให้รัฐบาลจัดการปัญหาดังกล่าวได้ในระยะเวลา 3 เดือนตามที่ประกาศไว้ ซึ่งฝ่ายค้านก็พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
‘ผมคิดว่าการประเมินผลกระทบ 0.11% ผมคิดว่ารัฐบาลมองโลกในแง่ดีเกินไป คือถึงเวลานี้อยากให้รัฐบาลพูดความจริงว่า สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจะเกิดอะไรขึ้น เพื่อประชาชนจะได้มีการเตรียมตัวอย่างทันท่วงที ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา ที่รัฐบาลเก็บงำปัญหานี้ไว้ แล้วมาระเบิดทีเดียว’ ดร.สรรเสริญกล่าว
ต่อข้อถามว่า ล่าสุดนายกฯก็ได้ออกมาตอบโต้แพทย์ที่ออกมาระบุว่าเชื้อโรคกำลังจะกลายพันธ์ลุกลามไปถึงหมูว่าไม่เหมาะสม จะทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกนั้น เลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจกล่าวว่า นายกฯไม่สมควรออกมาตอบโต้ในลักษณะเช่นนี้ เพราะปัญหาที่ลุกลามในขณะนี้ก็เป็นเพราะรัฐบาลเองที่ไม่ยอมเปิดเผยข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ตนคิดว่าคำตักเตือนของนักวิชาการหรือแพทย์นั้นถูกต้องแล้ว เพราะขณะนี้เป็นเวลาที่ต้องเตรียมพร้อมในทุกด้าน
เลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับเกษตรกรให้มากเท่าที่จะทำได้ โดยขอเสนอให้นำเงินจากงบประมาณกลางปี ที่รัฐบาลกำลังจะเสนอต่อสภาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มาช่วยเหลือเกษตรกรในส่วนนี้ก่อน เมื่อถามว่าที่รัฐบาลกำหนดราคาการชดเชยไว้นั้นเหมาะสมแล้วหรือไม่ ดร.สรรเสริญกล่าวว่า ไม่เพียงพอแน่นอนเพราะต้นทุนการเลี้ยงก็มากกว่านั้นอยู่แล้ว และนอกจากจะคำนึงในเรื่องของต้นทุนแล้วก็จะต้องคิดถึงค่าเสียโอกาสที่หายไปด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27/01/47--จบ--
-สส-
ดร.สรรเสริญกล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลต้องการมุ่งในเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ตนจึงคิดว่าการที่รัฐบาลไม่ยอมเปิดเผยข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ก็เนื่องจากกลัวว่าหากประชาชนรับทราบปัญหาก็จะไม่บริโภคเนื้อไก่และจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามคิดว่าขณะนี้รัฐบาลต้องพักเรื่องเศรษฐกิจเอาไว้ก่อน เอาปัญหาทางด้านสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก เพราะหากโรคนี้ลุกลามไปถึงประเทศอื่น ก็จะกระทบต่อการบริโภคเนื้อสัตว์และการเกษตรกรรมทั้งประเทศ รวมไปถึงการส่งออกอื่นๆนอกจากเนื้อไก่ได้
เมื่อถามว่าผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจจะมีระยะเวลาที่ยาวนานหรือไม่ ดร.สรรเสริญกล่าวว่า จะมีไปอีกนาน เพราะดูได้จากประเทศฮ่องกง ที่ใช้เวลาถึง 4 เดือนกว่าที่ประชาชนจะยอมรับและทำให้ตลาดหุ้นจะกลับสู่สภาพปกติ แต่ในส่วนของประเทศไทยที่มีการปกปิดข้อมูลเก็บปัญหาไว้นานและมาประกาศแบบมาระเบิดทีเดียว ทำให้การแก้ปัญหายากยิ่งขึ้นประกอบกับประชาชนก็เกิดความตื่นตระหนก ดังนั้นตนคิดว่าการแก้ปัญหาหรือทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ย่อมกินเวลานานว่าประเทศฮ่องกงแน่นอน
ต่อข้อถามว่ากระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะเป็นในช่วงระยะเวลาประมาณ 3 เดือน และจะมีผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือจีดีพีเพียง 0.11% ดร.สรรเสริญกล่าวว่า เป็นการมองในแง่ที่ดีจนเกินไป หรือไม่ก็คงเป็นการมองเฉพาะในขณะนี้ในเรื่องของผลกระทบการส่งออกไปต่างประเทศเท่านั้น โดยหากปัญหาลุกลามออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ก็ออกมาประกาศว่าเชื้อโรคอาจจะกลายพันธุ์จนทำให้ติดจากคนสู่คนได้ ตรงนี้ก็จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้นได้ อย่างไรก็ตามขอเชียร์ให้รัฐบาลจัดการปัญหาดังกล่าวได้ในระยะเวลา 3 เดือนตามที่ประกาศไว้ ซึ่งฝ่ายค้านก็พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
‘ผมคิดว่าการประเมินผลกระทบ 0.11% ผมคิดว่ารัฐบาลมองโลกในแง่ดีเกินไป คือถึงเวลานี้อยากให้รัฐบาลพูดความจริงว่า สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจะเกิดอะไรขึ้น เพื่อประชาชนจะได้มีการเตรียมตัวอย่างทันท่วงที ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา ที่รัฐบาลเก็บงำปัญหานี้ไว้ แล้วมาระเบิดทีเดียว’ ดร.สรรเสริญกล่าว
ต่อข้อถามว่า ล่าสุดนายกฯก็ได้ออกมาตอบโต้แพทย์ที่ออกมาระบุว่าเชื้อโรคกำลังจะกลายพันธ์ลุกลามไปถึงหมูว่าไม่เหมาะสม จะทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกนั้น เลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจกล่าวว่า นายกฯไม่สมควรออกมาตอบโต้ในลักษณะเช่นนี้ เพราะปัญหาที่ลุกลามในขณะนี้ก็เป็นเพราะรัฐบาลเองที่ไม่ยอมเปิดเผยข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ตนคิดว่าคำตักเตือนของนักวิชาการหรือแพทย์นั้นถูกต้องแล้ว เพราะขณะนี้เป็นเวลาที่ต้องเตรียมพร้อมในทุกด้าน
เลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับเกษตรกรให้มากเท่าที่จะทำได้ โดยขอเสนอให้นำเงินจากงบประมาณกลางปี ที่รัฐบาลกำลังจะเสนอต่อสภาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มาช่วยเหลือเกษตรกรในส่วนนี้ก่อน เมื่อถามว่าที่รัฐบาลกำหนดราคาการชดเชยไว้นั้นเหมาะสมแล้วหรือไม่ ดร.สรรเสริญกล่าวว่า ไม่เพียงพอแน่นอนเพราะต้นทุนการเลี้ยงก็มากกว่านั้นอยู่แล้ว และนอกจากจะคำนึงในเรื่องของต้นทุนแล้วก็จะต้องคิดถึงค่าเสียโอกาสที่หายไปด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27/01/47--จบ--
-สส-