แท็ก
ข้อมูล
6. ช่างซัก ช่างถาม INQUISITIVE
CEO ต้องเป็นคนอยากรู้อยากเห็น แต่ไม่ใช่สอดรู้สอดเห็น และไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง
CEO ต้อง "นิ่ง" ต้อง "ว่าง" ไม่ดูวุ่นวายหรืองานยุ่งตลอดเวลา
CEO ไม่ใช่ "คลังข้อมูล" จึงไม่ต้องเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้กับตัว แต่ CEO ต้องรู้ว่าจะเอาข้อมูลที่ต้องการได้จากที่ใด จากใคร และต้องรู้เวลาจังหวะของการ "ถาม" สิ่งที่ต้องการ นี่คือกลยุทธ์การสร้างคนฉลาดรอบตัว กลยุทธ์การบริหารองค์ความรู้ในองค์การ และกลยุทธ์การกระจายอำนาจ
CEO แสดงวิสัยทัศน์และการกระจายอำนาจได้ ด้วยการไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง ไม่ต้องเป็นผู้พูดหรือให้สัมภาษณ์ในทุกเรื่องไม่ต้องเป็นผู้บรรยายทุกเรื่อง ไม่ต้องเป็นผู้พูดทุกเรื่องหรือแสดงความรู้ทุกเรื่องใน Press Conference ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามได้ทุกเรื่องหรือบางเรื่องแม้ตอบได้ก็ไม่จำเป็นต้องตอบ CEO ต้องรู้จักการใช้เทคนิค Share SpotLight ซึ่งเป็นจิตวิทยาในการมอบอำนาจและกระจายงาน ด้วยการใช้จังหวะการโยนลูกหรือหมากให้กับลูกน้องของตนเองได้แสดงความรู้ ความสามารถ และแสดงให้เห็นฝีมือบริหารทีมงานของ CEO เอง ว่ามีลูกน้องที่ "รู้" ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของเขาเป็นอย่างดี CEO ต้องพูดเรื่องใหญ่ คือ นโยบาย และกลยุทธ์ ส่วนเรื่องปฏิบัติ หรือรายละเอียดของงานนั้น ให้โยนลูกให้ผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดที่ CEO ไม่สามารถตอบรายละเอียดปลีกย่อยได้
CEO ต้องใช้ทักษะการ "ถาม" เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการ เป็น CEO จะไม่พูดประโยคว่า "ไม่เห็นได้รับรายงาน" เพราะ CEO ต้องรู้เทคนิคการสำรวจอุณหภูมิ และความเคลื่อนไหว ทั้งภายในและภายนอกองค์กรอยู่ทุกขณะ
CEO ต้องมีความไวต่อการรับรู้ความรู้สึกของคน ต้องช่างสังเกตอารมณ์ของเพื่อนพนักงาน
CEO ต้องสามารถใช้คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน "หยอด" คำหวานด้วยความจริงใจ อย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ เพื่อสร้างแรงจูงใจและสร้างผลิตภาพของงาน
CEO ต้องพูดประโยคนี้ให้ติดปาก "ทีมงานของผม/ดิฉัน มีฝีมือ จึงทำให้งานสำเร็จ"
CEO กล่าวชื่นชมผู้อื่นด้วยเสียงอัน "ดัง" และให้ผู้คนได้ยินเสมอ เช่นการจัดพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ทำความดี แก่ผู้มีผลงานดี แก่ผู้ได้เลื่อนตำแหน่ง หรือการกล่าวชมเชยพนักงานต่อที่ประชุม ด้วยวิธีการเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ เป็นการสร้างวัฒนธรรมของการทำงานเป็นทีมเพื่อผลสำเร็จ หรือ TEAM SPIRIT CULTURE ที่ยิ่งใหญ่ และจะซึมซาบเข้าสู่ทุกสายเลือดขององค์กรได้อย่างถาวรทั้งเป็นวิธีในการนำวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ โดยให้พนักงานหายใจเข้า-ออกเป็นวิสัยทัศน์ (Live -- Breathe) ที่พนักงานพร้อมจะสรรหาวิธีการทำให้วิสัยทัศน์เป็นจริง มิใช่เพียงท่องได้ เพราะ CEO ได้ประกาศไว้เท่านั้น
CEO จะไม่กล่าวตำหนิ แต่จะกล่าววิพากษ์งานอย่างมีกุศโลบาย และไม่กล่าวติติงต่อหน้าผู้อื่นแม้ว่าจะแสดงเจตนารมย์ว่ากล่าวติติงเพื่อสร้างสรรค์ก็ตาม การติติงนั้นก็ย่อมจะไม่มีความสร้างสรรค์ใด ๆ เกิดขึ้นเพราะมนุษย์มี "ศักดิ์ศรี" หรือ DIGNITY เป็นของตนเอง
7. ต้องทำงานหนักมากกว่าคนที่อยู่ข้างเคียง
งานหนัก หมายถึง การคิด และใช้สมอง และการอยู่เคียงข้างทีมงานเสมอ ต้องอยู่กับทีมงานทุกขณะ หากตัวอยู่ไม่ได้ ก็ต้องใช้สื่อสารทางอื่น เช่น โทรศัพท์ให้กำลังใจ หรือ สอบถามทุกข์สุขและความคืบหน้า ต้อง "ใส่ใจ" ผ่านวาจาในทุกขณะ
ตัวอย่าง จากภาพยนตร์เรื่อง We Were Soldiers พระเอกที่เป็นหัวหน้าทีมทหารอเมริกันไปรบที่เวียดนาม เมื่อจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ หัวหน้าทีมจะขึ้นเป็นคนสุดท้าย และเมื่อจะลงก็ลงจากเฮลิคอปเตอร์เป็นคนแรก ร่วมรบร่วมทุกข์กับทีมงานทุกขณะ แม้ในสถานะการณ์คับขันก็ไม่ทิ้งทีมงาน ทำตัวเป็นต้นแบบในการปฏิบัติให้กับทีมในทุก ๆ เรื่อง
เช่นเดียวกับ CEO หรือผู้นำทุกคน ต้องเป็น Role Model ต้องสามารถนำนโยบายสู่การปฏิบัติ เป็นต้นแบบให้กับพนักงานได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย หรือเรื่องที่ยิ่งใหญ่ก็ตามที หากต้องการให้พนักงานในองค์กรปฏิบัติอย่างไร CEO ต้องทำสิ่งนั้นก่อน แม้ไม่ต้องออกปากพูด พนักงานก็จะปฏิบัติ และถือเป็นวัฒนธรรมองค์กร แต่หาก CEO พูดและสั่งให้พนักงานกระทำอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือวัฒนธรรมของการทำตามที่สั่ง และรอคำสั่งจึงปฏิบัติ มิใช่เกิดจากใจที่ซึมซับวัฒนธรรมที่ควรเข้าไป หรือหาก CEO กระทำขัดต่อนโยบายหรือแนวทางการบริหารที่วางไว้สำหรับพนักงานในองค์กร แม้เพียงครั้งเดียวนโยบายหรือแนวปฏิบัตินั้นจะไม่มีความศักดิ์สิทธิอีกต่อไป
8. ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับสังคม
CEO ต้องทำประโยชน์ให้กับสังคมรอบข้างได้ด้วย เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีงามให้กับพนักงานและบุคคลทั่วไปด้วยการไม่แสวงหาเฉพาะประโยชน์ส่วนตน หรือเฉพาะองค์กรของตน แต่ต้องเอื้อเฟื้อสังคม สร้างกิจกรรมที่ช่วยเหลือสังคม ให้พนักงานมีส่วนร่วมเพื่อปลูกจิตสำนึกให้รับผิดชอบต่อสังคม
CEO อาจเขียนหนังสือ หรือสอนหนังสือ เป็นวิทยาทาน หรือเข้าเป็นสมาชิกชมรมต่างๆ เพื่อการสร้างเครือข่าย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์แก่ผู้อื่นในสังคมก็ได้
9. ไม่เริงอำนาจ
CEO ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนทุกขณะต้องพูดให้ติดปาก "ผม/ดิฉันไม่ได้เก่งอะไรแต่ทีมงานต่างหากที่สร้างความสำเร็จนี้"การที่ CEO เหลิงอำนาจจะทำให้เกิด LOOSE TOUCH หรือการที่พนักงานจะไม่พูดเรื่องจริงด้วย เพราะเกรงจะขัดใจ และ CEO จะไม่ได้สัมผัสความจริงอีกเลย
"การจะเป็นยอดคน ต้องทำตนเหมือนยอดกระถิน"
...พระอาจารย์ทองดำ
<<เพราะยอดกระถินนั้นอ่อนและโค้งลง ไม่เคยตั้งขึ้น แต่ก็ยังอยู่บนยอดสูงสุดเสมอ>>
"ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เปรียบเสมือนหมอกควันที่ลอยมาห่อหุ้มกายเพียงชั่วคราว แล้วก็จะสลายลอยจากไป"
...คุณสนธิ ทิมทองกุล
ผู้ก่อตั้ง นสพ. ผู้จัดการ
สติ มีมากเท่าไรยิ่งดี มีแต่คุณไม่มีโทษ
ศรัทธา มีมากเกินไป ขาดปัญญา กลายเป็นงมงาย
ปัญญา มีมากเกินไป ขาดศรัทธา กลายเป็นทิฐิมานะ
สมาธิ มีมากเกินไป ขาดปัญญา กลายเป็นโมหะ
ปัญญา มีมากเกินไป ขาดสมาธิ กลายเป็นฟุ้งซ่าน
วิริยะ มีมากเกินไป ขาดสมาธิ กลายเป็นเหน็ดเหนื่อย
สมาธิ มีมากเกินไป ขาดวิริยะ กลายเป็นเกียจคร้าน
....หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
บทสรุป
บุคลิกภาพของผู้นำมี 9 ประการ
1. มีความมั่นใจในตนเองสูงในระดับเหมาะสม หรือ ASSERTIVENESS
2. มีความสามารถในการควบคุมสติอารมณ์ หรือ EMOTIONAL CONTROL
3. มีความน่าเชื่อถือไว้วางใจ หรือ CREDIBILITY
4. คิดก่อนพูด
5. มีความโดดเด่นที่ไม่ซ้ำใคร หรือ BRANDING
6. ช่างซัก ช่างถาม INQUISITIVE
7. ต้องทำงานหนักมากกว่าคนที่อยู่ข้างเคียง
8. ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับสังคม
9. ไม่เริงอำนาจ
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
CEO ต้องเป็นคนอยากรู้อยากเห็น แต่ไม่ใช่สอดรู้สอดเห็น และไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง
CEO ต้อง "นิ่ง" ต้อง "ว่าง" ไม่ดูวุ่นวายหรืองานยุ่งตลอดเวลา
CEO ไม่ใช่ "คลังข้อมูล" จึงไม่ต้องเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้กับตัว แต่ CEO ต้องรู้ว่าจะเอาข้อมูลที่ต้องการได้จากที่ใด จากใคร และต้องรู้เวลาจังหวะของการ "ถาม" สิ่งที่ต้องการ นี่คือกลยุทธ์การสร้างคนฉลาดรอบตัว กลยุทธ์การบริหารองค์ความรู้ในองค์การ และกลยุทธ์การกระจายอำนาจ
CEO แสดงวิสัยทัศน์และการกระจายอำนาจได้ ด้วยการไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง ไม่ต้องเป็นผู้พูดหรือให้สัมภาษณ์ในทุกเรื่องไม่ต้องเป็นผู้บรรยายทุกเรื่อง ไม่ต้องเป็นผู้พูดทุกเรื่องหรือแสดงความรู้ทุกเรื่องใน Press Conference ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามได้ทุกเรื่องหรือบางเรื่องแม้ตอบได้ก็ไม่จำเป็นต้องตอบ CEO ต้องรู้จักการใช้เทคนิค Share SpotLight ซึ่งเป็นจิตวิทยาในการมอบอำนาจและกระจายงาน ด้วยการใช้จังหวะการโยนลูกหรือหมากให้กับลูกน้องของตนเองได้แสดงความรู้ ความสามารถ และแสดงให้เห็นฝีมือบริหารทีมงานของ CEO เอง ว่ามีลูกน้องที่ "รู้" ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของเขาเป็นอย่างดี CEO ต้องพูดเรื่องใหญ่ คือ นโยบาย และกลยุทธ์ ส่วนเรื่องปฏิบัติ หรือรายละเอียดของงานนั้น ให้โยนลูกให้ผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดที่ CEO ไม่สามารถตอบรายละเอียดปลีกย่อยได้
CEO ต้องใช้ทักษะการ "ถาม" เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการ เป็น CEO จะไม่พูดประโยคว่า "ไม่เห็นได้รับรายงาน" เพราะ CEO ต้องรู้เทคนิคการสำรวจอุณหภูมิ และความเคลื่อนไหว ทั้งภายในและภายนอกองค์กรอยู่ทุกขณะ
CEO ต้องมีความไวต่อการรับรู้ความรู้สึกของคน ต้องช่างสังเกตอารมณ์ของเพื่อนพนักงาน
CEO ต้องสามารถใช้คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน "หยอด" คำหวานด้วยความจริงใจ อย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ เพื่อสร้างแรงจูงใจและสร้างผลิตภาพของงาน
CEO ต้องพูดประโยคนี้ให้ติดปาก "ทีมงานของผม/ดิฉัน มีฝีมือ จึงทำให้งานสำเร็จ"
CEO กล่าวชื่นชมผู้อื่นด้วยเสียงอัน "ดัง" และให้ผู้คนได้ยินเสมอ เช่นการจัดพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ทำความดี แก่ผู้มีผลงานดี แก่ผู้ได้เลื่อนตำแหน่ง หรือการกล่าวชมเชยพนักงานต่อที่ประชุม ด้วยวิธีการเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ เป็นการสร้างวัฒนธรรมของการทำงานเป็นทีมเพื่อผลสำเร็จ หรือ TEAM SPIRIT CULTURE ที่ยิ่งใหญ่ และจะซึมซาบเข้าสู่ทุกสายเลือดขององค์กรได้อย่างถาวรทั้งเป็นวิธีในการนำวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ โดยให้พนักงานหายใจเข้า-ออกเป็นวิสัยทัศน์ (Live -- Breathe) ที่พนักงานพร้อมจะสรรหาวิธีการทำให้วิสัยทัศน์เป็นจริง มิใช่เพียงท่องได้ เพราะ CEO ได้ประกาศไว้เท่านั้น
CEO จะไม่กล่าวตำหนิ แต่จะกล่าววิพากษ์งานอย่างมีกุศโลบาย และไม่กล่าวติติงต่อหน้าผู้อื่นแม้ว่าจะแสดงเจตนารมย์ว่ากล่าวติติงเพื่อสร้างสรรค์ก็ตาม การติติงนั้นก็ย่อมจะไม่มีความสร้างสรรค์ใด ๆ เกิดขึ้นเพราะมนุษย์มี "ศักดิ์ศรี" หรือ DIGNITY เป็นของตนเอง
7. ต้องทำงานหนักมากกว่าคนที่อยู่ข้างเคียง
งานหนัก หมายถึง การคิด และใช้สมอง และการอยู่เคียงข้างทีมงานเสมอ ต้องอยู่กับทีมงานทุกขณะ หากตัวอยู่ไม่ได้ ก็ต้องใช้สื่อสารทางอื่น เช่น โทรศัพท์ให้กำลังใจ หรือ สอบถามทุกข์สุขและความคืบหน้า ต้อง "ใส่ใจ" ผ่านวาจาในทุกขณะ
ตัวอย่าง จากภาพยนตร์เรื่อง We Were Soldiers พระเอกที่เป็นหัวหน้าทีมทหารอเมริกันไปรบที่เวียดนาม เมื่อจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ หัวหน้าทีมจะขึ้นเป็นคนสุดท้าย และเมื่อจะลงก็ลงจากเฮลิคอปเตอร์เป็นคนแรก ร่วมรบร่วมทุกข์กับทีมงานทุกขณะ แม้ในสถานะการณ์คับขันก็ไม่ทิ้งทีมงาน ทำตัวเป็นต้นแบบในการปฏิบัติให้กับทีมในทุก ๆ เรื่อง
เช่นเดียวกับ CEO หรือผู้นำทุกคน ต้องเป็น Role Model ต้องสามารถนำนโยบายสู่การปฏิบัติ เป็นต้นแบบให้กับพนักงานได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย หรือเรื่องที่ยิ่งใหญ่ก็ตามที หากต้องการให้พนักงานในองค์กรปฏิบัติอย่างไร CEO ต้องทำสิ่งนั้นก่อน แม้ไม่ต้องออกปากพูด พนักงานก็จะปฏิบัติ และถือเป็นวัฒนธรรมองค์กร แต่หาก CEO พูดและสั่งให้พนักงานกระทำอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือวัฒนธรรมของการทำตามที่สั่ง และรอคำสั่งจึงปฏิบัติ มิใช่เกิดจากใจที่ซึมซับวัฒนธรรมที่ควรเข้าไป หรือหาก CEO กระทำขัดต่อนโยบายหรือแนวทางการบริหารที่วางไว้สำหรับพนักงานในองค์กร แม้เพียงครั้งเดียวนโยบายหรือแนวปฏิบัตินั้นจะไม่มีความศักดิ์สิทธิอีกต่อไป
8. ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับสังคม
CEO ต้องทำประโยชน์ให้กับสังคมรอบข้างได้ด้วย เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีงามให้กับพนักงานและบุคคลทั่วไปด้วยการไม่แสวงหาเฉพาะประโยชน์ส่วนตน หรือเฉพาะองค์กรของตน แต่ต้องเอื้อเฟื้อสังคม สร้างกิจกรรมที่ช่วยเหลือสังคม ให้พนักงานมีส่วนร่วมเพื่อปลูกจิตสำนึกให้รับผิดชอบต่อสังคม
CEO อาจเขียนหนังสือ หรือสอนหนังสือ เป็นวิทยาทาน หรือเข้าเป็นสมาชิกชมรมต่างๆ เพื่อการสร้างเครือข่าย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์แก่ผู้อื่นในสังคมก็ได้
9. ไม่เริงอำนาจ
CEO ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนทุกขณะต้องพูดให้ติดปาก "ผม/ดิฉันไม่ได้เก่งอะไรแต่ทีมงานต่างหากที่สร้างความสำเร็จนี้"การที่ CEO เหลิงอำนาจจะทำให้เกิด LOOSE TOUCH หรือการที่พนักงานจะไม่พูดเรื่องจริงด้วย เพราะเกรงจะขัดใจ และ CEO จะไม่ได้สัมผัสความจริงอีกเลย
"การจะเป็นยอดคน ต้องทำตนเหมือนยอดกระถิน"
...พระอาจารย์ทองดำ
<<เพราะยอดกระถินนั้นอ่อนและโค้งลง ไม่เคยตั้งขึ้น แต่ก็ยังอยู่บนยอดสูงสุดเสมอ>>
"ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เปรียบเสมือนหมอกควันที่ลอยมาห่อหุ้มกายเพียงชั่วคราว แล้วก็จะสลายลอยจากไป"
...คุณสนธิ ทิมทองกุล
ผู้ก่อตั้ง นสพ. ผู้จัดการ
สติ มีมากเท่าไรยิ่งดี มีแต่คุณไม่มีโทษ
ศรัทธา มีมากเกินไป ขาดปัญญา กลายเป็นงมงาย
ปัญญา มีมากเกินไป ขาดศรัทธา กลายเป็นทิฐิมานะ
สมาธิ มีมากเกินไป ขาดปัญญา กลายเป็นโมหะ
ปัญญา มีมากเกินไป ขาดสมาธิ กลายเป็นฟุ้งซ่าน
วิริยะ มีมากเกินไป ขาดสมาธิ กลายเป็นเหน็ดเหนื่อย
สมาธิ มีมากเกินไป ขาดวิริยะ กลายเป็นเกียจคร้าน
....หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
บทสรุป
บุคลิกภาพของผู้นำมี 9 ประการ
1. มีความมั่นใจในตนเองสูงในระดับเหมาะสม หรือ ASSERTIVENESS
2. มีความสามารถในการควบคุมสติอารมณ์ หรือ EMOTIONAL CONTROL
3. มีความน่าเชื่อถือไว้วางใจ หรือ CREDIBILITY
4. คิดก่อนพูด
5. มีความโดดเด่นที่ไม่ซ้ำใคร หรือ BRANDING
6. ช่างซัก ช่างถาม INQUISITIVE
7. ต้องทำงานหนักมากกว่าคนที่อยู่ข้างเคียง
8. ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับสังคม
9. ไม่เริงอำนาจ
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-