แท็ก
พิธีกร
ถ้าได้หนึ่งล้านบาท
"ถ้าได้หนึ่งล้านบาท คุณจะเอาไปทำอะไร?"
คำถามนี้คุ้นหู พอที่จะจัดเป็นประโยคแห่งยุคสมัยทีเดียว
เป็นคำถามที่ใครๆหลายคนอาจเคยฝันกับตัวเองว่า ถ้าถูกถามจะตอบอย่างไร?
มีเทวดาองค์หนึ่งจำแลงกายลงมาในรูปลักษณ์ของพิธีกร ถามคำถามนี้ต่อประชาชนผู้เข้าแข่งขัน ท่ามกลางสายตาผู้ชมหลายร้อยคนในห้องส่ง และอีกหลายล้านคนที่ตั้งใจชมและฟังคำตอบของผู้เข้าแข่งขันอยู่ทางบ้าน เฉพาะเหนือศีรษะของเวทีแข่งขันมีแสงไฟสว่างจ้า ผู้เข้าแข่งขันและพิธีกรนั่งอยู่ ตรงข้ามกันบนเวทียกระดับ มีเพียงจอคอมพิวเตอร์และพนักท้าวเก้าอี้เท่านั้นที่ผู้เข้าแข่งขันพอจะจับให้อุ่นใจได้ นอกนั้นหนาวทั้งแอร์หนาวทั้งสายตาของพิธีกร และหนาวทั้งสายตาของผู้คนนับร้อยและนับล้านที่รอฟังคำตอบอยู่ หากผู้เข้าแข่งขันตอบไม่เข้าหู ก็อาจถูกผู้ชมค่อนแคะ นินทา ชิงชังได้ รวมทั้งอาจสาปแช่งประณาม ให้ตกสวรรค์เร็วๆด้วย แต่เรื่องอย่างนี้ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่มักได้เตรียมตัวมาบ้างแล้ว
หากอยากแสดงว่า ตนเป็นคนถ่อมตน มักน้อย ซื่อบริสุทธิ์ก็จะตอบว่า "ยังไม่ทราบเลยครับ รอให้ใกล้เงินล้านอีกสักนิดจึงจะกล้าพูด" หากอยู่ในสภาพของการเป็นนักศึกษาก็จะตอบว่า "จะเอาไว้เป็นทุนการศึกษาเพื่อเรียนต่อครับ" หากอยู่ในช่วงวัยทำงานก็จะตอบว่า "จะเอาไปเปิดกิจการส่วนตัวที่เคยฝันเอาไว้ อยากสร้างครอบครัวอยากให้ลูกและภรรยาสุขสบาย และอีกส่วนหนึ่งจะเก็บเอาไว้เลี้ยงดูพ่อแม่"
แต่หากอยู่ในสถานภาพที่กินดีอยู่ดีพอสมควรแล้ว ขนาดว่าสายตานับล้านคู่กำลังมองเสื้อผ้า เครื่องประดับที่สวมมาด้วยความอิจฉา จะตอบไปเลยว่า "ส่วนหนึ่งจะนำไปบริจาคให้มูลนิธิ ส่วนหนึ่งช่วยเหลือวัด และช่วยเหลือเด็กกำพร้าครับ"
ขอโทษนะครับ ทั้งหมดนี้คือคำตอบที่ลอกมาจากคำตอบที่ 'ใช้' ตอบกันอย่างแพร่หลาย และสร้างความเห็นใจ เอ็นดู ประทับใจ สงสาร และสุดท้ายได้รับแรงเชียร์จากผู้คนในห้องส่งกันอย่างท่วมท้นนั่นเองครับ
เกิดอะไรขึ้นท่ามกลางภาพฝันเรื่องนี้ แต่กัดกร่อนคุณค่าของคำว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ในฐานะที่มนุษย์คนหนึ่งย่อมเชื่อมั่นและภาคภูมิในความเป็นตัวตนของตัวเอง ในการใช้ความพยายามเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่พึงได้จากน้ำพักน้ำแรงของตน
สิ่งที่เกิดก็คือ ในความเป็นจริงผู้เข้าแข่งขัน ผู้ชมในห้องส่ง หรือผู้ชมที่อยู่ทางบ้านยังไม่ได้เงิน1ล้านบาท "ถ้าได้เงิน1ล้านบาท" ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความสามารถ ความรอบรู้ และโชคชะตาช่วยอีกมาก ขอย้ำอีกมาก จนอาจพูดได้ว่าเกือบ100% หรือมีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะคว้าเงิน1ล้านนั้นได้จริงๆ
แต่เรื่องนี้ทำให้ประชาชนเพ้อพกความฝัน คิดจินตนาการฝันกลางวัน ถึงคำว่า"ถ้าได้1ล้านบาท" อยู่ร่ำไป คล้ายคลึงกับการเพ้อพกความฝันเมื่อซื้อลอตเตอรี่ เพราะแทนที่จะเอาเวลาที่มีอยู่ ไปคิดเรื่องซื้อของอะไรดีไปขายที่จะขายได้เป็นเงินเป็นกำไร ควรจะทำอะไรดีที่ตนทำ
ถนัดและเก่งไม่มีใครสู้ ทำออกมาขายแล้วสามารถขายปลีกได้ขายส่งได้ หรือหากคิดว่าตนไม่ชอบขาย หรืออายที่จะไปขาย ก็ควรคิดถึงทางออกว่าจะจ้างใครมาขายแทนตน ตนเพียงแต่ควบคุมการขาย ใช้เวลาไปในเรื่องควรเลือกขายกับใคร ควรเลือกขายที่ไหน ควรทำให้เขาติดใจผลิตภัณฑ์และตัวผู้ขายอย่างไร
นอกจากนั้นควรใช้เวลาที่มีอยู่เพื่อเสาะหาสินค้าตัวใหม่ อาจเป็นประเภทซื้อมาขายไป อาจนำมาปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้ดูน่าซื้อน่าใช้ ควรใช้เวลาที่มีอยู่เพื่อนำสินค้าไปเสนอขายลูกค้ากลุ่มใหม่ หรือลงที่ร้านใหม่ ควรใช้เวลาโทรศัพท์พูดคุยกับลูกค้าร้านค้า เพื่อถามถึงสินค้าที่อยากซื้อหรืออยากขาย สินค้าที่ไม่ชอบซื้อหรือไม่ชอบขาย พูดคุยสอบถามทุกข์สุข อาจใช้เวลาเพื่อไปแวะเยี่ยมเยียน รับประทานสังสรรค์ นำของฝากไปให้ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อเนื่องยาวนานกับผู้ช่วยขายแทนตน
หนทางที่ก้าวหน้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กรรมดีจะสนองตอบต่อผู้กระทำดี อุปสรรคทุกอย่างลุล่วงไปได้ด้วยความเพียร ความมั่งคั่งไม่ได้มาเมื่ออาบน้ำมนตร์แต่มาได้เมื่ออบเหงื่อ นี่ซิ..จึงจะเป็นสติและปัญญาของมนุษย์ ผู้มีสมองผ่านการเรียนรู้ และการคิดด้วยเหตุผล ทำให้มนุษย์ทำตัว อย่างมีคุณค่า ไม่ปล่อยเวลาล่วงไปโดยรอโชคชะตาหรือรอฟ้าฝน ครั้นเมื่อไม่ได้ก็ปลอบใจว่าโชคยังไม่เข้าข้าง หรือวันหน้าโชคต้องเป็นของเราบ้าง แม้เกมส์โชว์เป็นเพียงรายการที่บอกว่าเพื่อความ สนุกสนานที่ผ่อนคลายชีวิตในวันหนึ่งๆ แต่เราจะปฏิเสธได้อย่างไรว่า ฝาเบียร์ที่กองเป็นภูเขาเลากาอยู่ในรายการนั้น ทำให้ผู้คนนับล้านคนนั่งรอลุ้นมาเป็นสัปดาห์ๆแล้วว่าตนอาจจะเป็นผู้โชคดีที่ได้สร้อยทอง1เส้น ทั้งๆที่ควรจะเอาเวลาและสมาธิในการฝันกลางวันนั้นไปใช้ตั้งใจทำงาน หรือทำความดีเรื่องอื่นๆเพื่อตนเองและเพื่อครอบครัวซึ่งอาจมีค่ามากกว่าสร้อยทอง1เส้นด้วยซ้ำ และไม่เพียงการฝันลมๆแล้งๆประชาชนยังถูกมอมเมาด้วยเบียร์จำนวนมากขึ้นหนักขึ้น แต่เงินทองร่อยหรอลง เพื่อหวังจำนวนฝาเบียร์ที่มากขึ้นเพื่อส่งชิงโชคนั่นเอง
ควรจะขอบคุณนโยบายประหยัดพลังงาน ที่ยืนคอยดักแจกสร้อยทองตามถนนสายด่วนสำหรับรถที่ขับไม่เกิน 90 กม./ชั่วโมง ....ดีไหม แต่ต้องแล้วแต่โชค เพราะรถผ่านไปผ่านมานับหลายพันคัน แล้วไม่รู้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะสุ่มเลือกเวลาไหน
ควรจะขอบคุณผลิตภัณฑ์บางยี่ห้อไหม ที่ฝึกให้ประชาชนท่องจำสโลแกนสินค้าอย่างขึ้นใจ เผื่อว่าจะมีโทรศัพท์ไปถึงบ้านยามใดก็ไม่รู้ ไปทำธุระไหนก็ไม่ได้ เพื่อคอยโชคชะตาฟ้าฝนจะมีโทรศัพท์ของผลิตภัณฑ์นั้นไปสอบถามสโลแกนที่บ้าน จะได้ตอบถูกแล้วได้เงิน2-3พันบาท ทั้งๆที่ความจำของมนุษย์ และเวลาของมนุษย์นั้นมีค่ามากกว่าเงิน2-3พันเสียอีก
ควรจะขอบคุณการทายผลฟุตบอลรายการใหญ่ๆไหม ที่เสนอบ้าน เสนอรถให้ประชาชน โดยให้ประชาชนเขียนทายทีมฟุตบอลที่จะได้แชมป์ โดยให้เขียนทายในไปรษณียบัตรส่งมา หรือตัดคูปองในหนังสือพิมพ์ส่งมา ทำให้ประชาชนรีบออกไปกว้านซื้อไปรษณียบัตรจำนวนเป็นร้อยเป็นพัน หรือคอยซื้อหนังสือพิมพ์เป็นประจำทุกเช้า แล้วนั่งเขียนทายผลทีมฟุตบอลที่ชนะ เพื่อส่งไปจับสลากไปรษณียบัตรเป็นภูเขาเลากาอีกทีว่า ใครจะโชคดีทายผลถูกและถูกจับขึ้นมาได้ จริงอยู่รางวัลเป็นบ้านหรือเป็นรถซึ่งราคาแพงหากเทียบกับไปรษณียบัตรหรือหนังสือพิมพ์1 ฉบับ ยิ่งคนที่ยังไม่มีบ้านหรือยังไม่มีรถใหม่ก็เป็นเรื่อง"เทวดามาโปรด" รู้สึกคุ้มค่าจริงๆ
แต่ประชาชนนับล้านคน ต่างคนก็ต่างซื้อและเขียนส่งนับร้อยนับพันใบ ต่างคนก็ต่างลงทุนเงินนับหลายร้อยหลายพันบาท ลงแรงและใช้เวลาเขียนนับเป็นชั่วโมงๆ แล้วนั่งฝันกลางวันกันไปทุกวัน โดยหยุดทำงานเป็นช่วงๆ สติล่องลอยเป็นช่วงๆ พูดคุยกับเพื่อนคอเดียวกันเป็นช่วงๆ หากนับค่าสูญเสียทั้งประเทศจะนับมากขนาดไหน นับอย่างไรดี เพราะเวลาที่ประชาชนฝันกลางวันนั้น สามารถสร้างผลผลิต และตัวเงินให้กับตนเองและให้กับประเทศชาติได้ดีกว่ากันเยอะ
ควรจะขอบคุณรายการทายผลหรือโหวตความคิดเห็นตนเอง โดยส่งเป็นข้อความสั้น(SMS) นาทีละ 6-9บาทไปยังรายการโทรทัศน์ที่กำลังออกรายการอยู่ ถ้าตอบถูกก็จะจับฉลากผู้โชคดี เพื่อมอบสิ่งของหรือสินค้าที่ทำขึ้นเพื่อแจกลูกค้า(สินค้าPREMIUM) ดีไหม
ตัวประชาชนที่ทายผลหรือโหวตความคิดเห็น ทั้งต้องลงทุนเพื่อส่งข้อความสั้น ทั้งต้องเสียเวลาเพื่อรอฟังผลประกาศ ทั้งต้องจ่ายค่ายานพาหนะและค่าเสียเวลาไปรับของ และทั้งต้องหงุดหงิดผิดหวังไม่สบอารมณ์ เมื่อทายไม่ถูกหรือทายถูกแต่ไม่มีโชคได้รางวัล หากรวมๆกันของประชาชนหลายๆพันคนแล้วคิดเป็นตัวเลขที่เสียไป......ก็มากโขอยู่
ภาพฝันเหล่านี้แม้ไม่ใช่การหลอกลวงประชาชน เพราะถ้าผู้เข้าแข่งขันรู้กว้างหรือรู้ทุกเรื่องจริงจำนวน16เรื่อง รู้จักใบหน้าทุกใบหน้าจริงจำนวน10ใบหน้า รู้ลึกในประเด็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งจริงอย่างแฟนพันธ์แท้ หรือรู้จักเนื้อเพลงเพลงใดเพลงหนึ่งที่เขาเลือกมาให้โดยไม่ผิดแม้แต่คำเดียวจริง ก็จะได้เงินก้อนใหญ่จริง
แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้ถึงจุดจุดนั้น ส่วนใหญ่มีลุ้น ใกล้จะถึง เกือบจะได้ อีกข้อเดียวหรือหมดเวลาเสียก่อนเกือบทั้งนั้น
เงินล้านจึงเป็นแค่ภาพฝันที่ประชาชนน้อยน้อยคนนักจะได้จับต้องจริง
คนที่ประสบความสำเร็จ ที่ผู้ชมได้รับทราบชีวิตจริงของเขาไม่ว่าจะจากรายการสู้แล้วรวย เกมแก้จน หรือรายการที่นำผู้ประกอบการSMEsมาเล่าความเป็นมา ล้วนต่างบอกว่ากว่าจะก้าวมาถึงวันนี้ ต้องขยัน อดทน สู้งานหนัก ไม่ย่อท้อปัญหาอุปสรรค ประหยัด ซื่อสัตย์ และเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองว่าต้องทำสิ่งที่หวังให้ได้ เรียกว่าเชื่อมั่นในความสามารถของการเป็นที่พึ่งของตนเอง
ไม่มีหรอก ที่ผู้ประสบความสำเร็จจะบอกว่ารอเทวดามาโปรด บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เฮง และนั่งรอราชรถมาเกย
ภราดร กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ หลายคนก็เคยรู้ว่าเขาเริ่มฝึกเทนนิสตั้งแต่อายุ6ขวบ ฝึกหนัก ผ่านฝน ผ่านแดด ปาดเหงื่อ บาดเจ็บ ปวดและล้า เป็นเวลา17ปี เขาถึงได้เงินล้านจริง ไม่ต้องมีคำว่าถ้า
เบิร์ดธงไชย ที่ผู้ชมรักชื่นชอบ รู้สึกสนุกสนานครึกครื้นที่เขาอยู่บนเวที แสดงได้ตั้ง21รอบ แต่ละรอบผู้ชมล้นหลาม แต่เบื้องหลังเวทีและหลายเดือนก่อนขึ้นเวที เบิร์ดต้องประชุมเตรียมงาน ประชุมแก้ไขผลงาน ซ้อมแล้วซ้อมอีก ซ้อมหนัก หนักมากๆ ทั้งเหนื่อย ทั้งหมดเสียง ทั้งไม่สบาย เขาถึงได้เงินล้านจริง ไม่ต้องมีคำว่าถ้า
ขอทุกท่านอย่ามัวฝันกลางวันอยู่เลย อย่ามัวฝันว่าจะได้ออกรายการทีวีนั้นๆเพื่อจะไปตอบคำถาม16 คำถาม หรือตอบคำถาม 10ใบหน้า หรือร้องเพลงที่มีนับหลายๆพันเพลงแต่ถูกเลือกให้ร้องเพลงเดียว โดยคำร้องต้องไม่ผิดเลย อย่ามัวฝันว่าไปรษณียบัตรและคูปองที่เขียนส่งไปหลายๆสิบ หลายๆร้อย หรือนับพันชิ้นจะมีโอกาสตอบถูกและถูกจับขึ้นมาเพียงหนึ่งเดียวจากกองไปรษณียบัตร ที่ถูกขนเข้ามาด้วยรถสิบล้อหลายคันรถ อาจนับได้เป็นร้อยล้านชิ้นก็ได้ และอย่ามัวฝันว่าข้อความSMSที่ส่งไปทายคำตอบหรือโหวตคะแนน ซึ่งมีนับเป็นหลายๆพันข้อความหรือบางครั้งอาจถึงหลายๆหมื่นข้อความ จะถูกหยิบของท่านขึ้นมาเพียงหนึ่งเดียว แน่นอนอาจจะมีบ้าง หรือต้องมีอยู่หนึ่งเดียวบ้างที่ถูก แต่ที่ไม่ถูกเล่า จำนวนถึงเกือบ100%
หยิบคว้าสิ่งที่จะได้เป็นเงินใกล้ๆตัวกันเถอะ แม้จะเหนื่อย แม้จะยาก และแม้จะได้น้อย แต่ก็เป็นเงินที่ได้จริง ไม่มีคำว่าถ้า
.. เงินน้อยในมือดีกว่าเงินล้านในภาพฝัน...เป็นเรื่องจริงนะครับ...
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
"ถ้าได้หนึ่งล้านบาท คุณจะเอาไปทำอะไร?"
คำถามนี้คุ้นหู พอที่จะจัดเป็นประโยคแห่งยุคสมัยทีเดียว
เป็นคำถามที่ใครๆหลายคนอาจเคยฝันกับตัวเองว่า ถ้าถูกถามจะตอบอย่างไร?
มีเทวดาองค์หนึ่งจำแลงกายลงมาในรูปลักษณ์ของพิธีกร ถามคำถามนี้ต่อประชาชนผู้เข้าแข่งขัน ท่ามกลางสายตาผู้ชมหลายร้อยคนในห้องส่ง และอีกหลายล้านคนที่ตั้งใจชมและฟังคำตอบของผู้เข้าแข่งขันอยู่ทางบ้าน เฉพาะเหนือศีรษะของเวทีแข่งขันมีแสงไฟสว่างจ้า ผู้เข้าแข่งขันและพิธีกรนั่งอยู่ ตรงข้ามกันบนเวทียกระดับ มีเพียงจอคอมพิวเตอร์และพนักท้าวเก้าอี้เท่านั้นที่ผู้เข้าแข่งขันพอจะจับให้อุ่นใจได้ นอกนั้นหนาวทั้งแอร์หนาวทั้งสายตาของพิธีกร และหนาวทั้งสายตาของผู้คนนับร้อยและนับล้านที่รอฟังคำตอบอยู่ หากผู้เข้าแข่งขันตอบไม่เข้าหู ก็อาจถูกผู้ชมค่อนแคะ นินทา ชิงชังได้ รวมทั้งอาจสาปแช่งประณาม ให้ตกสวรรค์เร็วๆด้วย แต่เรื่องอย่างนี้ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่มักได้เตรียมตัวมาบ้างแล้ว
หากอยากแสดงว่า ตนเป็นคนถ่อมตน มักน้อย ซื่อบริสุทธิ์ก็จะตอบว่า "ยังไม่ทราบเลยครับ รอให้ใกล้เงินล้านอีกสักนิดจึงจะกล้าพูด" หากอยู่ในสภาพของการเป็นนักศึกษาก็จะตอบว่า "จะเอาไว้เป็นทุนการศึกษาเพื่อเรียนต่อครับ" หากอยู่ในช่วงวัยทำงานก็จะตอบว่า "จะเอาไปเปิดกิจการส่วนตัวที่เคยฝันเอาไว้ อยากสร้างครอบครัวอยากให้ลูกและภรรยาสุขสบาย และอีกส่วนหนึ่งจะเก็บเอาไว้เลี้ยงดูพ่อแม่"
แต่หากอยู่ในสถานภาพที่กินดีอยู่ดีพอสมควรแล้ว ขนาดว่าสายตานับล้านคู่กำลังมองเสื้อผ้า เครื่องประดับที่สวมมาด้วยความอิจฉา จะตอบไปเลยว่า "ส่วนหนึ่งจะนำไปบริจาคให้มูลนิธิ ส่วนหนึ่งช่วยเหลือวัด และช่วยเหลือเด็กกำพร้าครับ"
ขอโทษนะครับ ทั้งหมดนี้คือคำตอบที่ลอกมาจากคำตอบที่ 'ใช้' ตอบกันอย่างแพร่หลาย และสร้างความเห็นใจ เอ็นดู ประทับใจ สงสาร และสุดท้ายได้รับแรงเชียร์จากผู้คนในห้องส่งกันอย่างท่วมท้นนั่นเองครับ
เกิดอะไรขึ้นท่ามกลางภาพฝันเรื่องนี้ แต่กัดกร่อนคุณค่าของคำว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ในฐานะที่มนุษย์คนหนึ่งย่อมเชื่อมั่นและภาคภูมิในความเป็นตัวตนของตัวเอง ในการใช้ความพยายามเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่พึงได้จากน้ำพักน้ำแรงของตน
สิ่งที่เกิดก็คือ ในความเป็นจริงผู้เข้าแข่งขัน ผู้ชมในห้องส่ง หรือผู้ชมที่อยู่ทางบ้านยังไม่ได้เงิน1ล้านบาท "ถ้าได้เงิน1ล้านบาท" ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความสามารถ ความรอบรู้ และโชคชะตาช่วยอีกมาก ขอย้ำอีกมาก จนอาจพูดได้ว่าเกือบ100% หรือมีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะคว้าเงิน1ล้านนั้นได้จริงๆ
แต่เรื่องนี้ทำให้ประชาชนเพ้อพกความฝัน คิดจินตนาการฝันกลางวัน ถึงคำว่า"ถ้าได้1ล้านบาท" อยู่ร่ำไป คล้ายคลึงกับการเพ้อพกความฝันเมื่อซื้อลอตเตอรี่ เพราะแทนที่จะเอาเวลาที่มีอยู่ ไปคิดเรื่องซื้อของอะไรดีไปขายที่จะขายได้เป็นเงินเป็นกำไร ควรจะทำอะไรดีที่ตนทำ
ถนัดและเก่งไม่มีใครสู้ ทำออกมาขายแล้วสามารถขายปลีกได้ขายส่งได้ หรือหากคิดว่าตนไม่ชอบขาย หรืออายที่จะไปขาย ก็ควรคิดถึงทางออกว่าจะจ้างใครมาขายแทนตน ตนเพียงแต่ควบคุมการขาย ใช้เวลาไปในเรื่องควรเลือกขายกับใคร ควรเลือกขายที่ไหน ควรทำให้เขาติดใจผลิตภัณฑ์และตัวผู้ขายอย่างไร
นอกจากนั้นควรใช้เวลาที่มีอยู่เพื่อเสาะหาสินค้าตัวใหม่ อาจเป็นประเภทซื้อมาขายไป อาจนำมาปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้ดูน่าซื้อน่าใช้ ควรใช้เวลาที่มีอยู่เพื่อนำสินค้าไปเสนอขายลูกค้ากลุ่มใหม่ หรือลงที่ร้านใหม่ ควรใช้เวลาโทรศัพท์พูดคุยกับลูกค้าร้านค้า เพื่อถามถึงสินค้าที่อยากซื้อหรืออยากขาย สินค้าที่ไม่ชอบซื้อหรือไม่ชอบขาย พูดคุยสอบถามทุกข์สุข อาจใช้เวลาเพื่อไปแวะเยี่ยมเยียน รับประทานสังสรรค์ นำของฝากไปให้ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อเนื่องยาวนานกับผู้ช่วยขายแทนตน
หนทางที่ก้าวหน้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กรรมดีจะสนองตอบต่อผู้กระทำดี อุปสรรคทุกอย่างลุล่วงไปได้ด้วยความเพียร ความมั่งคั่งไม่ได้มาเมื่ออาบน้ำมนตร์แต่มาได้เมื่ออบเหงื่อ นี่ซิ..จึงจะเป็นสติและปัญญาของมนุษย์ ผู้มีสมองผ่านการเรียนรู้ และการคิดด้วยเหตุผล ทำให้มนุษย์ทำตัว อย่างมีคุณค่า ไม่ปล่อยเวลาล่วงไปโดยรอโชคชะตาหรือรอฟ้าฝน ครั้นเมื่อไม่ได้ก็ปลอบใจว่าโชคยังไม่เข้าข้าง หรือวันหน้าโชคต้องเป็นของเราบ้าง แม้เกมส์โชว์เป็นเพียงรายการที่บอกว่าเพื่อความ สนุกสนานที่ผ่อนคลายชีวิตในวันหนึ่งๆ แต่เราจะปฏิเสธได้อย่างไรว่า ฝาเบียร์ที่กองเป็นภูเขาเลากาอยู่ในรายการนั้น ทำให้ผู้คนนับล้านคนนั่งรอลุ้นมาเป็นสัปดาห์ๆแล้วว่าตนอาจจะเป็นผู้โชคดีที่ได้สร้อยทอง1เส้น ทั้งๆที่ควรจะเอาเวลาและสมาธิในการฝันกลางวันนั้นไปใช้ตั้งใจทำงาน หรือทำความดีเรื่องอื่นๆเพื่อตนเองและเพื่อครอบครัวซึ่งอาจมีค่ามากกว่าสร้อยทอง1เส้นด้วยซ้ำ และไม่เพียงการฝันลมๆแล้งๆประชาชนยังถูกมอมเมาด้วยเบียร์จำนวนมากขึ้นหนักขึ้น แต่เงินทองร่อยหรอลง เพื่อหวังจำนวนฝาเบียร์ที่มากขึ้นเพื่อส่งชิงโชคนั่นเอง
ควรจะขอบคุณนโยบายประหยัดพลังงาน ที่ยืนคอยดักแจกสร้อยทองตามถนนสายด่วนสำหรับรถที่ขับไม่เกิน 90 กม./ชั่วโมง ....ดีไหม แต่ต้องแล้วแต่โชค เพราะรถผ่านไปผ่านมานับหลายพันคัน แล้วไม่รู้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะสุ่มเลือกเวลาไหน
ควรจะขอบคุณผลิตภัณฑ์บางยี่ห้อไหม ที่ฝึกให้ประชาชนท่องจำสโลแกนสินค้าอย่างขึ้นใจ เผื่อว่าจะมีโทรศัพท์ไปถึงบ้านยามใดก็ไม่รู้ ไปทำธุระไหนก็ไม่ได้ เพื่อคอยโชคชะตาฟ้าฝนจะมีโทรศัพท์ของผลิตภัณฑ์นั้นไปสอบถามสโลแกนที่บ้าน จะได้ตอบถูกแล้วได้เงิน2-3พันบาท ทั้งๆที่ความจำของมนุษย์ และเวลาของมนุษย์นั้นมีค่ามากกว่าเงิน2-3พันเสียอีก
ควรจะขอบคุณการทายผลฟุตบอลรายการใหญ่ๆไหม ที่เสนอบ้าน เสนอรถให้ประชาชน โดยให้ประชาชนเขียนทายทีมฟุตบอลที่จะได้แชมป์ โดยให้เขียนทายในไปรษณียบัตรส่งมา หรือตัดคูปองในหนังสือพิมพ์ส่งมา ทำให้ประชาชนรีบออกไปกว้านซื้อไปรษณียบัตรจำนวนเป็นร้อยเป็นพัน หรือคอยซื้อหนังสือพิมพ์เป็นประจำทุกเช้า แล้วนั่งเขียนทายผลทีมฟุตบอลที่ชนะ เพื่อส่งไปจับสลากไปรษณียบัตรเป็นภูเขาเลากาอีกทีว่า ใครจะโชคดีทายผลถูกและถูกจับขึ้นมาได้ จริงอยู่รางวัลเป็นบ้านหรือเป็นรถซึ่งราคาแพงหากเทียบกับไปรษณียบัตรหรือหนังสือพิมพ์1 ฉบับ ยิ่งคนที่ยังไม่มีบ้านหรือยังไม่มีรถใหม่ก็เป็นเรื่อง"เทวดามาโปรด" รู้สึกคุ้มค่าจริงๆ
แต่ประชาชนนับล้านคน ต่างคนก็ต่างซื้อและเขียนส่งนับร้อยนับพันใบ ต่างคนก็ต่างลงทุนเงินนับหลายร้อยหลายพันบาท ลงแรงและใช้เวลาเขียนนับเป็นชั่วโมงๆ แล้วนั่งฝันกลางวันกันไปทุกวัน โดยหยุดทำงานเป็นช่วงๆ สติล่องลอยเป็นช่วงๆ พูดคุยกับเพื่อนคอเดียวกันเป็นช่วงๆ หากนับค่าสูญเสียทั้งประเทศจะนับมากขนาดไหน นับอย่างไรดี เพราะเวลาที่ประชาชนฝันกลางวันนั้น สามารถสร้างผลผลิต และตัวเงินให้กับตนเองและให้กับประเทศชาติได้ดีกว่ากันเยอะ
ควรจะขอบคุณรายการทายผลหรือโหวตความคิดเห็นตนเอง โดยส่งเป็นข้อความสั้น(SMS) นาทีละ 6-9บาทไปยังรายการโทรทัศน์ที่กำลังออกรายการอยู่ ถ้าตอบถูกก็จะจับฉลากผู้โชคดี เพื่อมอบสิ่งของหรือสินค้าที่ทำขึ้นเพื่อแจกลูกค้า(สินค้าPREMIUM) ดีไหม
ตัวประชาชนที่ทายผลหรือโหวตความคิดเห็น ทั้งต้องลงทุนเพื่อส่งข้อความสั้น ทั้งต้องเสียเวลาเพื่อรอฟังผลประกาศ ทั้งต้องจ่ายค่ายานพาหนะและค่าเสียเวลาไปรับของ และทั้งต้องหงุดหงิดผิดหวังไม่สบอารมณ์ เมื่อทายไม่ถูกหรือทายถูกแต่ไม่มีโชคได้รางวัล หากรวมๆกันของประชาชนหลายๆพันคนแล้วคิดเป็นตัวเลขที่เสียไป......ก็มากโขอยู่
ภาพฝันเหล่านี้แม้ไม่ใช่การหลอกลวงประชาชน เพราะถ้าผู้เข้าแข่งขันรู้กว้างหรือรู้ทุกเรื่องจริงจำนวน16เรื่อง รู้จักใบหน้าทุกใบหน้าจริงจำนวน10ใบหน้า รู้ลึกในประเด็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งจริงอย่างแฟนพันธ์แท้ หรือรู้จักเนื้อเพลงเพลงใดเพลงหนึ่งที่เขาเลือกมาให้โดยไม่ผิดแม้แต่คำเดียวจริง ก็จะได้เงินก้อนใหญ่จริง
แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้ถึงจุดจุดนั้น ส่วนใหญ่มีลุ้น ใกล้จะถึง เกือบจะได้ อีกข้อเดียวหรือหมดเวลาเสียก่อนเกือบทั้งนั้น
เงินล้านจึงเป็นแค่ภาพฝันที่ประชาชนน้อยน้อยคนนักจะได้จับต้องจริง
คนที่ประสบความสำเร็จ ที่ผู้ชมได้รับทราบชีวิตจริงของเขาไม่ว่าจะจากรายการสู้แล้วรวย เกมแก้จน หรือรายการที่นำผู้ประกอบการSMEsมาเล่าความเป็นมา ล้วนต่างบอกว่ากว่าจะก้าวมาถึงวันนี้ ต้องขยัน อดทน สู้งานหนัก ไม่ย่อท้อปัญหาอุปสรรค ประหยัด ซื่อสัตย์ และเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองว่าต้องทำสิ่งที่หวังให้ได้ เรียกว่าเชื่อมั่นในความสามารถของการเป็นที่พึ่งของตนเอง
ไม่มีหรอก ที่ผู้ประสบความสำเร็จจะบอกว่ารอเทวดามาโปรด บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เฮง และนั่งรอราชรถมาเกย
ภราดร กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ หลายคนก็เคยรู้ว่าเขาเริ่มฝึกเทนนิสตั้งแต่อายุ6ขวบ ฝึกหนัก ผ่านฝน ผ่านแดด ปาดเหงื่อ บาดเจ็บ ปวดและล้า เป็นเวลา17ปี เขาถึงได้เงินล้านจริง ไม่ต้องมีคำว่าถ้า
เบิร์ดธงไชย ที่ผู้ชมรักชื่นชอบ รู้สึกสนุกสนานครึกครื้นที่เขาอยู่บนเวที แสดงได้ตั้ง21รอบ แต่ละรอบผู้ชมล้นหลาม แต่เบื้องหลังเวทีและหลายเดือนก่อนขึ้นเวที เบิร์ดต้องประชุมเตรียมงาน ประชุมแก้ไขผลงาน ซ้อมแล้วซ้อมอีก ซ้อมหนัก หนักมากๆ ทั้งเหนื่อย ทั้งหมดเสียง ทั้งไม่สบาย เขาถึงได้เงินล้านจริง ไม่ต้องมีคำว่าถ้า
ขอทุกท่านอย่ามัวฝันกลางวันอยู่เลย อย่ามัวฝันว่าจะได้ออกรายการทีวีนั้นๆเพื่อจะไปตอบคำถาม16 คำถาม หรือตอบคำถาม 10ใบหน้า หรือร้องเพลงที่มีนับหลายๆพันเพลงแต่ถูกเลือกให้ร้องเพลงเดียว โดยคำร้องต้องไม่ผิดเลย อย่ามัวฝันว่าไปรษณียบัตรและคูปองที่เขียนส่งไปหลายๆสิบ หลายๆร้อย หรือนับพันชิ้นจะมีโอกาสตอบถูกและถูกจับขึ้นมาเพียงหนึ่งเดียวจากกองไปรษณียบัตร ที่ถูกขนเข้ามาด้วยรถสิบล้อหลายคันรถ อาจนับได้เป็นร้อยล้านชิ้นก็ได้ และอย่ามัวฝันว่าข้อความSMSที่ส่งไปทายคำตอบหรือโหวตคะแนน ซึ่งมีนับเป็นหลายๆพันข้อความหรือบางครั้งอาจถึงหลายๆหมื่นข้อความ จะถูกหยิบของท่านขึ้นมาเพียงหนึ่งเดียว แน่นอนอาจจะมีบ้าง หรือต้องมีอยู่หนึ่งเดียวบ้างที่ถูก แต่ที่ไม่ถูกเล่า จำนวนถึงเกือบ100%
หยิบคว้าสิ่งที่จะได้เป็นเงินใกล้ๆตัวกันเถอะ แม้จะเหนื่อย แม้จะยาก และแม้จะได้น้อย แต่ก็เป็นเงินที่ได้จริง ไม่มีคำว่าถ้า
.. เงินน้อยในมือดีกว่าเงินล้านในภาพฝัน...เป็นเรื่องจริงนะครับ...
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-