วันนี้ (28 ม.ค.47) เวลา 09.10น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ข่าวยามเช้า คลื่นวิทยุ 101.0 เมกกะเฮิรต์ ถึงสถานการณ์ไข้หวัดนกที่ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อโรคดังกล่าวแล้วว่า มาจนถึงขณะนี้รัฐบาลต้องพูดความจริงเพื่อให้ประชาชนหรือผู้ที่สัมผัสกับเชื้อโรคโดยตรงเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลต้องทบทวนแนวทางการแก้ไข เพราะขณะนี้ปัญหาได้ลุกลามออกไปซึ่งปัญหาใหญ่ที่สุดคือความมั่นใจและความไว้วางใจทั้งในประเทศและประชาคมโลกที่มีการระบุว่าประเทศไทยปกปิดข้อมูลเรื่องนี้
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าถึงข้อเสนอว่า ตนก็ไม่อยากให้นายกฯใช้อารมณ์ในการแสดงความคิดเห็น เช่น การออกมาตำหนิสื่อว่าเป็นตัวการให้เกิดความตื่นตระหนก ซึ่งตนคิดว่าความจริงแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นประชาชนไม่ได้เป็นเหยื่อของความตื่นตระหนก แต่เป็นเหยื่อของการปกปิดข้อมูลมากกว่า ‘ผมคิดว่ารัฐบาลน่าจะปรับแนวทางคือให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา แล้วก็ให้เห็นความชัดเจนของมาตรการ เช่นรัฐบาลต้องประกาศพื้นที่ทำลายเชื้อโรค รวมทั้งให้ความมั่นใจว่าจะไม่มีการเคลื่อนย้ายสิ่งที่ติดเชื้อออกมานอกพื้นที่นั้น ผมคิดว่าถ้าทำอย่างนี้เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานในการควบคุมสถานการณ์เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นบทเรียนคือ 1.ความโปร่งใสเป็นพื้นฐานที่สำคัญของความไว้วางใจและการได้รับความร่วมมือ ดังนั้นการให้ข้อมูลที่ผ่านมาไม่ตรงไปตรงมา เช่น การที่ครม.กินไก่โชว์หรือรัฐบาลออกมายืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็เป็นปัญหาได้ 2.รัฐบาลต้องคิดว่าที่ผ่านมามีการจัดลำดับความสำคัญระหว่างความปลอดภัยในชีวิตของคนไทยกับความห่วงใยเรื่องเศรษฐกิจอย่างไร เพราะตนคิดว่าการตัดสินใจของรัฐบาลที่ผ่านมา น่าจะกังวลเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นหลัก อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องว่า ความปลอดภัยในชีวิตของคนไทยต้องมาก่อน
‘ด้านเศรษฐกิจผมคิดว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาได้ เพราะเศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็งยืดหยุ่น รัฐบาลสามารถจะหาวิธีการเจรจาเรื่องการค้าได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของชีวิตคนไทย และสิ่งที่สำคัญที่อยากจะย้ำคือการให้ข้อมูลความจริงเพื่อให้ประชาชนใช้ความระมัดระวัง เพราะถ้าให้ความจริงและสามารถแสดงให้เห็นถึงมาตรการแก้ปัญหาได้ ความตื่นตระหนกก็จะไม่มี แต่ถ้าไม่ให้ความจริง และเมื่อข้อเท็จจริงออกมาขัดกับข้อมูลของทางการ ก็จะสร้างความตื่นตระหนกเพราะจะทำให้คนไม่เชื่อข้อมูลของทางการอีกต่อไป ในส่วนนี้ก็อยากให้รัฐบาลได้ปรับในแนวทางการแก้ปัญหาให้ตรงจุดและรวดเร็ว’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
เมื่อถามว่ามองความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างไรเพราะมีหลายคนระบุว่าข้อมูลหรือข่าวน่าจะออกมาเร็วกว่านี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่อยากจะเรียกร้องให้ใครออกมารับผิดชอบ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากแนะนำคือ รัฐบาลจะต้องสอบสวนว่าใครรู้ข้อมูลอะไร รู้เมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นใครที่มีส่วนในการปกปิดก็จะต้องรับผิดชอบต่อไป นอกจากนี้ก็จะเป็นการยืนยันได้ว่า รัฐบาลก็ไม่ต้องการเห็นคนในกลไกของรัฐบาลไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม มาบิดเบือนหรือปกปิดข้อมูลความจริงกับประชาชน
ต่อข้อถามว่าคิดว่ายุติธรรมหรือไม่ที่มีการมองว่ารระบบซีอีโอล้มเหลว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าระบบซีอีโอจะใช้ได้ดี หากว่ามีเป้าหมายใหญ่ที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นเมื่อมีเรื่องที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเรื่องเศรษฐกิจกับเรื่องความปลอดภัย เพราะภายใต้ระบบซีอีโอจะต้องรอฟังทิศทางจากผู้นำเพียงคนเดียว ซึ่งหากผู้นำได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือมองจุดมุ่งหมายเพียงเป้าเดียวที่แคบเกินไปก็จะเกิดปัญหาได้ และขณะนี้ทุกอย่างมารวมศูนย์อยู่ที่ตัวนายกฯ จึงเกิดปัญหาว่ารมว.เกษตรฯกับรมว.สาธารณสุข จะทำงานร่วมกันอย่างไร เพราะฉะนั้นจะระบุว่าล้มเหลวหรือไม่ ตนก็บอกได้แต่เพียงว่าก็เป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่าระบบซีอีโอกับบางปัญหาใช้ไม่ได้ดีเท่าที่ควร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28/01/47--จบ--
-สส-
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าถึงข้อเสนอว่า ตนก็ไม่อยากให้นายกฯใช้อารมณ์ในการแสดงความคิดเห็น เช่น การออกมาตำหนิสื่อว่าเป็นตัวการให้เกิดความตื่นตระหนก ซึ่งตนคิดว่าความจริงแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นประชาชนไม่ได้เป็นเหยื่อของความตื่นตระหนก แต่เป็นเหยื่อของการปกปิดข้อมูลมากกว่า ‘ผมคิดว่ารัฐบาลน่าจะปรับแนวทางคือให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา แล้วก็ให้เห็นความชัดเจนของมาตรการ เช่นรัฐบาลต้องประกาศพื้นที่ทำลายเชื้อโรค รวมทั้งให้ความมั่นใจว่าจะไม่มีการเคลื่อนย้ายสิ่งที่ติดเชื้อออกมานอกพื้นที่นั้น ผมคิดว่าถ้าทำอย่างนี้เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานในการควบคุมสถานการณ์เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นบทเรียนคือ 1.ความโปร่งใสเป็นพื้นฐานที่สำคัญของความไว้วางใจและการได้รับความร่วมมือ ดังนั้นการให้ข้อมูลที่ผ่านมาไม่ตรงไปตรงมา เช่น การที่ครม.กินไก่โชว์หรือรัฐบาลออกมายืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็เป็นปัญหาได้ 2.รัฐบาลต้องคิดว่าที่ผ่านมามีการจัดลำดับความสำคัญระหว่างความปลอดภัยในชีวิตของคนไทยกับความห่วงใยเรื่องเศรษฐกิจอย่างไร เพราะตนคิดว่าการตัดสินใจของรัฐบาลที่ผ่านมา น่าจะกังวลเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นหลัก อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องว่า ความปลอดภัยในชีวิตของคนไทยต้องมาก่อน
‘ด้านเศรษฐกิจผมคิดว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาได้ เพราะเศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็งยืดหยุ่น รัฐบาลสามารถจะหาวิธีการเจรจาเรื่องการค้าได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของชีวิตคนไทย และสิ่งที่สำคัญที่อยากจะย้ำคือการให้ข้อมูลความจริงเพื่อให้ประชาชนใช้ความระมัดระวัง เพราะถ้าให้ความจริงและสามารถแสดงให้เห็นถึงมาตรการแก้ปัญหาได้ ความตื่นตระหนกก็จะไม่มี แต่ถ้าไม่ให้ความจริง และเมื่อข้อเท็จจริงออกมาขัดกับข้อมูลของทางการ ก็จะสร้างความตื่นตระหนกเพราะจะทำให้คนไม่เชื่อข้อมูลของทางการอีกต่อไป ในส่วนนี้ก็อยากให้รัฐบาลได้ปรับในแนวทางการแก้ปัญหาให้ตรงจุดและรวดเร็ว’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
เมื่อถามว่ามองความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างไรเพราะมีหลายคนระบุว่าข้อมูลหรือข่าวน่าจะออกมาเร็วกว่านี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่อยากจะเรียกร้องให้ใครออกมารับผิดชอบ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากแนะนำคือ รัฐบาลจะต้องสอบสวนว่าใครรู้ข้อมูลอะไร รู้เมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นใครที่มีส่วนในการปกปิดก็จะต้องรับผิดชอบต่อไป นอกจากนี้ก็จะเป็นการยืนยันได้ว่า รัฐบาลก็ไม่ต้องการเห็นคนในกลไกของรัฐบาลไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม มาบิดเบือนหรือปกปิดข้อมูลความจริงกับประชาชน
ต่อข้อถามว่าคิดว่ายุติธรรมหรือไม่ที่มีการมองว่ารระบบซีอีโอล้มเหลว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าระบบซีอีโอจะใช้ได้ดี หากว่ามีเป้าหมายใหญ่ที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นเมื่อมีเรื่องที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเรื่องเศรษฐกิจกับเรื่องความปลอดภัย เพราะภายใต้ระบบซีอีโอจะต้องรอฟังทิศทางจากผู้นำเพียงคนเดียว ซึ่งหากผู้นำได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือมองจุดมุ่งหมายเพียงเป้าเดียวที่แคบเกินไปก็จะเกิดปัญหาได้ และขณะนี้ทุกอย่างมารวมศูนย์อยู่ที่ตัวนายกฯ จึงเกิดปัญหาว่ารมว.เกษตรฯกับรมว.สาธารณสุข จะทำงานร่วมกันอย่างไร เพราะฉะนั้นจะระบุว่าล้มเหลวหรือไม่ ตนก็บอกได้แต่เพียงว่าก็เป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่าระบบซีอีโอกับบางปัญหาใช้ไม่ได้ดีเท่าที่ควร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28/01/47--จบ--
-สส-