ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. คาดว่าการควบรวมระหว่าง ธ.ทหารไทย ธ.ดีบีเอสไทยทนุ และไอเอฟซีทีจะเสร็จสิ้นในไตร
มาสที่ 3 ปี 47 ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.ทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิด
เผยว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค.47 ธนาคารได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อรวมกิจการระหว่าง ธ.ทหาร
ไทยและ ธ.ดีบีเอส ไทยทนุ ส่วนขั้นตอนการดำเนินการและรายละเอียดต่างๆ จะต้องรอให้มีการเจรจาร่วม
กับบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที) ซึ่งหลังจากได้ข้อสรุป ธนาคารจะต้องเสนอ ก.
คลัง และ ธปท.เพื่อให้ความเห็นชอบ หลังจากนั้นจะมีการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ และจะ
ออกหุ้นของ ธ.ทหารไทยเพื่อรับหุ้นของธนาคารทั้ง 2 แห่ง โดยขั้นตอนเหล่านี้คาดว่าจะดำเนินการในเดือน
พ.ค.-มิ.ย. และจะทำการโอนสินทรัพย์และหนี้สินของธนาคารทั้ง 2 แห่งภายในไตรมาสที่ 3 สำหรับสัดส่วน
การถือหุ้นหลังจากควบรวมยังไม่มีการสรุป แต่ ก.คลังยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
2. การส่งออกของไทยในปี 46 เพิ่มขึ้น 16.60% เทียบต่อปี รายงานข่าวจาก ก.พาณิชย์ เปิด
เผยว่า การส่งออกของไทยในปี 46 มีมูลค่า 80,238.44 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 16.60% เมื่อเทียบกับปี
45 สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่าจะมีมูลค่า 77,076 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้น 12% สาเหตุจากผู้นำ
เข้ามั่นใจในคุณภาพของสินค้าทำให้มียอดคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาไทยได้เจรจาเปิด
เขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ)กับหลายประเทศ ซึ่งมีส่วนผลักดันการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศดังกล่าวมากขึ้น
ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 75,018.64 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 16.76% ดุลการค้าเกินดุล 5,219.8 ล.
ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 14.33% สำหรับในปี 47 ก.พาณิชย์กำหนดเป้าหมายการส่งออกไว้ที่มูลค่า 92,000
ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้น 15% จากปี 46 (สยามรัฐ, ข่าวสด)
3. ธปท.เตรียมทบทวนการให้สิทธิผู้ลงทุนสถาบันที่สนใจลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ผู้
ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.อาจจะมีการทบทวนการ
ให้สิทธิกับผู้ลงทุนประเภทสถาบันการเงินรายอื่นที่มีความสนใจ และต้องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ
นอกเหนือจากนักลงทุนประเภทสถาบันการการเงินที่ ธปท.เคยอนุญาต เนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้สิทธิในการ
ลงทุนดังกล่าวน้อยมาก ซึ่งมีสาเหตุจากปัญหาเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และขั้นตอนในการดำเนินการนำเงินไปลงทุน
มีความยุ่งยาก (ไทยโพสต์)
4. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทยในปี 47 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น รมว.
อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปี 47 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดย
พิจารณาจากปัจจัยบวกในปี 46 ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการทำเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ และภาวะ
อิเล็กทรอนิกส์โลกที่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ประกอบกับตลาดกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศมีการขยายตัวดีขึ้น
ประมาณ 5% สำหรับการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าระยะ 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.46) มีมูลค่า 333,772.9 ล.
บาท เพิ่มขึ้น 11.5% จากปีก่อน ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่า 601,799.6 ล.บาท เพิ่มขึ้น 6.8% จากปีก่อน
(ข่าวสด)
5. ปี 46 การจดทะเบียนธุรกิจของนิติบุคคลเพิ่มขึ้น 22.78% เมื่อเทียบกับปี 45 โฆษก ก.
พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการจดทะเบียนธุรกิจของนิติบุคคลในรอบปี 46 ว่า มีนิติบุคคลจดทะเบียนตั้งใหม่ทั้งสิ้น
43,441 ราย เพิ่มขึ้น 8,060 ราย หรือเพิ่มขึ้น 22.78% เมื่อเทียบกับปี 45 โดยมีเงินทุนจดทะเบียน
150,440.73 ล.บาท สำหรับธุรกิจที่มีการจดทะเบียนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจ
ต้มกลั่นสุรา และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ ขณะที่การจดทะเบียนเลิกกิจการในช่วงเวลาเดียวกันมีจำนวนทั้ง
สิ้น 14,163 ราย ลดลง 625 ราย หรือลดลง 4.23% เมื่อเทียบกับปี 45 ซึ่งจากสถิติดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ผู้
ประกอบธุรกิจในปัจจุบันมีศักยภาพเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น (ข่าวสด)
6. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน ธ.ค.46 ลดลงเล็กน้อย รองประธานสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน
ธ.ค.46 พบว่า ดัชนีฯ ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 100.2 จาก 112.5 ในเดือน พ.ย.46 เป็นผลจากดัชนี 4
ใน 5 ตัวที่นำมาใช้ในการคำนวณค่าดัชนีปรับตัวลดลง ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของยอดคำสั่งซื้อ ยอด
ขาย ต้นทุนการผลิต และกำไรสุทธิ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของปริมาณการผลิตปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย
สำหรับสาเหตุที่ค่าดัชนีหลักส่วนใหญ่ลดลง เนื่องจากในช่วงเดือน ธ.ค.46 กำลังซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่
ทั้งจากภายในและนอกประเทศชะลอตัวลง ขณะที่ราคาน้ำมันซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินการของทุก
อุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเห็นสอดคล้องกันว่า ปัจจัยที่มี
ผลดีต่อความเชื่อมั่นในอนาคต คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขอสินเชื่อเพื่อ
การลงทุนและการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงมาตรการเร่งปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีของ ธพ. (แนวหน้า)
7. คาดว่าในปี 47 การออก พธบ.รัฐบาลจะปรับตัวลดลง ประธานคณะกรรมการศูนย์ซื้อขาย
ตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ในปี 47 การออก พธบ.รัฐบาลจะปรับตัวลดลงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากแนวโน้ม
การขาดดุล งปม.ที่ลดลง ทำให้กลับเข้าสู่ภาวะที่สมดุล ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการออกตราสารหนี้ทั้งระบบประมาณ
900 พัน ล.บาท (ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสรอ. ในเดือนธ.ค. 46 ไม่เปลื่ยนแปลงจากเดือนก่อน
รายงานจาก วอชิงตัน เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 47 ก.พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค. ยอดคำสั่งซื้อ
สินค้าคงทนของสรอ. ที่มีอายุการใช้งานอย่างน้อย 3 ปีหรือมากกว่านั้น อาทิ ตู้เย็น และรถยนต์ ไม่เปลี่ยน
แปลงจากเดือนที่แล้วที่ลดลงร้อยละ 2.3 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) ซึ่งก่อนหน้านั้นนักวิเคราะห์คาดว่ายอดคำ
สั่งซื้อสินค้าคงทนจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากการฟื้นตัวอย่างเด่นชัดของภาคอุตสาหกรรมการผลิต สร้างความ
ผิดหวังเนื่องจากยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลงอย่างมากในเดือนพ.ย. จากที่คาดว่าจะฟื้นตัวบ้าง ส่วนยอด
ขายบ้านใหม่ในเดือน ธ.ค.46 ลดลงร้อยละ 5.1 อยู่ที่ระดับ 1.060 ล้านหลัง (ตัวเลขหลังปรับ) ซึ่งเป็น
อัตราที่ชะลอตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ เม.ย. 46 และจากผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์คาดว่ายอดขาย
จะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1.100 ล้านหลังจากตัวเลขเบื้องต้นที่คาดว่าในเดือนพ.ย. จะเพิ่มขึ้นถึง 1.082 ล้านหลัง
ซึ่งรายงานดังกล่าวถูกเปิดเผยก่อนที่ธ. กลางสรอ. จะประกาศตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำร้อย
ละ 1 ต่อไปอีกเพื่อเอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง (รอยเตอร์)
2. ธ.กลาง สรอ. (Fed) ยังคงอัตราดอกเบี้ยทางการไว้ที่ระดับเดิม รายงานจากวอชิงตันเมื่อ
วันที่ 28 ม.ค.47 ธ.กลาง สรอ. (Fed) มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น
ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2000 ทั้งนี้ เพราะภายหลังการประชุมของ FOMC ได้มีถ้อยแถลงที่เป็นสัญญาณว่ามีการ
เตรียมการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ไม่มีการระบุเวลาที่แน่นอน ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า Fed คงจะไม่เร่ง
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ววันนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สรอ.ยังคง Federal Funds Rate ไว้ที่ระดับร้อยละ
1 โดยมีเหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเนื่องจากมีข้อมูลหลายอย่างชี้ชัดว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวและเติบโตได้ดี
แม้ว่าการจ้างงานจะยังเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่สถานการณ์ของตลาดแรงงานมีแนวโน้มดีขึ้น โดยในไตรมาสที่ 3 ปี
46 เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตร้อยละ 8.2 เทียบต่อปี และคาดว่าในไตรมาสสุดท้ายจะเติบโตที่ร้อยละ 4.8
(รอยเตอร์)
3. ภาคธุรกิจของเยอรมนีเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูปต่อไป รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 28
ม.ค.47 ภาคธุรกิจของเยอรมนีเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูประบบภาษี, ตลาดแรงงานและค่าจ้างและ
นโยบายทางด้านสังคมต่อไป โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเพื่อให้
เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวร้อยละ 1.5 - 2 ตามที่ รมต.เศรษฐกิจของเยอรมนีได้ประมาณการไว้ หลังจากที่หดตัว
เล็กน้อยในปีที่ผ่านมา โดย นรม.เยอรมนีได้ผลักดันแผนปฏิรูประบบสวัสดิการสังคมในปีที่ผ่านมา ในขณะที่มีชาว
เยอรมนีเพียงร้อยละ 14 ที่สนับสนุนแผนปฏิรูปดังกล่าวของ นรม. ส่งผลให้ นรม.เยอรมนีต้องเผชิญกับแรงกด
ดันทางการเมืองจากภายในพรรคที่คัดค้านแผนปฏิรูปดังกล่าว นักธุรกิจที่ไม่เห็นด้วยให้ความเห็นว่าสาเหตุหลัก
ของปัญหาเศรษฐกิจของเยอรมนีในขณะนี้มาจากการลงทุนในประเทศลดลงและการเคลื่อนย้ายการลงทุนไปยัง
ประเทศอื่น แผนปฏิรูปของรัฐบาลจึงไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ (รอยเตอร์)
4. ผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.46 ลดลงร้อยละ 1.0 เทียบต่อเดือน รายงานจาก
โตเกียว เมื่อ 29 ม.ค.47 ก.เศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI) ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผลผลิต
อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.46 ลดลงร้อยละ 1.0 เทียบจากเดือนก่อน (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) ซึ่ง
ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะลดลงร้อยละ 0.6 แต่ ทั้ง METI และนัก
วิเคราะห์ยังเห็นว่าการลดลงของตัวเลขดังกล่าวไม่สามารถจะทำให้ภาพบวกที่มีต่อผลผลิตอุตสาหกรรมเปลี่ยน
แปลงไป ทั้งนี้เพราะจำนวนสินค้าคงคลังยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่การส่งออกเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งยังมีแนวโน้ม
บางอย่างที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจภายในประเทศกำลังดีขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์รายอื่น ๆ มีความเห็นเพิ่ม
เติมว่า ความต้องการสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าประเภทอื่นในตลาดโลกที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจะช่วย
ให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นฟื้นตัวจากภาวะตกต่ำเมื่อ 10 ปีก่อน รวมทั้งยังสนับสนุนให้เกิดการผลิต
และการลงทุนในอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรของธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความต้องการสินค้าทุนและสินค้า
อุปโภคบริโภคจากจีนที่ช่วยให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัวระดับร้อยละ 9.0 ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผลผลิต
โรงงานอันเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น METI คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ
3.6 ในเดือน ม.ค.47 และลดลงร้อยละ 4.5 ในเดือนถัดไป ทั้งนี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นในเดือน
ธ.ค.46 คือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร ขณะที่อุปกรณ์เครื่องจักรทั่วไปและเซมิคอนดัก
เตอร์มีจำนวนผลผลิตที่ลดลงในเดือนเดียวกัน อย่างไรก็ตาม METI กล่าวเพิ่มเติมว่าจะรักษาระดับผลผลิต
อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นให้มีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29/1/47 28/1/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.116 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.9345/39.2214 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 722.14/23.18 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,550/7,650 7,500/7,600 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 28.18 28.5 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. คาดว่าการควบรวมระหว่าง ธ.ทหารไทย ธ.ดีบีเอสไทยทนุ และไอเอฟซีทีจะเสร็จสิ้นในไตร
มาสที่ 3 ปี 47 ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.ทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิด
เผยว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค.47 ธนาคารได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อรวมกิจการระหว่าง ธ.ทหาร
ไทยและ ธ.ดีบีเอส ไทยทนุ ส่วนขั้นตอนการดำเนินการและรายละเอียดต่างๆ จะต้องรอให้มีการเจรจาร่วม
กับบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที) ซึ่งหลังจากได้ข้อสรุป ธนาคารจะต้องเสนอ ก.
คลัง และ ธปท.เพื่อให้ความเห็นชอบ หลังจากนั้นจะมีการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ และจะ
ออกหุ้นของ ธ.ทหารไทยเพื่อรับหุ้นของธนาคารทั้ง 2 แห่ง โดยขั้นตอนเหล่านี้คาดว่าจะดำเนินการในเดือน
พ.ค.-มิ.ย. และจะทำการโอนสินทรัพย์และหนี้สินของธนาคารทั้ง 2 แห่งภายในไตรมาสที่ 3 สำหรับสัดส่วน
การถือหุ้นหลังจากควบรวมยังไม่มีการสรุป แต่ ก.คลังยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
2. การส่งออกของไทยในปี 46 เพิ่มขึ้น 16.60% เทียบต่อปี รายงานข่าวจาก ก.พาณิชย์ เปิด
เผยว่า การส่งออกของไทยในปี 46 มีมูลค่า 80,238.44 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 16.60% เมื่อเทียบกับปี
45 สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่าจะมีมูลค่า 77,076 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้น 12% สาเหตุจากผู้นำ
เข้ามั่นใจในคุณภาพของสินค้าทำให้มียอดคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาไทยได้เจรจาเปิด
เขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ)กับหลายประเทศ ซึ่งมีส่วนผลักดันการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศดังกล่าวมากขึ้น
ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 75,018.64 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 16.76% ดุลการค้าเกินดุล 5,219.8 ล.
ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 14.33% สำหรับในปี 47 ก.พาณิชย์กำหนดเป้าหมายการส่งออกไว้ที่มูลค่า 92,000
ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้น 15% จากปี 46 (สยามรัฐ, ข่าวสด)
3. ธปท.เตรียมทบทวนการให้สิทธิผู้ลงทุนสถาบันที่สนใจลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ผู้
ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.อาจจะมีการทบทวนการ
ให้สิทธิกับผู้ลงทุนประเภทสถาบันการเงินรายอื่นที่มีความสนใจ และต้องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ
นอกเหนือจากนักลงทุนประเภทสถาบันการการเงินที่ ธปท.เคยอนุญาต เนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้สิทธิในการ
ลงทุนดังกล่าวน้อยมาก ซึ่งมีสาเหตุจากปัญหาเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และขั้นตอนในการดำเนินการนำเงินไปลงทุน
มีความยุ่งยาก (ไทยโพสต์)
4. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทยในปี 47 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น รมว.
อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปี 47 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดย
พิจารณาจากปัจจัยบวกในปี 46 ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการทำเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ และภาวะ
อิเล็กทรอนิกส์โลกที่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ประกอบกับตลาดกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศมีการขยายตัวดีขึ้น
ประมาณ 5% สำหรับการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าระยะ 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.46) มีมูลค่า 333,772.9 ล.
บาท เพิ่มขึ้น 11.5% จากปีก่อน ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่า 601,799.6 ล.บาท เพิ่มขึ้น 6.8% จากปีก่อน
(ข่าวสด)
5. ปี 46 การจดทะเบียนธุรกิจของนิติบุคคลเพิ่มขึ้น 22.78% เมื่อเทียบกับปี 45 โฆษก ก.
พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการจดทะเบียนธุรกิจของนิติบุคคลในรอบปี 46 ว่า มีนิติบุคคลจดทะเบียนตั้งใหม่ทั้งสิ้น
43,441 ราย เพิ่มขึ้น 8,060 ราย หรือเพิ่มขึ้น 22.78% เมื่อเทียบกับปี 45 โดยมีเงินทุนจดทะเบียน
150,440.73 ล.บาท สำหรับธุรกิจที่มีการจดทะเบียนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจ
ต้มกลั่นสุรา และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ ขณะที่การจดทะเบียนเลิกกิจการในช่วงเวลาเดียวกันมีจำนวนทั้ง
สิ้น 14,163 ราย ลดลง 625 ราย หรือลดลง 4.23% เมื่อเทียบกับปี 45 ซึ่งจากสถิติดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ผู้
ประกอบธุรกิจในปัจจุบันมีศักยภาพเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น (ข่าวสด)
6. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน ธ.ค.46 ลดลงเล็กน้อย รองประธานสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน
ธ.ค.46 พบว่า ดัชนีฯ ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 100.2 จาก 112.5 ในเดือน พ.ย.46 เป็นผลจากดัชนี 4
ใน 5 ตัวที่นำมาใช้ในการคำนวณค่าดัชนีปรับตัวลดลง ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของยอดคำสั่งซื้อ ยอด
ขาย ต้นทุนการผลิต และกำไรสุทธิ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของปริมาณการผลิตปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย
สำหรับสาเหตุที่ค่าดัชนีหลักส่วนใหญ่ลดลง เนื่องจากในช่วงเดือน ธ.ค.46 กำลังซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่
ทั้งจากภายในและนอกประเทศชะลอตัวลง ขณะที่ราคาน้ำมันซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินการของทุก
อุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเห็นสอดคล้องกันว่า ปัจจัยที่มี
ผลดีต่อความเชื่อมั่นในอนาคต คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขอสินเชื่อเพื่อ
การลงทุนและการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงมาตรการเร่งปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีของ ธพ. (แนวหน้า)
7. คาดว่าในปี 47 การออก พธบ.รัฐบาลจะปรับตัวลดลง ประธานคณะกรรมการศูนย์ซื้อขาย
ตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ในปี 47 การออก พธบ.รัฐบาลจะปรับตัวลดลงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากแนวโน้ม
การขาดดุล งปม.ที่ลดลง ทำให้กลับเข้าสู่ภาวะที่สมดุล ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการออกตราสารหนี้ทั้งระบบประมาณ
900 พัน ล.บาท (ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสรอ. ในเดือนธ.ค. 46 ไม่เปลื่ยนแปลงจากเดือนก่อน
รายงานจาก วอชิงตัน เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 47 ก.พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค. ยอดคำสั่งซื้อ
สินค้าคงทนของสรอ. ที่มีอายุการใช้งานอย่างน้อย 3 ปีหรือมากกว่านั้น อาทิ ตู้เย็น และรถยนต์ ไม่เปลี่ยน
แปลงจากเดือนที่แล้วที่ลดลงร้อยละ 2.3 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) ซึ่งก่อนหน้านั้นนักวิเคราะห์คาดว่ายอดคำ
สั่งซื้อสินค้าคงทนจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากการฟื้นตัวอย่างเด่นชัดของภาคอุตสาหกรรมการผลิต สร้างความ
ผิดหวังเนื่องจากยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลงอย่างมากในเดือนพ.ย. จากที่คาดว่าจะฟื้นตัวบ้าง ส่วนยอด
ขายบ้านใหม่ในเดือน ธ.ค.46 ลดลงร้อยละ 5.1 อยู่ที่ระดับ 1.060 ล้านหลัง (ตัวเลขหลังปรับ) ซึ่งเป็น
อัตราที่ชะลอตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ เม.ย. 46 และจากผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์คาดว่ายอดขาย
จะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1.100 ล้านหลังจากตัวเลขเบื้องต้นที่คาดว่าในเดือนพ.ย. จะเพิ่มขึ้นถึง 1.082 ล้านหลัง
ซึ่งรายงานดังกล่าวถูกเปิดเผยก่อนที่ธ. กลางสรอ. จะประกาศตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำร้อย
ละ 1 ต่อไปอีกเพื่อเอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง (รอยเตอร์)
2. ธ.กลาง สรอ. (Fed) ยังคงอัตราดอกเบี้ยทางการไว้ที่ระดับเดิม รายงานจากวอชิงตันเมื่อ
วันที่ 28 ม.ค.47 ธ.กลาง สรอ. (Fed) มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น
ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2000 ทั้งนี้ เพราะภายหลังการประชุมของ FOMC ได้มีถ้อยแถลงที่เป็นสัญญาณว่ามีการ
เตรียมการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ไม่มีการระบุเวลาที่แน่นอน ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า Fed คงจะไม่เร่ง
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ววันนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สรอ.ยังคง Federal Funds Rate ไว้ที่ระดับร้อยละ
1 โดยมีเหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเนื่องจากมีข้อมูลหลายอย่างชี้ชัดว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวและเติบโตได้ดี
แม้ว่าการจ้างงานจะยังเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่สถานการณ์ของตลาดแรงงานมีแนวโน้มดีขึ้น โดยในไตรมาสที่ 3 ปี
46 เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตร้อยละ 8.2 เทียบต่อปี และคาดว่าในไตรมาสสุดท้ายจะเติบโตที่ร้อยละ 4.8
(รอยเตอร์)
3. ภาคธุรกิจของเยอรมนีเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูปต่อไป รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 28
ม.ค.47 ภาคธุรกิจของเยอรมนีเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูประบบภาษี, ตลาดแรงงานและค่าจ้างและ
นโยบายทางด้านสังคมต่อไป โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเพื่อให้
เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวร้อยละ 1.5 - 2 ตามที่ รมต.เศรษฐกิจของเยอรมนีได้ประมาณการไว้ หลังจากที่หดตัว
เล็กน้อยในปีที่ผ่านมา โดย นรม.เยอรมนีได้ผลักดันแผนปฏิรูประบบสวัสดิการสังคมในปีที่ผ่านมา ในขณะที่มีชาว
เยอรมนีเพียงร้อยละ 14 ที่สนับสนุนแผนปฏิรูปดังกล่าวของ นรม. ส่งผลให้ นรม.เยอรมนีต้องเผชิญกับแรงกด
ดันทางการเมืองจากภายในพรรคที่คัดค้านแผนปฏิรูปดังกล่าว นักธุรกิจที่ไม่เห็นด้วยให้ความเห็นว่าสาเหตุหลัก
ของปัญหาเศรษฐกิจของเยอรมนีในขณะนี้มาจากการลงทุนในประเทศลดลงและการเคลื่อนย้ายการลงทุนไปยัง
ประเทศอื่น แผนปฏิรูปของรัฐบาลจึงไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ (รอยเตอร์)
4. ผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.46 ลดลงร้อยละ 1.0 เทียบต่อเดือน รายงานจาก
โตเกียว เมื่อ 29 ม.ค.47 ก.เศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI) ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผลผลิต
อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.46 ลดลงร้อยละ 1.0 เทียบจากเดือนก่อน (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) ซึ่ง
ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะลดลงร้อยละ 0.6 แต่ ทั้ง METI และนัก
วิเคราะห์ยังเห็นว่าการลดลงของตัวเลขดังกล่าวไม่สามารถจะทำให้ภาพบวกที่มีต่อผลผลิตอุตสาหกรรมเปลี่ยน
แปลงไป ทั้งนี้เพราะจำนวนสินค้าคงคลังยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่การส่งออกเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งยังมีแนวโน้ม
บางอย่างที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจภายในประเทศกำลังดีขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์รายอื่น ๆ มีความเห็นเพิ่ม
เติมว่า ความต้องการสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าประเภทอื่นในตลาดโลกที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจะช่วย
ให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นฟื้นตัวจากภาวะตกต่ำเมื่อ 10 ปีก่อน รวมทั้งยังสนับสนุนให้เกิดการผลิต
และการลงทุนในอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรของธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความต้องการสินค้าทุนและสินค้า
อุปโภคบริโภคจากจีนที่ช่วยให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัวระดับร้อยละ 9.0 ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผลผลิต
โรงงานอันเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น METI คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ
3.6 ในเดือน ม.ค.47 และลดลงร้อยละ 4.5 ในเดือนถัดไป ทั้งนี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นในเดือน
ธ.ค.46 คือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร ขณะที่อุปกรณ์เครื่องจักรทั่วไปและเซมิคอนดัก
เตอร์มีจำนวนผลผลิตที่ลดลงในเดือนเดียวกัน อย่างไรก็ตาม METI กล่าวเพิ่มเติมว่าจะรักษาระดับผลผลิต
อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นให้มีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29/1/47 28/1/47 31/12/46 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.116 39.622 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.9345/39.2214 39.4435/39.7378 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8750 - 1.2800 1.2800 - 1.3000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 722.14/23.18 772.15/41.74 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,550/7,650 7,500/7,600 7,700/7,800 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 28.18 28.5 28.66 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 17.29*/14.39 ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-