3. เงินปันผลและเงินสำรอง
ในการดำเนินกิจการบริษัทจำกัดเมื่อสิ้นงวดบัญชีมักจะมีกำไรสุทธิเกิดขึ้น กิจการอาจจะมีการจ่ายเงินปันผลที่จะต้องคิดตามส่วนจำนวนผู้ถือหุ้นที่ได้ส่งเงินในหุ้นหนึ่ง ๆ เว้นแต่จะมีการตกลงกันไว้ในเรื่องของหุ้นบุริมสิทธิการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจะต้องเป็นมติของที่ประชุมใหญ่กรรมการอาจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งคราว เมื่อบริษัทมีกำไรสมควรพอที่จะทำได้ หากมิให้จ่ายเงินปันผลจากเงินประเภทอื่น นอกเหนือจากเงินกำไรในกรณีที่บริษัทขาดทุนห้ามจ่ายเงินปันผล จนกว่าจะได้แก้ไขให้หายขาดทุนทุกครั้งที่บริษัทจ่ายเงินปันผล บริษัทจะต้องจัดสรรไว้เป็นเงินทุนสำรองอย่างน้อย 1 ใน 20 ส่วนของผลกำไร ซึ่งบริษัททำมาหาได้จากกิจการของบริษัท จนกว่าทุนสำรองนั้นจะมีจำนวนถึง 1 ใน 10 ของจำนวนทุนของบริษัทหรือมากกว่านั้นแล้วแต่จะได้ตกลงกำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทในกรณีที่ออกหุ้นโดยคิดเอาราคาเกินกว่าที่ปรากฏในใบหุ้นเท่าใด จำนวนที่คิดเกินนี้ให้บวกทบเข้าทุนสำรองจนกว่าทุนสำรองจะมีจำนวนที่ได้กำหนดไว้ข้างต้น
4. การเพิ่มทุนและลดทุน
บริษัทจำกัดอาจเพิ่มทุนของบริษัทโดยการออกหุ้นใหม่เป็นมติพิเศษของที่ประชุมผู้ถือหุ้นจะต้องจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้ลงมตินั้น บริษัทจำกัดจะออกหุ้นใหม่ให้เสมือนหนึ่งว่าได้ใช้เต็มค่าแล้วหรือได้ใช้บางส่วนแล้วนอกจากให้ใช้เป็นตัวเงินนั้นมิได้ เว้นแต่จะทำตามมติพิเศษของที่ประชุมผู้ถือหุ้น
บริษัทจำกัดจะลดทุนของบริษัทลงด้วยลดมูลค่าของหุ้นแต่ละหุ้นให้ต่ำลงหรือลดจำนวนหุ้นให้น้อยลงโดยมติพิเศษของที่ประชุมผู้ถือหุ้น การลดทุนของบริษัทนั้นจะลดลงไปให้ถึงต่ำกว่าจำนวน 1 ใน 4 ของทุนทั้งหมดไม่ได้ เมื่อบริษัทลดทุนต้องโฆษณาความประสงค์นั้นในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ 7 ครั้งเป็นอย่างน้อย และต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังบรรดาผู้ซึ่งบริษัทรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท บอกให้ทราบรายการซึ่งประสงค์จะลดทุนลงและขอให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านอย่างหนึ่งอย่างใดในการลดทุนนั้นส่งคำคัดค้านภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่บอกกล่าวนั้นหากไม่มีใครคัดค้านภายในกำหนด 3 เดือนถือได้ว่าไม่มีใครคัดค้าน
5. การเลิกบริษัทจำกัด
เมื่อกิจการบริษัทจำกัดได้ดำเนินงานมาระยะเวลาหนึ่งอาจมีความประสงค์ที่ต้องเลิกกิจการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1236 กำหนดเหตุที่จะทำให้บริษัทจำกัดต้องเลิกไปดังนี้
1. ถ้าในข้อบังคับของบริษัทมีข้อกำหนดกรณีอันใดเป็นเหตุที่จะเลิกกันเมื่อมีกรณีนั้น
2. ถ้าบริษัทได้ตั้งขึ้นไว้เฉพาะกำหนดกาลใดเมื่อสิ้นกำหนดกาลนั้น
3. ถ้าบริษัทได้ตั้งขึ้นเฉพาะเพื่อทำกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดแต่เพียงอย่างเดียวเมื่อเสร็จการนั้น
4. เมื่อมีมติพิเศษให้เลิก
5. เมื่อบริษัทล้มละลาย
นอกจากนี้ศาลอาจสั่งให้เลิกบริษัทจำกัดด้วยเหตุดังนี้
1. ถ้าทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท
2. ถ้าบริษัทไม่เริ่มทำการภายใน 1 ปี นับแต่วันจดทะเบียน หรือหยุดทำการ 1 ปีเต็ม
3. ถ้าการค้าของบริษัททำไปมีแต่ขาดทุนอย่างเดียวและไม่มีทางหวังว่าจะกลับฟื้นตัวได้
4. ถ้าจำนวนผู้ถือหุ้นลดน้อยลงจนเหลือไม่ถึง 7 คน
เจ้าของกิจการใหม่จะต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินธุรกิจใหม่นี้ในรูปแบบใด ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ และรูปแบบของการดำเนินธุรกิจแต่ละรูปแบบก็มีข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบแตกต่างกันไป และเหมาะสมกับกิจการที่แตกต่างกันไป ส่วนข้อได้เปรียบของบริษัทจำกัดก็คือ เหมาะสมสำหรับกิจการที่กำลังจะเติบโตและต้องการเข้าสู่ตลาดทุนเพื่อจัดหาเงินทุนเพิ่ม
เนื่องจากความรับผิดชอบ ความง่ายในการที่จะโอนเปลี่ยนความเป็นเจ้าของกิจการโดยผ่านการขายหุ้นส่วนสามัญและความยืดหยุ่นในการที่จะแบ่งแยกหุ้น ทำให้บริษัทจำกัดสามารถดึงดูดผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาลงทุนในกิจการ หรือดึงดูดให้ผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มจำนวนหุ้นที่ถือเป็นการเพิ่มทุนให้กิจการได้เช่นกัน ในทางตรงกันข้ามความรับผิดชอบอันไม่จำกัดของเจ้าของในกิจการเจ้าของคนเดียว และของหุ้นส่วนในกิจการห้างหุ้นส่วนสามัญก็เป็นสาเหตุให้กิจการเหล่านี้หาเงินทุนเพิ่มได้ยาก สำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นถึงแม้ว่าหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดชอบเฉพาะในวงเงินที่จำกัดก็ตาม แต่การที่ความเป็นเจ้าของของกิจการเปลี่ยนมือได้ยาก จึงทำให้กิจการห้างหุ้นส่วนจำกัดจัดหาเงินทุนได้ยากเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทจำกัด
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
ในการดำเนินกิจการบริษัทจำกัดเมื่อสิ้นงวดบัญชีมักจะมีกำไรสุทธิเกิดขึ้น กิจการอาจจะมีการจ่ายเงินปันผลที่จะต้องคิดตามส่วนจำนวนผู้ถือหุ้นที่ได้ส่งเงินในหุ้นหนึ่ง ๆ เว้นแต่จะมีการตกลงกันไว้ในเรื่องของหุ้นบุริมสิทธิการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจะต้องเป็นมติของที่ประชุมใหญ่กรรมการอาจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งคราว เมื่อบริษัทมีกำไรสมควรพอที่จะทำได้ หากมิให้จ่ายเงินปันผลจากเงินประเภทอื่น นอกเหนือจากเงินกำไรในกรณีที่บริษัทขาดทุนห้ามจ่ายเงินปันผล จนกว่าจะได้แก้ไขให้หายขาดทุนทุกครั้งที่บริษัทจ่ายเงินปันผล บริษัทจะต้องจัดสรรไว้เป็นเงินทุนสำรองอย่างน้อย 1 ใน 20 ส่วนของผลกำไร ซึ่งบริษัททำมาหาได้จากกิจการของบริษัท จนกว่าทุนสำรองนั้นจะมีจำนวนถึง 1 ใน 10 ของจำนวนทุนของบริษัทหรือมากกว่านั้นแล้วแต่จะได้ตกลงกำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทในกรณีที่ออกหุ้นโดยคิดเอาราคาเกินกว่าที่ปรากฏในใบหุ้นเท่าใด จำนวนที่คิดเกินนี้ให้บวกทบเข้าทุนสำรองจนกว่าทุนสำรองจะมีจำนวนที่ได้กำหนดไว้ข้างต้น
4. การเพิ่มทุนและลดทุน
บริษัทจำกัดอาจเพิ่มทุนของบริษัทโดยการออกหุ้นใหม่เป็นมติพิเศษของที่ประชุมผู้ถือหุ้นจะต้องจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้ลงมตินั้น บริษัทจำกัดจะออกหุ้นใหม่ให้เสมือนหนึ่งว่าได้ใช้เต็มค่าแล้วหรือได้ใช้บางส่วนแล้วนอกจากให้ใช้เป็นตัวเงินนั้นมิได้ เว้นแต่จะทำตามมติพิเศษของที่ประชุมผู้ถือหุ้น
บริษัทจำกัดจะลดทุนของบริษัทลงด้วยลดมูลค่าของหุ้นแต่ละหุ้นให้ต่ำลงหรือลดจำนวนหุ้นให้น้อยลงโดยมติพิเศษของที่ประชุมผู้ถือหุ้น การลดทุนของบริษัทนั้นจะลดลงไปให้ถึงต่ำกว่าจำนวน 1 ใน 4 ของทุนทั้งหมดไม่ได้ เมื่อบริษัทลดทุนต้องโฆษณาความประสงค์นั้นในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ 7 ครั้งเป็นอย่างน้อย และต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังบรรดาผู้ซึ่งบริษัทรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท บอกให้ทราบรายการซึ่งประสงค์จะลดทุนลงและขอให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านอย่างหนึ่งอย่างใดในการลดทุนนั้นส่งคำคัดค้านภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่บอกกล่าวนั้นหากไม่มีใครคัดค้านภายในกำหนด 3 เดือนถือได้ว่าไม่มีใครคัดค้าน
5. การเลิกบริษัทจำกัด
เมื่อกิจการบริษัทจำกัดได้ดำเนินงานมาระยะเวลาหนึ่งอาจมีความประสงค์ที่ต้องเลิกกิจการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1236 กำหนดเหตุที่จะทำให้บริษัทจำกัดต้องเลิกไปดังนี้
1. ถ้าในข้อบังคับของบริษัทมีข้อกำหนดกรณีอันใดเป็นเหตุที่จะเลิกกันเมื่อมีกรณีนั้น
2. ถ้าบริษัทได้ตั้งขึ้นไว้เฉพาะกำหนดกาลใดเมื่อสิ้นกำหนดกาลนั้น
3. ถ้าบริษัทได้ตั้งขึ้นเฉพาะเพื่อทำกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดแต่เพียงอย่างเดียวเมื่อเสร็จการนั้น
4. เมื่อมีมติพิเศษให้เลิก
5. เมื่อบริษัทล้มละลาย
นอกจากนี้ศาลอาจสั่งให้เลิกบริษัทจำกัดด้วยเหตุดังนี้
1. ถ้าทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท
2. ถ้าบริษัทไม่เริ่มทำการภายใน 1 ปี นับแต่วันจดทะเบียน หรือหยุดทำการ 1 ปีเต็ม
3. ถ้าการค้าของบริษัททำไปมีแต่ขาดทุนอย่างเดียวและไม่มีทางหวังว่าจะกลับฟื้นตัวได้
4. ถ้าจำนวนผู้ถือหุ้นลดน้อยลงจนเหลือไม่ถึง 7 คน
เจ้าของกิจการใหม่จะต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินธุรกิจใหม่นี้ในรูปแบบใด ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ และรูปแบบของการดำเนินธุรกิจแต่ละรูปแบบก็มีข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบแตกต่างกันไป และเหมาะสมกับกิจการที่แตกต่างกันไป ส่วนข้อได้เปรียบของบริษัทจำกัดก็คือ เหมาะสมสำหรับกิจการที่กำลังจะเติบโตและต้องการเข้าสู่ตลาดทุนเพื่อจัดหาเงินทุนเพิ่ม
เนื่องจากความรับผิดชอบ ความง่ายในการที่จะโอนเปลี่ยนความเป็นเจ้าของกิจการโดยผ่านการขายหุ้นส่วนสามัญและความยืดหยุ่นในการที่จะแบ่งแยกหุ้น ทำให้บริษัทจำกัดสามารถดึงดูดผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาลงทุนในกิจการ หรือดึงดูดให้ผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มจำนวนหุ้นที่ถือเป็นการเพิ่มทุนให้กิจการได้เช่นกัน ในทางตรงกันข้ามความรับผิดชอบอันไม่จำกัดของเจ้าของในกิจการเจ้าของคนเดียว และของหุ้นส่วนในกิจการห้างหุ้นส่วนสามัญก็เป็นสาเหตุให้กิจการเหล่านี้หาเงินทุนเพิ่มได้ยาก สำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นถึงแม้ว่าหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดชอบเฉพาะในวงเงินที่จำกัดก็ตาม แต่การที่ความเป็นเจ้าของของกิจการเปลี่ยนมือได้ยาก จึงทำให้กิจการห้างหุ้นส่วนจำกัดจัดหาเงินทุนได้ยากเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทจำกัด
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-